เว็บไซต์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ให้คำจำกัดความของอี-คลาส คูเป้ไว้ว่านี่คือรถที่ได้รับการผสมผสานความสวยงามแบบรถสปอร์ตคูเป้เข้ากับความคลาสสิกแบบแกรนด์ทัวเรอร์ที่มาพร้อมเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำหน้าที่สุดในเวลานี้
หลังจากการเปิดตัวรุ่นซีดาน เอสเตท และออล-เทอร์เรน ครอบครัวอี-คลาสได้ต้อนรับสมาชิกใหม่ในโฉมคูเป้ซึ่งเปิดตัวสู่สายตาสาธารณชนครั้งแรกที่งานดีทรอยท์ ออโต้โชว์เมื่อต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา และจะปรากฏตัวในเมืองไทยครั้งแรกที่งานบางกอก มอเตอร์โชว์ในช่วงปลายเดือนมีนาคมนี้
ดร. โธมัส เวเบอร์ กรรมการบริหารของเดมเลอร์ เอจีซึ่งรับผิดชอบการวิจัยและพัฒนารถเมอร์เซเดส-เบนซ์เปิดเผยว่า “ด้วยเส้นสายที่เปี่ยมด้วยสุนทรียภาพ อี-คลาส คูเป้มีดีไซน์ที่ร่วมสมัย หรูหรา สปอร์ต และปราดเปรียวอยู่ในคันเดียว พร้อมอัดแน่นวิศวกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูงที่จะให้ความเพลิดเพลินในการขับขี่อย่างเต็มที่”
สัดส่วนทรวดทรงของอี-คลาส คูเป้คือลายเซ็นที่ชัดเจนของความเป็นเมอร์เซเดส-เบนซ์ยุคใหม่ กระจังหน้าขนาดใหญ่ที่มีตำแหน่งอยู่ต่ำกว่าเดิม ฝากระโปรงหน้าค่อนข้างยาวที่แสดงถึงพละกำลังมีดีไซน์เทลาดขึ้นไปจนถึงกระจกบังลมหน้า ขณะที่ด้านท้ายรถค่อนข้างกว้างที่เน้นให้เห็นถึงมัดกล้ามบึกบึน เมื่อมองจากด้านข้างจะเห็นถึงความเนียนตาเพราะปราศจากเสาหลังคากลางหรือบีพิลลาร์
ค่ายรถยักษ์ใหญ่จากเยอรมนีระบุด้วยว่า รถคูเป้รุ่นนี้มีพื้นฐานมาจากเวอร์ชั่นซีดาน แต่ถูกเติมเต็มความสปอร์ตซึ่งจะเป็นวิวัฒนาการครั้งสำคัญสำหรับเอกลักษณ์การออกแบบของแบรนด์
กรอบไฟหน้าของอี-คลาส คูเป้เป็นเทคโนโลยีมัลติบีมแอลอีดีแบบเดียวกับรุ่นซีดาน ซึ่งใช้หลอดแอลอีดี 84 ดวงต่อข้าง มาพร้อมระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ Adaptive Highbeam Assist Plus ซึ่งจะปรับไฟสูงตามสถานการณ์บนท้องถนน และตามสภาพอากาศเพื่อให้ความปลอดภัยมากขึ้น
ขณะที่ไฟท้ายดีไซน์เรียวบางก็เป็นแอลอีดีเช่นกัน เมื่อปลดล็อกประตู ไฟท้ายจะมีลูกเล่นกระพริบจากตรงกลางออกด้านนอกตัวรถ และเมื่อล็อกประตู ไฟจะวิ่งสวนทางซึ่งเป็นเหมือนการ “ต้อนรับ” และ “บอกลา” ผู้ขับขี่นั่นเอง
ในส่วนของมิติตัวถัง อี-คลาส คูเป้ เจนเนอเรชั่นที่ 5 นี้มีขนาดใหญ่กว่ารุ่นก่อนหน้า โดยตัวถังยาว 4,826 มม. กว้าง 1,860 มม. ซึ่งยาวขึ้น 127 มม. และกว้างขึ้น 74 มม. เมื่อเทียบกับรุ่นเดิม ความสูงอยู่ที่ 1,430 มม.หรือสูงกว่าเดิม 38 มม. ระยะฐานล้อหน้า-หลังก็กว้างขึ้น 67 มม. และ 68 มม. ตามลำดับซึ่งจะช่วยเพิ่มสมรรถนะการขับขี่
ภายในห้องโดยสารแน่นอนว่าจะต้องไฮเทคโนโลยีและหรูหราด้วยเช่นกันโดยยกโครงสร้างมาจากรุ่นซีดานและได้แรงบันดาลใจมาจากรุ่นพี่อย่างเอส-คลาส ความโดดเด่นอยูที่มาตรวัดที่เป็นหน้าจอความละเอียดสูงขนาด 8.4 นิ้วและจอดิสเพลย์ 12.3 นิ้วที่ผนวกรวมเข้าไว้เป็นหนึ่งเดียวทำให้เป็น Widescreen Cockpit ลอยเด่นขึ้นมาอย่างชัดเจน
พวงมาลัยมีสวิทช์แบบระบบสัมผัสที่เปิดตัวครั้งแรกในอี-คลาส ซีดาน ระบบอินโฟเทนเมนท์ถูกปรับเปลี่ยนเมนูใหม่หมด ไฮไลท์อยู่ที่ระบบควบคุมด้วยคำสั่งเสียง Linguatronic สวิทช์ควบคุมทรงกลมระบบ Comand เครื่องเสียง Burmester กระหึ่มลำโพง 23 ตัว และแสงไฟแอลอีดีประหยัดพลังงาน การตกแต่งภายในของอี-คลาส คูเป้มีทั้งไม้สีอ่อน หนังเกรดพิเศษ และวัสดุเงาวาววามสลับกันตามแต่ความต้องการของลูกค้า
Comand Online รองรับการเชื่อมต่อแอปเปิล คาร์เพลย์ และแอนดรอยด์ ออโต้ พร้อมกับมีการรายงานข้อมูลจราจร Live Trafic Information และ Concierge Service ซึ่งระบบหลังมีการช่วยเหลือผู้ขับขี่เหมือนมีเลขาส่วนบุคคลกันเลยทีเดียว ตั้งแต่ข้อมูลเกี่ยวกับจุดหมายปลายทาง เส้นทางการเดินทาง ไปจนถึงข้อมูลรายการแข่งขันกีฬาและร้านอาหารน่าสนใจ
ถึงแม้จะเป็นรถสองประตูคูเป้ที่มีเส้นสายหลังคาลาดเอียง แต่ด้วยการขยายฐานล้อ ทำให้พื้นที่ในห้องโดยสารมีความกว้างขวางและให้ความสะดวกสบายได้ดี เมอร์เซเดส-เบนซ์การันตีว่าพื้นที่ช่วงขา และช่วงไหล่ ตลอดจนช่วงศีรษะเพิ่มขึ้นมากกว่ารุ่นเดิมทั้งหมด
ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่อี-คลาส คูเป้จะใช้ระบบขับเคลื่อนแบบเดียวกับซีดาน แต่ก็จะมีความแตกต่างกันอยู่บ้าง อาทิรุ่นอี300 ซีดานที่ใช้เครื่องยนต์ 4 สูบ ความจุ 2.0 ลิตร พละกำลัง 241 แรงม้า ถ้าเป็นรุ่นคุเป้จะเป็นรุ่นอี400 ที่ใช้เครื่องยนต์วี6 ความจุ 3.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จคู่ พละกำลัง 329 แรงม้า แรงบิด 354 ฟุตปอนด์ ระบบส่งกำลังเป็นเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด 9G-Tronic อัตราเร่ง 0-96 กม.ต่อชม. ภายใน 5.2 วินาที ความเร็วสูงสุดจำกัดไว้ที่ 250 กม.ต่อชม.
นั่นเป็นสเปกอเมริกาแต่ถ้าเป็นตลาดยุโรปจะมี 4 รุ่นย่อย เริ่มจากอี220ดี ดีเซล 4 สูบ 184 แรงม้า อี200 พละกำลัง 184 แรงม้า อี300 พลัง 245 แรงม้าซึ่งทั้งสองรุ่นใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตร เทอร์โบ และปิดท้ายด้วยอี400 วี6 ทวินเทอร์โบ 333 แรงม้า
แน่นอนว่าเมอร์เซเดส-เบนซ์จะส่งเวอร์ชั่นเอเอ็มจี ทั้งอี43 อี63 และอี63 เอสออกตามมาในภายหลัง พร้อมกับมีข่าวว่าอาจทำตลาดรุ่นใหม่ อี50 ขุมพลังวี6 เทอร์โบคู่ หลายร้อยแรงม้าอีกด้วย คาดว่าจะได้ยินข่าวเพิ่มเติมในช่วงปลายปีหน้า
สำหรับระบบกันสะเทือนเน้นความหรูหรา นุ่มนวล และเกาะถนนแบบรถสปอร์ตเยอรมัน โดดเด่นด้วยระบบ Direct Control เป็นอุปกรณ์มาตรฐานซึ่งสามารถเลือกโหมด Comfort และ Sport ได้ตามอารมณ์ชีพจรลงเท้า ช่วงล่างโหลดต่ำลงกว่าเดิม 15 มม. เมื่อเทียบกับรุ่นซีดาน
เมอร์เซเดส-เบนซ์ยังนำเสนออ็อปชั่นช่วงล่าง Dynamic Body Control ซึ่งสามารถควบคุมด้วยสวิทช์บนคอนโซลว่าจะปรับโหมดการขับขี่แบบใด ทั้ง Comfort Sport และ Sport+
ในส่วนของระบบความปลอดภัยที่น่าสนใจก็คือ Active Brake Assist ติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในอี-คลาส คูเป้ที่จะช่วยเตือนผู้ขับขี่หากมีความเสี่ยงจะชนด้านหน้า พร้อมกับช่วยควบคุมระบบเบรกโดยอัตโนมัติเมื่อมีความจำเป็น นอกจากนี้ยังมีระบบ Drive Pilot และ Distance Pilot DISTRONIC ที่จะช่วยให้ตัวรถรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าที่ความเร็วสูงสุด 210 กม.ต่อชม. โดยสามารถเร่ง เบรก และเลี้ยวไปตามทางได้โดยอัตโนมัติ
นับเป็นครั้งแรกของเมอร์เซเดส-เบนซ์ที่ติดตั้ง Remote Parking Pilot ที่ช่วยให้ตัวรถเคลื่อนเข้าไปจอดและออกจากช่องจอดได้ด้วยรีโมทที่ควบคุมผ่านแอพพลิเคชั่นสมาร์ทโฟน
ติดตามข่าวคราวความเคลื่อนไหวของแวดวงอุตสาหกรรมยานยนต์ได้ ที่นี่
ต้องการซื้อรถมือสอง ตรวจสอบราคารถยนต์มือสอง เชิญที่นี่
ความคิดเห็น