ความเดิมตอนที่แล้วที่เราพาทุกคนไปรู้จักกันโลกของวอลโว่และระบบความปลอดภัยต่าง ๆ ที่มีการคิดค้นขึ้นมา เราได้ทิ้งท้ายเอาไว้ว่ามีอีก 2 สิ่งที่น่าสนใจจากในทริปนี้ นั่นก็คือแพลตฟอร์มใหม่ล่าสุดของวอลโว่และแนวคิดในการพัฒนารถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติของค่ายนี้
วอลโว่เองมีเป้าหมายของบริษัทว่าภายในปี 2563 จะต้องไม่มีผู้ใดเสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรงด้วยบรถยนต์ของวอลโว่ ดังนั้น ค่ายรถแห่งนี้จึงได้เร่งเครื่องสูงสุดในการสร้างความปลอดภัยที่เหนือชั้นให้กับรถยนต์ทุกคันที่จะผลิตในช่วงต่อจากนี้
หลาย ๆ คนอาจจะคุ้นเคยกับชื่อของสปา แพลตฟอร์ม (SPA Platform- Scalable Product Architecture Platform) ที่วอลโว่ใช้ในการพัฒนารถยนต์หลาย ๆ รุ่น ซึ่งทำตลาดอยู่ในปัจจุบัน แต่ก็เน้นไปที่รถยนต์ขนาดกลางและใหญ่ รวมไปถึงรถประเภทอื่น ๆ
ขณะเดียวกัน ในการพัฒนารถยนต์นั่งขนาดเล็ก วอลโว่เองก็ต้องการทางเลือกที่หลากหลาย เพื่อรองรับไลน์อัพของสินค้าใหม่ ๆ ที่จะเปิดตัวตามมาในอนาคต วอลโว่จึงได้ทำการพัฒนาแพลตฟอร์มใหม่ขึ้นมาโดยเฉพาะเพื่อใช้ในกิจการดังกล่าว
จึงเป็นที่มาของแพลตฟอร์มใหม่ที่เรียกว่าซีเอ็มเอ แพลตฟอร์ม (CMA Platform - Compact Modular Architecture Platform) ที่สามารถตอบสนองความต้องการในการพัฒนายานยนต์ขนาดเล็กสำหรับโลกอนาคตได้อย่างเหนือชั้นกว่าแพลตฟอร์มเดิม
หลักการของซีเอ็มเอนั้น จะให้ความหลากหลายในการพัฒนารถยนต์บนแพลตฟอร์ม ด้วยตำแหน่งของเครื่องยนต์และระบบขับเคลื่อนล้อหน้าเท่านั้นที่ถูกยึดตำแหน่งไว้ ขณะที่ส่วนที่เหลือของรถยนต์ สามารถพัฒนาต่อยอดไปได้อย่างหลากหลายรูปแบบ
นั่นก็หมายความว่า เราสามารถขยายฐานล้อให้กว้างขึ้นจากเดิมได้ เพิ่มระยะห่างระหว่างฐานล้อหน้า-หลังได้ ปรับพื้นที่การใช้งานได้หลายรุปแบบ นำมาซึ่งการพัฒนารถยนต์บนโครงสร้างพื้นฐานดังกล่าวได้อย่างมากมายหลายประเภทที่จะตามมาในอนาคต
ในพรีเซนเตชั่นของวอลโว่แสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้ในการสร้างสรรค์รถยนต์ที่หลากหลายรูปแบบบนซีเอ็มเอ ตั้งแต่รถยนต์นั่งขนาดเล็ก เอสเตท เอสยูวี รถยนต์คูเป้หรือแม้แต่รถยนต์เปิดประทุนที่วอลโว่เองล้างลาจากตลาดนี้ไปนานแสนนาน
นอกจากนี้ แพลตฟอร์มดังกล่าวยังจะมีความพิเศษด้วยการที่สามารถติดตั้งเครื่องยนต์ 3 สูบรุ่นใหม่ของวอลโว่ที่ทำการพัฒนาอยู่ในปัจจุบันได้ โดยโครงสร้างของแพลตฟอร์มจะสามารถติดตั้งเครื่องยนต์ที่หลากหลายรูปแบบได้เช่นกัน
และถ้าถามเรื่องปลั๊กอินไฮบริดว่าจะมีหรือไม่ ทีมออกแบบของวอลโว่ได้ทำการย้ายโมดุลควบคุมของระบบปลั๊กอินไฮบริดมาติดตั้งที่ด้านหน้ารถข้างเครื่องยนต์ได้เรียบร้อย นั่นก็หมานถึง ซีเอ็มเอ แพลตฟอร์มจะนำเสนอรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดขับเคลื่อนล้อหน้าได้เช่นกัน
ฟังดูแล้วอาจจะเป็นเรื่องที่ยาวไกล แต่รถยนต์คันแรกของวอลโว่ที่จะใช้แพลตฟอร์มดังกล่าวก็คือ วอลโว่ เอ็กซ์ซี40 ที่เตรียมตัวจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้แล้ว ก็ถือว่าเป็นโปรดักส์ที่มาอย่างรวดเร็วทันใจวัยรุ่นไม่น้อยเหมือนกัน
เมื่อวานได้ไปโรงงานของวอลโว่ที่โกเทนเบิร์ก แต่เรียกแบบนี้จนเกือบจะลืมไปว่าโรงงานนี้ก็มีชื่อเรียงเสียงไรอย่างเป็นทางการว่าโรงงานทรอสลันด้า (Torslanda Plant) นับเป็นโรงงานที่เก่าแก่ที่สุดก็ว่าได้ของวอลโว่ในตลาดโลกนี้
นอกจากจะเป็นโรงงานที่มีกำลังการผลิตรถยนต์สูงถึง 54 คันต่อชั่วโมงหรือ 5,300 คันต่อสัปดาห์แล้ว โรงงานแห่งนี้ยังเป็นโรงงานรักโลกด้วยการใช้พลังงานไฟฟ้าที่เกิดจากน้ำในการผลิตและเดินไฟฟ้าทุกอย่างของโรงงานแบบครบวงจรที่สุด
รอบ ๆ ของโรงงานเต็มไปด้วยหัวใจหลักในการพัฒนาต่าง ๆ ของวอลโว่ รวมถึงเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่วอลโว่พร้อมจะนำมาเปลี่ยนโลกของอุตสาหกรรมยานยนต์ในอนาคต ก็มีมุมที่ถูกจัดแสดงเอาไว้อย่างมากมายในพื้นที่ที่เหมาะสมรอบ ๆ นั้น
และหนึ่งในสถานที่ที่ห้ามพลาดก็คือห้องแห่งความลับที่วอลโว่ใช้จัดแสดงแนวคิดในการพัฒนารถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติหรือ Volvo Autonomous Drive ที่วอลโว่เองมีแผนที่จะแนะนำรถยนต์ดังกล่าวในปี 2564 หรืออีกแค่ 4 ปีข้างหน้าเท่านั้น
วอลโว่เริ่มต้นพรีเซนเตชั่นเกี่ยวกับคำถามมากมายที่เกิดขึ้นกับโครงการดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็น เราจำเป็นต้องมีระบบนี้หรือไม่ แล้วรถเราจะมีพวงมาลัยอยู่หรือเปล่า ระบบนี้จะปลอดภัยมากน้อยขนาดไหน ฯลฯ ก่อนที่จะเฉลยด้วยแนวคิดที่น่าสนใจไปอีกขั้น
ด้วยระบบความปลอดภัยที่มีอย่างมากมายในปัจจุบัน อาทิ ระบบเตือนการชนรอบคัน ระบบควบคุมพวงมาลัยอัตโนมัติ ระบบการควบคุมการขับรถยนต์ในเลน รวมไปถึงระบบจีพีเอสที่มีความแม่นยำสูง ทั้งหมดนี้อาจจะทำให้รถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติเป็นจริงได้ในอนาคต
วอลโว่ระบุว่ารถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติของพวกเขานั้นจะเป็นเพียงระบบสนับสนุนผู้ขับขี่ในการใช้งานเท่านั้น กล่าวคือ ผู้ขับขี่ยังสามารถควบคุมรถยนต์ของตัวเองได้ตลอดเวลาที่ต้องการ นั่นคือสาเหตุที่รถยังมีพวงมาลัยที่สามารถใช้งานควบคุมรถได้ตามปกติ
ขณะเดียวกัน หากต้องการให้รถยนต์ทำหน้าที่ช่วยเหลือในการควบคุมบนท้องถนน เช่น หากต้องการรับประทานอาหารบนรถ หรือมีประชุมด่วนที่ต้องเข้าสายระหว่างเดินทาง เป็นต้น ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติก็จะทำการช่วยเหลือให้สามารถไปถึงที่หมายได้อย่างปลอดภัย
ตัวรถนั้นจะถูกควบคุมด้วยระบบต่าง ๆ แบบครบวงจรในขั้นตอนของการขับเคลื่อนอัตโนมัติ และปล่อยให้ผู้ขับขี่สามารถไปทำกิจกรรมอื่น ๆ ได้อย่างเต็มที่ และหากต้องการกลับมาควบคุมรถเองก็สามารถทำได้อย่างง่ายดายเช่นกัน
กล่าวโดยสรุปก็คือ วอลโว่กำลังพัฒนาระบบช่วยเหลือด้านการขับขี่อย่างสมบูรณ์แบบขึ้นมา โดยจะเป็นการประสานงานของความอัจฉริยะของสมองกลต่าง ๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสนใจไม่น้อยสำหรับการติดตามความคืบหน้าที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้
แต่ที่จะเกิดแน่ ๆ และได้เห็นกันแน่นอนก็คือการทดลองขับ Volvo XC60 รถเอสยูวีมิดไซส์รุ่นใหม่ล่าสุดที่รอเราอยู่ที่ประเทศสเปน เจ้าของยอดขาย 1 ล้านคันภายใน 9 ปีของการทำตลาดโมเดลแรก จะมาพร้อมการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจมากน้อยเพียงใด
ติดตามการทดลองขับครั้งแรกกับพวกเราได้เลย...
ติดตามข่าวคราวความเคลื่อนไหวของแวดวงอุตสาหกรรมยานยนต์ได้ ที่นี่
ต้องการซื้อรถยนต์ใหม่และรถมือสอง ตรวจสอบราคา เชิญที่นี่
ความคิดเห็น