Mazda DNA SKYACTIV Caravan 2017 EAST-WEST ECONOMIC CORRIDOR
ทดสอบพิสูจน์สมรรถนะรถยนต์มาสด้า (Mazda) กับคาราวาน MAZDA DNA SKYACTIV CARAVAN เส้นทางจากเวียดนาม-ลาว-ไทย-พม่า เชื่อมโยงอารยธรรม เชื่อมโยงเศรษฐกิจจากมหาสมุทรแปซิฟิกสู่มหาสมุทรอินเดีย รวมระยะทางกว่า 2,900 กม
หลังจากที่ในช่วงปีที่แล้วทาง มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) ได้จัดทริป Mazda Skyactiv Asean Caravan 2016 เปิดประตูสู่ AEC กับระยะทางกว่า 4,000 กิโลเมตร ที่ทางทีมงาน ออโต้สปินน์ ได้เข้าร่วมทดสอบในทริป B (ขับขี่จาก กรุงฮานอย - โฮจิมินห์ซิตี้ ประเทศเวียดนาม) ระยะทางร่วม 2,300 กิโลเมตร ที่เรียกได้ว่ายาวนานที่สุด พร้อมความประทับใจทุกการขับขี่
วันนี้ได้กิจกรรมดีๆ เกิดขึ้นอีกครั้งกับ Mazda DNA SKYACTIV Caravan 2017 EAST-WEST ECONOMIC CORRIDOR ที่ทาง มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) เลือกเส้นทางจาก เวียดนาม-ลาว-ไทย-พม่า-ไทย กับบทพิสูจน์ความสุดของสมรรถนะรถยนต์จากมาสด้า กว่า 2,900 กิโลเมตร
ครั้งนี้เช่นเคยทีมงาน ออโต้สปินน์ ได้รับเกียรติ์เข้าร่วมในทริป B ระหว่่างวันที่ 23-25 มิถุนายน 2560 ใช้เส้นทางพิษณุโลก-แม่สอด-เมาะลำไย-ย่างกุ้ง รวมระยะทางประมาณ 716 กิโลเมตร พร้อมได้ทดสอบรถยนต์ 2 รุ่น คือ Mazda3 (Sedan) และพี่ใหญ่อย่าง Mazda CX-5
จากรถยนต์ทั้งหมด 4 รุ่นคือ Mazda2 , Mazda3, CX-3 ที่มีการปรับปรุงเพิ่มเติมระบบ GVC (G-Vectoring Control) พร้อมเทคโนโลยีใหม่อย่าง (SKYACTIV – Vehicle Dynamics) แต่สำหรับพี่ใหญ่ CX-5 ยังไม่มีการเพิ่มเติมเนื่องจากยังเป็นโมเดลเก่าซึ่งคาดว่าการปรับโฉมครั้งหน้าก็จะมีมาเหมือนๆ รุ่นอื่นๆ
การทดสอบสำหรับสื่อมวลชนทริป B ได้เริ่มต้นจาก โรงแรง ภัทรา รีสอร์ท แอนด์สปา จังหวัดพิษณุโลก โดยจุดมุ่งหมายวันนี้คือ เมืองเมาะละแหม่ง ประเทศพม่า ระยะทางกว่า 400 กิโลเมตร กับรถยนต์ทีใช้โดยสารสำหรับวันนี้คือ Mazda3 2017 ที่มาพร้อม (SKYACTIV – Vehicle Dynamics) และไฮไลท์ที่จะได้ทดสอบคือ GVC (G-Vectoring Control) นี่เอง
เริ่มต้นผมได้ทดสอบเป็นผู้โดยสารก่อน ต้องอธิบายเพิ่มเติมว่าตลอดเส้นทางของวันนี้มีความแตกต่างอย่างมากไม่ว่าจะเป็นการขับขี่บนถนนปรกติ การขับขี่ขึ้นเขา-ลงเขา การขับขี่บนทางคดเคี้ยว (เส้นทางช่วง อ.แม่สอด) รวมไปถึงการขับแบบถนนกึ่งออฟโรด (ในช่วงประเทศพม่า)
การโดยสารตอนหลังในช่วงเส้นทางที่เป็นทางคดเคี้ยว มีทางชัน ขึ้นเขา-ลงเขา ตลอดเวลา ด้วยความที่ผมเป็นคนที่ค่อนข้างเมารถง่าย (หากไม่ได้ขับขี่เอง) แต่ระหว่างโดยสารน่าแปลกใจที่อาการวิงเวียนไม่มีให้เห็นแม้แต่นิดเดียว
ความนุ่มนวลของระบบช่วงล่าง ที่แฝงไปด้วยความกระชับและเกาะถนน ผสานการทำงานของเครื่องยนต์เบนซิน SKYACTIV-G ขนาด 2.0 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว DOHC พร้อมระบบวาล์วแปรผันคู่ Dual S-VT ให้กำลงแรงม้าที่ 165 แรงม้า พร้อมแรงบิด 210 นิวตันเมตร กับเกียร์อัตโนมัติ SKYACTIV-DRIVE 6 สปีด
ที่สามารถไว้ใจได้ทีเดียวในจังหวะเร่งแซง ในช่วงเส้นทางที่เป็นเลนสวน อัตราเร่งขึ้นเขาทำได้ดีใช้รอบเครื่องยนต์ประมาณ 2,500 รอบก็สามารถเร่งแซงและทำความเร็วได้ และที่สำคัญพระเอกที่ช่วยชีวิตผมไว้ได้คงจะหนีไม่พ้นระบบ GVC หรือ G-Vectoring Control
GVC คืออะไร ? อธิบายง่ายๆ คือระบบช่วยปรับแรงบิดของเครื่องยนต์ให้มีการแปรผันตามวงเลี้ยวพวงมาลัย ระบบจะทำงานทันทีเมื่อมีการจับระยะหมุนของพวงมาลัย ทำให้การรับน้ำหนักถูกถ่ายไปที่ล้อหน้าจึงทำให้รถยนต์มีการเกาะถนนที่ยอดเยี่ยม พร้อมการตอบสนองของพวงมาลัยที่มั่นคงและมีเสถียรภาพ
ซึ่งส่งผลมายังภายในห้องโดยสารทำให้ตัวรถยนต์มีแรงเหวี่ยงและการโยนตัวจากการขับขี่ที่น้อยลงอย่างเห็นได้ชัด สบายทั้งผู้ขับขี่ที่มั่นใจจากการบังคับรถยนต์มากขึ้น รวมไปถึงผู้โดยสารทั้งตอนหน้าและตอนหลัง ที่สามารถหลับได้สบายๆ แม้จะขับลงเขาเส้นทางคดเคี้ยวด้วยความเร็วระดับ 100-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
หลังจากผ่านเส้นทางแม่สอดก่อนถึงชายแดนประเทศเมียนมาร์ ที่ได้ทดสอบระบบ GVC รวมไปถึงสมรรถนะเครื่องยนต์ เกียร์ ช่วงล่างกันไปแบบเต็มๆ แล้วก็แวะพักผ่อนรับประทานอาหารกลางวัลกันบริเวณชายแดน พร้อมมุ่งหน้าดำเนินพิธีการผ่านแดนมุ่งสู่ เมาะละแหม่ง ประเทศเมียนมาร์กัน
เมื่อเข้าสู้ประเทศเมียนมาร์ ผมได้รับหน้าที่เป็นผู้ขับขี่ Mazda3 การขับขี่ในบ้านเค้าจะแตกต่างจากบ้านเราคือการใช้ถนนที่สลับกับบ้านเรา แต่รถยนต์ของประเทศนี้ส่วนใหญ่ก็ยังคงเป็นพวงมาลัยขวากว่า 70% ซึ่งตรงนี้ก็แปลกใจเพราะว่ามันค่อนข้างอันตรายมากทีเดียว
เนื่องจากถนนที่ใช้เดินทางแม้จะเป็นทางหลวง ก็ยังเป็นถนนเลนสวนอีกทั้งเส้นทางและพื้นผิวถนนโดยรวมยังคงไม่ดีเท่าที่ควรนัก ยังพบหลุม บ่อ ถนนแตก ถนนแบบออฟโรด อยู่ตลอดเส้นทางเลยทีเดียว
ยิ่งเมื่อต้องทำความเร็วเร่งแซงในจังหวะที่มีรถบรรทุกขวางยิ่งต้องลุ้นเนื่องจากรถที่เราขับขี่เป็นพวงมาลัยขวา แต่ถนนถูกสลับเลนวิ่งแบบยุโรป การแซงแต่ละครั้งต้องให้ผู้โดยสารข้างๆ คอยให้สัญญาณจังหวะเร่งแซง
ซึ่ง Mazda3 ก็สามารถทำได้ดีมาก จังหวะคิกดาวน์ เร่งแซงตัวรถตอบสนองไวไม่ต้องลุ้นมากมายนัก และที่น่าชื่นชมของการใช้รถใช้ถนนของบ้านเค้าคือความมีน้ำใจ เมื่อค้าเห็นเรามีท่าทีว่าจะแซง จะมีการให้สัญญาณการเปิดไฟเลี้ยวหากคันข้างหน้าเปิดไฟเลี้ยวซ้ายให้เมื่อไหร่
คือทางเลนสวนข้างหน้าว่าง พร้อมทั้งหลบให้ขบวนเราแทบจะตกถนนกันเลยทีเดียว ซึ่งเป็นแบบนี้ตลอดการขับขี่ในประเทศเมียนมาร์ 3 วัน เลยทีเดียว อันนี้ต้องชื่นชมความมีน้ำใจของประชากรบ้านเค้า
หลังจากถึงที่หมายในวันแรก ณ เมืองเมาะละแหม่ง ซึ่งเป็นโรงแรมที่มีแม่น้ำสาละวินไหลผ่าน พร้อมกันนี้หากมองไปด้านหลังยังพบเจดีย์ทอง (ชเว) ให้เราเดินไปสักการะและถ่ายรูปจากโรงแรมได้ นับว่ามีวิวและทิวทัศน์ที่สวยสดงดงามเลยทีเดียว
ต่อมาวันที่ 2 ของการเดินทาง วันนี้ผมได้สลับรถเป็นพี่ใหญ่อย่าง Mazda CX-5 ซึ่งรุ่นนี้เป็นเพียงรุ่นเดียวที่ยังไม่มีการเพิ่มเติมระบบ GVC มาให้เนื่องจากยังเป็นโมเดลเก่ารอการปรับปรุงอยู่ แต่ก็สบายใจได้เนื่องจากความอเนกประสงค์ และสมรรถนะเครื่องยนต์ เกียร์ ช่่วงล่าง ที่มั่นใจได้ของมาสด้า
สำหรับเครื่องยนต์ยังเป็นเครื่องยนต์เบนซิน SKYACTIV-G ขนาด 2.0 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว DOHC พร้อมระบบวาล์วแปรผันคู่ Dual S-VT ให้กำลงแรงม้าที่ 165 แรงม้า พร้อมแรงบิด 210 นิวตันเมตร กับเกียร์อัตโนมัติ SKYACTIV-DRIVE 6 สปีด แบบเดียวกันกับ Mazda3 ที่ทดสอบไปเมื่อวานเป๊ะๆ
แม้จะเป็นเครื่องยนต์เดียวกัน กับขนาดตัวถังที่ใหญ่ขึ้น ความสนุกสนานในการขับขี่ เรี่ยวแรง สมรรถนะก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเลย ออกจะมีความสนุกมากกว่า Mazda3 เสียด้วยเนื่องจากสภาพถนนของเมียนมาร์ ตามที่เล่าไปในข้างต้นว่าแทบจะออฟโรดตลอดเส้นทางแแม้จะเป็นทางหลวง ทำให้เราขับขี่ได้โดยไม่ต้องระวังมากนักเหมือนขับรถเก๋ง
การโดยสารเมื่อไม่มี GVC อาการโยนตัวย่อมมากกว่า รวมไปถึงด้วยความที่ CX-5 เป็นรถยนต์แบบยกสูง SUV ปรกติก็ต้องมากกว่าอยู่แล้ว แต่ด้วยการเซทอัพของระบบช่วงล่าง ความคล่องตัว สมรรถนะเครื่องยนต์ ก็ไม่ทำให้มีอาการเมารถแต่อย่างใด แค่รู้สึกถึงอาการโยนตัวรถมากกว่า Mazda3 เท่านั้นเอง
ก่อนถึงจุดหมายในวันนี้ (เมืองย่างกุ้ง) ได้แวะพักรับประทานอาหารกลางวันกันที่เมือง พะโค หรือกรุงหงสาวดีเก่า พร้อมเข้าชมพระราชวังกัมโพชธานี จำลอง ที่มีความสวยงามพร้อมประวัติของเมืองต่างๆ มากมายภายใน ใครมาเมียนมาร์ อย่างลืมแวะมาเที่ยวชมกัน
หลังจากทานข้าวพร้อมเยี่ยมชมพระราชวังกัมโพชธานีเรียบร้อย ก็มุ่งสู่ เมืองย่างกุ้ง ด้วยการขับขี่ผ่านเมืองที่ค่อนข้างมีประชากร พร้อมทั้งพายุฝนที่ตกมาอย่างรุนแรงก็เป็นการเดินทางแบบเรื่อยๆ มากันแบบปลอดภัย ถึงที่หมาย เมืองย่างกุ้ง พร้อมเข้าสักการะ พระมหาธาตุเจดีย์ ชเว ดากอง ที่มีชาวต่างชาติเยอะมาก (โดยเฉพาะคนไทย) เข้ามาสักการะ ขอพร กันตามความศรัทธา
เมื่อสักการะเสร็จเรียบร้อยก็เดินหน้ามุ่งหน้าสู่ โรงแรม โนโวเทล ย่างกุ้ง พร้อมเข้าพักผ่อนเตรียมเดินทางกลับ กรุงเทพ ด้วยสายการบินไทย ในวันรุ่งขึ้น เป็นอันจบภารกิจการทดสอบรถยนต์ Mazda ของสื่อมวลชนทริป B พร้อมส่งต่อให้พี่ๆ ทริป C นำ Caravan Mazda กลับกรุงเทพต่อไป
สำหรับ Mazda DNA SKYACTIV Caravan 2017 EAST-WEST ECONOMIC CORRIDOR ในครั้งนี้ถือเป็นอีกกิจกรรมดีๆ ที่ทาง มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จัดขึ้นเพื่อพิสูจน์สมรรถนะรถยนต์ ความทนทาน และเทคโนโลยีต่างๆ ของรถที่ช่วยเหลือให้ขับขี่ได้อย่างสะดวกสบาย ปลอดภัย และสนุกสนานที่สุด
ต้องชมเชยโดยเฉพาะน้องเล็กอย่าง Mazda2 แม้ผมจะไม่ได้มีโอกาสขับในรุ่นนี้ แต่ระหว่างทางกว่า 716 กิโลเมตร ของทริป B ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า รุ่นพี่อื่นๆ อย่าง Mazda 3, CX-3, CX-5 ไปไหว น้องเล็กอย่าง Mazda2 ก็ไปได้แบบสบายๆ เช่นเดียวกัน สมกับคอนเซปต์ ทุกก้าว คือ การพัฒนา เพราะเรากล้า ....ที่จะแตกต่าง
ขอขอบคุณ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) สำหรับทริป Mazda DNA SKYACTIV Caravan 2017 EAST-WEST ECONOMIC CORRIDOR สุดประทับใจในครั้งนี้ด้วยครับ
ทดสอบและรีวิวโดย Peerapat.h
ติดตามข่าวสารอัพเดตเพิ่มเติม ได้ทีนี่
ค้นหารถยนต์มือสองสภาพดีการันตีจาก วันทูคาร์ ได้ที่นี่
ความคิดเห็น