[รีวิว] Mitsubishi Pajero Sport GT ตัวท็อปขับสองราคา 1.389 ล้านบาท
หลายคนหลงรัก Mitsubishi Pajero Sport ตั้งแต่แรกเห็นเมื่อเปิดตัวเมื่อเกือบสองปีที่แล้วด้วยภาพลักษณ์และหน้าตาที่ต่างไปจาก Mitsubishi Triton แบบสิ้นเชิงซึ่งถือเป็นการแหวกงานออกแบบของบรรดา PPV ในยุคนั้นและสำหรับ Mitsubishi Pajero Sport ยังคงเป็น PPV ที่มีหน้าตาที่โดดเด่นมากที่สุด ณ ตอนนี้อยู่ดี
ภายนอกที่โดดเด่นยิ่งขึ้น
ภายนอก Mitsubishi Pajero Sport GT แตกต่างด้วยออกแต่งรอบคันและยังโดดเด่นตั้งแต่ช่วงหน้าสุดหล่อและเป็นเอกลักษณ์ ชิ้นงานโครเมี่ยมที่ยาวรับกับแนวไฟ LED Day Light เส้นสายที่รับต่อเนื่องกันตลอดทั้งคันและที่ขาดไม่ได้คือไฟท้ายที่โดดเด่นยามค่ำคืนอย่างยิ่งยวด
นอกจากไฟหน้า DRL หรือ Day Time Runing Light แล้วไฟหน้าของ Mitsubishi Pajero Sport ยังเป็นแบบ Bi-Projector ที่สว่างกว้างไกลมาพร้อมกับระบบเปิดปิดอัตโนมัติและปรับอัติโนมัติอีกด้วย
ในรุ่นขับเคลื่อนของล้อตัวท็อปแต่งรอบคัน Mitsubishi Pajero Sport GT คันนี้ยังมีกาบข้างหรือบันไดเหยียบสีเทาสำหรับเหยียบขึ้นรถได้อย่างสะดวกสบายรับกับแร็คบนหลังคาสีเดียวกัน วงล้อเป็นแบบสีทูโทนตามสมัยนิยมที่เสริมภาพลักษณ์ความสปอร์ตได้อย่างดี
ภายในนั่งสบาย ตอบโจทย์หลากหลายความต้องการ
สำหรับภายในหลายคนเทียบกับคู่แข่งแล้วบอกว่าแคบบ้างล่ะ ไม่กว้างเท่ารุ่นนู่นรุ่นนี้บ้างล่ะเราขอยืนยันครับว่า ใช่ Mitsubishi Pajero Sport มีภายในที่รู้สึกอาจทำให้รู้สึกแคบกว่าคู่แข่งแต่ก็ยังกว้างอยู่ดี งงไหม คือใช่แคบกว้างคู่แข่งแต่ก็ไม่ได้แคบซะหน่อย สำแตน่งด้านหน้าก็นั่งได้สบาย แถวสองก็กว้าง จะอึดอัดก็ที่แถวสามที่อาจไม่เหมาะสำหรับผู้ใหญ่ในการเดินทางไกลๆ
เบาะนั่งของ Mitsubishi Pajero Sport นั้นนั่งเพลิน นั่งสบายมากๆ อารมณ์เหมือนนั่งโซฟาดีๆ ตัวหนึ่ง และด้วยความที่รถสูงทำให้มองเห็นทัศนวิศัยได้กว้างไกลและยังนั่งสบาย ยิ่งทำให้เราไม่รู้สึกอึดอัดเวลาที่ต้องอยู่บนรถนานๆ
เรือนไมล์ของ Mitsubishi Pajero Sport เป็นแบบอนาล็อคที่วัดดรอบเครื่องยนต์และความเร็ว ส่วนตรงกลางเป็นจอแสดงผลแบบสีที่ใช้แจ้งข้อมูลต่างๆ อาทิ ระยะทาง ระยะทริป อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย ร่วมถึงการตั้งค่าระบบต่างๆ
บนพ่วงมาลัยที่ด้านซ้ายเป็นฟังก์ชั่นการใช้งานระบบอินโฟเทนเมนท์ ส่วนด้านขวาจะเป็นการปรับตั้งระบบ Cruise Control ปรับระยะห่างจากคันหน้าและปรับการแสดงผลของหน้าจอแจ้งข้อมูลตรงกึ่งกลางของเรือนไมล์
Mitsubishi Pajero Sport มี Paddle Shift ที่ไม่ได้ติดอยู่ที่พวงมาลัยบแต่ติดอยู่กับแผงคอทำให้เวลาเลี้ยวแล้วแป้น Paddle นั้นจะไม่ได้หมุนตาม โดยเลือกปรับเกียร์ที่ Paddle Shift ด้วยการคลิกทันทีแม้จะยังไม่ปรับโหมดที่เกียร์และยกเลิกได้โดยการกดด้าน + ที่ด้านขวาข้างไว้
เหนือคันเกียร์ขึ้นมาจะเป็นระบบปรับอากาศนั้นใช้ปรับแบบอนาล็อคจอแสดงผลแบบดิจิตอลมีฟังก์ชั่นในการปรับแยกซ้ายขวา ด้านบนเป็นจอแสดงผลแบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว ที่ให้การสัมผัสที่ฉับไวตอบสนองทันใจแต่ก็ไม่ได้เนียนเหมือนสมาร์ทโฟนสมัยใหม่ที่เราคุ้นกัน โดยมีการซ้อนช่องใส่ CD ไว้ด้านหลังและฟังก์ชั่นการเชื่อมต่อ USB และ Bluetooth ทั้งโทรศัพท์และความบันเทิง
ทว่าจุดที่แอบหงุดหงิดใจเล็กน้อยคือการนำช่อง USB และ 12V ไปซ่อนอยู่ในที่วางแขนซึ่งแอบเสียบยากอยู่เหมือนกัน คิดภาพในกรณีที่กำลังขับรถอยู่แล้วต้องชาร์จไฟ แต่ต้องควานหาช่องเสียบในช่องเก็บของอันกว้างใหญ่ไพศาลนั้น อืม.. อันตรายอยู่นะ ฉะนั้นแนะนำว่าเสียบสายชาร์จทิ้งเอาไว้เลยน่าจะดีกว่า
ช่องเก็บของใต้ที่วางแขนกว้างใหญ่ไพศาลแค่ไหนงั้นเหรอ ใหญ่พอที่จะใส่ขวดน้ำ ขวดชาเดียวขนาด 15-20 บาท ได้สบายๆ และวางนอนลงไปได้หลายๆ ขวดด้วยซ้ำ ที่ด้านบนของช่องเก็บของยังมีถาดสำหรับวางมือถือหรือเศษเหรียญได้หรือจะเอาเศาเหรียญไปใส่ช่องใต้ตำแหน่งเกียร์ที่ซ่อนที่เสียบกุญแจ Immobilizer ไว้ก็ยังได้
สำหรับตอนหลังของ Mitsubishi Pajero Sport นั้นมีระบบทำความเย็นแยกส่วนซึ่งปรับความแรงของพัลมได้ที่เหลือศรีษะของที่นั่งแถวที่สอง และยังมีจอแสดงผลพร้อมช่องใน CD พร้อมชุดหูฟังไร้สายและรีโมทเพื่อวความบันเทิงและความส่วนตัวโดยเบาะนั่งแถวสองนั้นยังปรับเอนได้อีก
เช่นเกียวกับเบาะนั่งแถวสอง ที่เบาะนั่งแถวสามเองก็ยังปรับเอนพร้อม พร้อมกับมีช่องวางแก้วและช่องจ่ายไฟขนาด 12V โดยเบาะแถวสองและสามนั้นปรับพับราบได้สบาย และในกรณีที่ต้องเดินทาง 7 คนก็ยังมีพื้นที่ด้านหลังให้เก็บสัมภาระได้อีก
การพับเบาะแถวสามลงนั้นกว้างพอที่จะใช้โทรทัศน์จอแบนขนาด 40 นิ้วได้พอดีเป๊ะ(วัดจากขนาดของโทรทัศน์ Sony Bravia 40 นิ้ว) ที่สำคัยเบาะทั้งสองตอนนั้นพับเก็บและกางออกมาใช้ได้ง่ายมากชนิดที่คุณสาวๆ ก็ไม่ต้องออกแรงมากในการปรับเบาะ
สมรรถนะคำใหญ่และพละเบรกที่คู่ควร
เครื่องยนต์ MIVEC 2.4 ลิตร ให้แรงบิดสูงสุด 181 แรงม้าที่ 3,500 รอบต่อนาที นั้นให้แรงบิดที่รวดเร็วทันใจ ทำให้เรารู้สึกว่าตัวรถนั้นมีความกระฉับกระเฉงคล่องตัว แม้จะเป็นการใช้งานในเมืองที่การจราจรแออัดสักหน่อยก็ตามที
เรื่องการเก็บเสียงในตคัวรถทำได้ค่อนข้างดี การขับขี่ด้วยความเร็วที่ 120กม./ชม. กว่าๆ ขึ้นไปแล้ว ก็ยังเงียบเฉียบแม้ตัวรถจะกว้างและยกสูงมากก็ตามที ที่สำคัญความเร็วของ Mitsubishi Pajero Sport GT ยังค่อนข้างไหลและต่อนเนื่องเอามากๆ ใช้งานในเมืองใช้เดินทางท่องเที่ยวคันเดียวอยู่
ระบบเบรกของ Mitsubishi Pajero Sport GT ถือว่าดีเยี่ยมเลยทีเดียว ด้วยความที่รถมีอัตราเร่งที่สูง เบรกที่ให้มาถือว่ามีความเหมาะสมกันเรียกว่ารถก็แรงเบรกก็หนึบได้เต็มปาก แต่ทว่าด้วยความที่ส่วนบนของรถนั้นทั้งสูงและใหญ่ เจ้าเบรกที่นี่เนี่ยแม้เบรกที่ความเร็วต่ำก็ทำความรถโยกอยู่เหมือนกัน
เรื่องรถโยกอาจต้องทำใจสำหรับผู้ที่จะเป็นเจ้าของ แต่สำหรับเรานับว่าเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยแม้ว่าเวลาจอดข้างทางและมีรถยนต์ขับผ่านก็ทำให้รถไหวได้แล้วก็ตามแต่พอชินแล้วก็จะปรับตัวและใช้งานรถได้ดั่งใจที่สำคัญถึง Mitsubishi Pajero Sport GT จะมีอาการโยกโคลงบ้างแต่ช่วงล่างจัดมานุ่มกระชับเลยล่ะ
Mitsubishi Pajero Sport GT ราคาเกือบ 1.4 ล้านคันนี้ (1.398ล้านบาท) มีเทคโนโลยีอันทันสมัยและเพิ่มความสะดวกในการใช้งานมากเกินกว่าที่คุณต้องการ ย้อนกลับไปตอนเปิดตัวครั้งแรก ใครๆ ต่างก็ว้าวกับเทคโนโลยีที่ Mitsubishi คัดใส่มาใน PPV คันนี้ ทั้งแจ้งเตือนระยะห่างจากคันหน้าและอื่นๆ
ดังนั้นในรุ่นที่มีการปรับปรุงและพัฒนาขึ้นมาอีกขั้นเราเลยพยายามลองเล่นของเล่นบนตัวรถให้มากที่สุดเท่าที่โอกาสจะเอื้ออำนวยเพราะอย่างน้อยเรื่องสมรรถนะและอื่นๆ คุณเองก็คงพอเคยได้อ่านและสัมผัสกันมาบ้างแล้ว
เขี้ยวเล็บใหม่ เทคโนโลยีล้ำสมัยยิ่งขึ้น
Adaptive Cruise Control-ระบบล็อคความเร็วอัจฉริยะที่แปรผันได้ตามสภาพความเร็วจากรถยนต์คันด้านหน้า เริ่มทำงานได้ตั้งแต่ความเร็วต่ำ โดยความเร็วเริ่มต้นของระบบนั้นจะถูกตั้งอยู่ที่ 40 กม./ชม. แต่หากคันหน้าขับไม่ถึงรถก็จะไหลไปเรื่อยๆ อยู่ดี
ระบบนี้มีประโชน์มากในกรณีที่ขับในเมืองหรือชานมืองที่รถไม่ได้จอดติดสนิทและเคลื่อนตัวอยู่เนืองๆ ทำให้เราไม่ต้องพะวงกับคันเร่งเอาเท้าวางรอบนแป้นเบรกชิลล์ๆ ได้หรือหากต้องการเร่งความเร็วให้พ้นไฟแดงหรือแซงคันหน้า ทันทีทีเราถอนคันเร่งระบบก็จะกลับมาทำงานต่อเนื่องในทันที
หากเป็นในกรณีที่คันหน้าเบรกล่ะ สมมุติว่ามีรถออกมาจากซอยและคันหน้าเบรกจนหยุดก่อนจะเคลื่อนตัวต่อไป ระบบจะชะลอความเร็วของลงรถจนเกือบหยุดสนิทหรือหยุดสนิทครู่หนึ่ง และเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนตัวต่อเราก็จะเคลื่อนตัวต่อตามในทันทีแต่หากคันหน้าจอดสนิทนิง่พักหนึ่งเราก็จะหยุดสนิทและระบบจะแจ้งเตือนให้เราเหยียบเบรก
นอกจากการแปรผันความเร็วอัตโนมัติแล้ว เรายังเลือกระยะห่างระหว่าง Mitsubishi Pajero Sport GT และรถคันหน้าในโหมดการทำงานของ Cruise Control ได้ถึง 3 ระดับ ตอนลองใช้แรกๆ ก็มีเกร็งๆ ว่าจะเบรก ไม่เบรก แต่พอคุ้นเคยกันแล้ว ถือเป็นออพชั่นที่เพิ่มควาสะดวกในการใช้งานได้ดีทีเดียว
เซนเซอร์ที่ติดตั้งไว้มากมายหลายจุดช่วยประมวลและคาดการณ์ได้อย่างแม่นยำ ตอนไหนที่ควรจะชะลอหรือเบรกตอนไหนที่ควรจะเร่ง เมื่อไรที่ไม่มีรถคันข้างหน้าความเร็วก็จะเพิ่มขึ้น พอไม่มีรถข้างหน้าก็เร่งไปยังความเร็วที่กำหนดไว้ซึ่งปรับได้บนด้านขวาของพวงมาลัย คุมรถเข้าโค้งในโหมด Cruise Control ตามหลังรถคันหน้าได้เนียนๆ เลย
องค์ประกอบอย่างหนึ่งใน Adaptive Cruise Control คือช่วงการเว้นระยะห่างจากคันหน้า ซึ่ง Mitsubishi Pajero Sport GT เองก็มีออพชั่นการแจ้งเตือนระยะห่างจากคันหน้าที่มีติดตั้งมาตั้งแต่ตอนเปิดตัวเมื่อราว 2 ปีก่อนซึ่งปรับระยะห่างได้ 3 ระดับ และจะแจ้งให้เบรกเมื่ออยู่ในระยะที่สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ ตุ้มเซนเซอร์ที่อยู่รอบคันมันมีประโยชน์ตรงนี้
เราจะข้ามเทคโนโลยีอย่าง Traction Control และ Sonar Parking ไปเพราะเป็นอะไรที่หลายคนคุ้นเคยกันดีและรถยนต์สมัยนี้ก็มีใส่มาให้แทบทุกรุ่นทุกคัน แต่ออพชั่นหนึ่งที่มีใน Mitsubishi Pajero Sport GT และเราชอบมากๆ คือกล้องมองหลังและ Bird Eye's View Camera
นอกจากกล้องมองหลังแล้ว Mitsubishi Pajero Sport GT ยังมีกล้องมองภาพมุมสูงและกล้องมองภาพที่ด้านซ้ายของตัวรถในกรณีจอดเทียบซึ่งปรับมุมมองได้จากด้านซ้ายของพวงมาลัย ซึ่งช่วยให้จอดรถเทียบหรือจอดรถเข้าซองได้ง่ายดายขึ้น
ง่ายดายขึ้นเพราะอะไร กล้องของ Mitsubishi Pajero Sport GT รวมถึงการคำนวนองศาการเลี้ยวบนหน้าจอนั้นมีความแม่นยำสูงมาก กล้องไม่หลอกตาแบบว่าดูในจอก็ตรงทำไมจอดจริงมันเข ออพชั่นนี้ช่วยให้เราจอดรถ PPV ที่ทั้งสูงทั้งใหญ่อย่างเจ้านี่ได้ง่ายดายเหลือเชื่อ
Mitsubishi Pajero Sport GT เป็นตัวเลือกที่เพิ่มเข้ามาในตระกูล Pajero Sport รุ่นปัจจุบัน และมีออพชั่นเจ๋งๆ ที่ใช้งานได้จริงอยู่มากมายหลายอย่าง และด้วยราคาที่ให้มาก็น่าจะทำให้คนที่กำลังตัดสินใจซื้อ PPV สักคัน สะดุดหันมามองสุดหล่อคันนี้ได้บ้างล่ะ
ขอขอบคุณ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด
บททดสอบโดย: Ken [Warodom C.]
อ่านข่าววงการมอเตอร์ไซค์ทั้งหมด คลิกที่นี่
ความคิดเห็น