เที่ยวสวนชินโตะกินขนมอร่อยในเมืองกาญฯ
เราก็เพิ่งรู้ตอนเห็นในหมายว่ามีสวนญี่ปุ่นแบบชินโตะอยู่ในกาญจนบุรี คุณก็เพิ่งรู้ตอนที่อ่านมาจนถึงประโยคเมื่อกี้ใช่ไหมล่ะ และเนื่องในโอกาสความสัมพันธ์ไทย-ญี่ปุ่นครบ 130 ปี Mitsubishi เลยจัดคาราวานพาไปชมชวนญี่ปุ่นไปดินแดนที่ไทยและญี่ปุ่นเคยมีเรื่องราวร่วมกันมาอย่างกาญจนบุรี
อันที่จริงไทยและญี่ปุ่นไม่ได้เพิ่งรู้จักกันมาแค่ 130 ปีเท่านั้นแต่เคยมีความสัมทพันธ์และทำการค้ามาอย่างยาวนานตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาหรืออาจจะนานกว่านั้น โดยพี่ไทยเรารู้จักชาวญี่ปุ่นในนามอาณาจักรเรียวเซียวซึ่งก็คือโอกินาวะ ณ ปัจจุบัน
งวดนี้มีรถร่วมทริปถึงสองรุ่นด้วยกันได้แก่ Mitsubishi Pajero Sport และ Mitsubishi Triton ซึ่งทั้งสองรุ่นล้วนได้รับการปรับปรุงในส่วนของรายละเอียดใหม่ให้มีออพชั่นและรูปลักษณ์ที่ดูน่าสนใจขึ้นกว่าเดิมโดยเราได้รับ Pajero Sport มาเป็นเพื่อนร่วมทางในทริปนี้
สวนชินโตะก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2538 ในโอกาสที่สงครามโลกครั้งที่ 2 ยุติลงได้ 50 ปี พอดิบพอดี แสดงให้เห็นถึงสันติภาพที่เกิดขึ้นไปทั่วภูมิภาค โดยสวนชินโตะตั้งอยู่ริมแม่น้ำแควใหญ่เลยแยกแก่งเซี้ยนขึ้นไปทางศรีสวัสดิ์ไม่ไกล
แต่ก่อนที่เราจะเดินทางไปยังสวนชินโตะเราต้องฝ่าการจราจรมายังวัดถ้ำเสือ วัดไทยชื่อดังกับพระประธานที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในจังหวัดกาญจนบุรีซึ่งตั้งอยู่บนภูเขาหินอีกทีหนึ่ง ซึ่งวิธีการที่จะขึ้นไปมีทั้งบนไดที่สูงชันและรถลาก ให้ทายว่าเราเลือกทางไหน
ออกจากวัดเราแวะกินขนมกันที่ร้าน Library Cafe ในตัวเมืองกาญจนบุรี สำหรับเราแล้วถือว่าเป็นร้านที่ถ้าคุณมาเที่ยวตัวเมืองกาญฯ แล้วไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง ถ้าไม่เชื่อเราจะถล่มคุณด้วยภาพขนมบางส่วนจากทางร้าน
ทำไมเราถึงบอกว่าไม่ควรพลาดที่จะมาร้านนี้หากมาเที่ยวกาญฯ
1.ร้านสวย - สาวๆ มารับรองหามุมถ่ายรูปเพลินจนลืมเวลา มีมุมให้ถ่ายรุปเล่นได้เยอะมาก
2.บรรยากาศสบาย - เหมือนอยู่ในร้านนั่งชิลล์ที่ขายเครื่องดื่มมากกว่าร้านขนมไฟสว่างๆ ทั่วไป
3.ขายเครื่องดื่มด้วยจ้า - มาเย็นๆ ดินขนมเสร็จต่อด้วยเครื่องดื่มเย็นๆ ก่อนกลับเข้าที่พัก โหย อย่างฟิน
4.ขนมอร่อยมากกกกกกกกกกกกกกก - กอ.ไก่ล้านตัว โทสต์ บิงซู เครป เค้ก สารพัดจัดกันพุงกาง
5.ราคาย่อมเยาว์ - ร้านสวยขนาดนี้ ขนมหน้าตาดีขนาดนี้ อร่อยขนาดนี้ ราคาแบบว่าถูกกว่าร้านในกรุงเทพฯ เยอะมาก ๆ เลย แนะนำ ว่าต้องมาลอง
หนังท้องตึงก่อนที่จะหลับเราเลยรีบเดินทางไปยังสวนชินโตะต่อในทันที งานนี้บอกเลยว่าเดินทางสบายสุดๆ ด้วย Mitsubishi Pajero Sport โดยรุ่นที่เราได้ขับนั้นจะเป็น ขับ 4 ตัวท็อปหรือ Mitsubishi Pajero Sport 4WD GT ซึ่งใส่ออพชั่นเพิ่มเข้ามาเพียบ
ไม่ว่าจะเป็นระบบฉีดล้างไฟหน้า มาตรวัดภาษาไทย กราฟฟิคเตือนประตูเปิด เซนทรัลล็อคที่ประตูคนขับ ไฟเรืองใต้ปุ่มคุมกระจกฝั่งคนขับ ช่องจ่ายไฟ12V พนังผิงแถว 2 มี 3 ตำแหน่ง พักแขนดีไซน์ใหม่พร้อมที่วางแก้ว Adaptive Cruise Control(ACC) เข็มขัดนิรภัยแถว 2 มี 3 ตำแหน่ง ท่านถุงลมนิรภัยยาวจนถึงที่นั่งแถว 3 และระบบล็อคเฟืองท้าย
แม้เราจะได้รุ่นขับ 4 มา แต่เราก็เลือกขับ 2 ตลอดเส้นทางไป-กลับของเรา ดังนั้นหากคุณอยากทราบสมรรถนะการขับขี่และภายนอกภายในของรุ่นขับ 2 GT โดยละเอียดให้ >>คลิกที่นี่<< แต่บอกเราเลยเราชอบ ACC ของรถคันนี้มากเลยทีเดียว
ในที่สุดเราก็มาถึงสวนชินโตะหลังจากฝ่าฝน ตากฝุน ลุยฝนกันจนเละเทะไปหมดแบบเวลาเหลือๆ หลังจากออกเดินทางจากกรุงเทพฯ กันมาตั้งแต่ 9 โมง แวะนู่นแวะนี่ แบบนี้กลับไปกินขนมอีกรอบยังได้
สวนชินโตะไม่ได้มีแค่สวนเท่านั้น สวนชินโตะแห่งนี้ยังเป็นแหล่งศึกษาวัฒนธรรมของญี่ปุ่นและยังมีของดี ของหายาก ของชาวญี่ปุ่นที่ยังสภาพดีและหาดูได้ยากเอาไว้ให้ชมกันอีกด้วย
รอบๆ มีการตกแต่งในสไตล์ญี่ปุ่น ทั้งศาลา ก้อนหินหลากหลายขนาดที่มีอักษรญี่ปุ่นจารึกไว้ แต่พรรณไม้โดยรอบนั้นจะเป็นพรรณไม้พื้นบ้านพี่น้องชาวไทย บรรยากาศเลยไม่ได้ญี่ปุ่นอะไรมากมากมายนักแต่สำหรับขาถ่ายรูปเราว่าปั้นมุมได้ไม่ยาก
สำหรับใครที่อยากมาข้อพร เขย่ากระดิ่งหน้าศาลเจ้าสไตล์ญี่ปุ่นที่มีก็มีศาลเจ้าและซุ้มประตูเหมือนในญี่ปุ่นเปีะๆ ที่ทำจากไม้ไว้ให้มาสักการะหรือถ่ายรูปมโนว่าอยู่ญี่ปุ่นได้เนียนๆ
ที่ศาลาเรียนรู้ยังของล้ำค่ามากมายทั้งชุดเกาะนักรบญี่ปุ่น เครื่องเรือนเครื่องใช้ ชุดกิโมโนแต่งงานของสตรีชาวญี่ปุ่่นซึ่ง หินแะสลัก ดาบนักดาบ ดาบคาตานะ ซึ่งล้วนหายากและล้วนอยู่ในสภาพดีทั้งสิ้น
จบจากสวนชินโตะฝนก็ยังคงโปรยปรายอย่างต่อเนื่อง ใครจะอยู่เที่ยวต่อก็อย่าลืมหาที่พักไว้ แต่ถ้าใครที่อยากเดินทางกลับเราว่าก็ไม่เหนื่อยมากแถมยังมีเวลาแวะหาข้าวกินในตัวเมืองรินแม่น้ำได้อีกชิลล์ๆ ถึงกรุงเทพฯ ได้แบบไม่เหนื่อยมากอีกด้วย
อ่านข่าวอื่นที่น่าสนใจ คลิกที่นี่
ความคิดเห็น