ผู้บริหารโตโยต้าระบุรถยนต์รุ่นใหม่จะเน้นความรู้สึกพรีเมียมในการขับขี่มากขึ้น เริ่มพัฒนาต่อเนื่องจากโตโยต้า ยาริส เอทีฟ พร้อมพิจารณาขยายการทำแพ็คเกจทางการเงินให้ลูกค้าซื้อรถได้ง่ายขึ้น หลังลูกค้าเอทีฟกว่า 50% ระบุส่งผลดีต่อการตัดสินใจซื้อรถคันใหม่
สุรศักดิ์ สุทองวัน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ส ประเทศไทย เปิดเผยแนวทางในการพัฒนารถยนต์ของโตโยต้า ว่าจากการสำรวจความต้องการของตัวแทนจำหน่ายพบว่าลูกค้าต้องการรถยนต์ที่ให้ความรู้สึกพรีเมียมในการขับขี่ แม้จะเป็นรถยนต์นั่งขนาดเล็กก็ตาม
โตโยต้าจึงได้เร่งพัฒนารถยนต์ให้มีความรู้สึกในการขับขี่ที่แตกต่างเหนือกว่าคู่แข่ง โดยผู้ขับขี่สามารถรู้สึกได้ถึงความโดดเด่นในการใช้งานของรถยนต์รุ่นใหม่อย่างโตโยต้า ยาริส เอทีฟ ที่จะใช้ในการพัฒนารถยนต์รุ่นอื่น ๆ ตามออกมาอีกในอนาคต
"ทีมวิศวกรมีการออกแบบยาริส เอทีฟ เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาไปสู่การใช้งาน TNGA - Toyota New Global Architecture ซึ่งเราจะใช้เป็นแพลตฟอร์มในการพัฒนารถรุ่นใหม่ ๆ แม้วันนี้จะยังไม่เทียบเท่าทั้งหมด แต่ก็เป็นแนวทางในการพัฒนารถยนต์ที่น่าสนใจ"
ทั้งนี้ โตโยต้า ยาริส เอทีฟ ได้รับการพัฒนาในส่วนของช่วงล่างและโครงสร้างทางวิศกรรมหลายจุดเพื่อให้ได้รถยนต์ที่ขับได้อย่างสนุกสนาน ให้ความนุ่มเงียบ และยังได้รับการติดตั้งอุปกรณ์ต่าง ๆ เข้าไปเพิ่มเติม อาทิ ถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่งตั้งแต่รุ่นเริ่มต้นถึงรุ่นท๊อป
สุรศักดิ์ ยังกล่าวถึงโปรแกรมคอนวินิ-เอ็กซ์ ที่มีการนำค่าใช้จ่ายในการออกรถยนต์รุ่นใหม่ อาทิ ค่าประกันภัย ไปรวมในยอดการผ่อนชำระรายเดือน ซึ่งเริ่มกับยาริส เอทีฟ เป็นรุ่นแรก และพบว่าลูกค้า 40-50% ระบุว่ามีผลต่อการตัดสินใจซื้อ โตโยต้าจึงกำลังพิจารณาว่าอาจจะขยายการให้บริการไปรถรุ่นอื่นในอนาคต
"สิ่งที่เราทำก็คือวามพยายามที่จะให้ผู้บริโภคสามารถซื้อรถของเราได้ง่ายขึ้น ซึ่งหากผลการตอบรับดี ลูกค้าสามารถออกรถใหม่ได้โดยไม่ต้องใช้เงินก้อน เราก็พิจารณาที่จะใช้มาตรการดังกล่าวกับรถยนต์รุ่นอื่น ๆ แต่ขณะนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปในเรื่องนี้ออกมา"
ผู้บริหารโตโยต้า ยังยืนยันว่าบริษัทจะปรับขึ้นราคาจำหน่ายของโตโยต้า ยาริส เอทีฟ ที่มีราคาจำหน่าย 4.69-6.19 แสนบาทในเดือนพฤศจิกายนอย่างแน่นอน โดยปัจจุบัน ยาริส เอทีฟมียอดจองเข้ามาแล้วกว่า 6,700 คัน เหนือกว่าเป้าหมายที่วางไว้ 4,700 คันิ ในปี 2560 นี้
ทั้งนี้ โตโยต้าประเมินว่าสัดส่วนจำหน่ายรถยนต์กลุ่มอีโคคาร์น่าจะเติบโตขึ้นจาก 36% เป็นไม่น้อยกว่า 40% ของตลาดรถยนต์นั่ง จากการที่ผู้ประกอบการเดินหน้าทำตลาดอย่างต่อเนื่อง และโตโยต้าก็คาดหมายการเติบโตในลักษณะเดียวกัน และเชื่อว่าอีโคคาร์จะทำให้โตโยต้าครองแชมป์ยอดจำหน่ายรถยนต์นั่งในอนาคต
ติดตามข่าวคราวความเคลื่อนไหวของแวดวงอุตสาหกรรมยานยนต์ได้ ที่นี่
ต้องการซื้อรถยนต์ใหม่และรถมือสอง ตรวจสอบราคา เชิญที่นี่
ความคิดเห็น