[Test Drive] New Porsche Cayenne โฉมใหม่ ออฟโรดก็ได้ ออนโรดก็ดี เทคโนโลยีเด็ดแน่นคัน Share this
รีวิวรถยนต์
โหมดการอ่าน

[Test Drive] New Porsche Cayenne โฉมใหม่ ออฟโรดก็ได้ ออนโรดก็ดี เทคโนโลยีเด็ดแน่นคัน

Coke Autospinn
โดย Coke Autospinn
โพสต์เมื่อ 20 March 2561

Test Drive New Porsche Cayenne ทดสอบ ปอร์เช่ คาเยนน์ รุ่นใหม่

ทดสอบการขับขี่ทั้งออนโรด และออฟโรด ปอร์เช่ (Porsche) Cayenne รุ่นใหม่ล่าสุด ที่มาพร้อมระบบขับขี่ใหม่ ช่วยให้ขับขี่ได้สนุก และมีสมรรถนะยอดเยี่ยมมากขึ้น

เรียกว่าแทบจะเป็นค่ายรถยนต์แรก ที่เปิดตลาดรถ SUV พรีเมี่ยม สมรรถนะสูงให้กับโลกเลยก็ว่าได้สำหรับ Porsche Cayenne หลังจากเกิดตัวในช่วงปี 2002 ครั้งแรก ซึ่งจากการเปิดตัวในยุคช่วงนั้นรถยนต์ SUV ยังไม่ได้รับความนิยมในหมู่ผู้ขับขี่รถสปอร์ต หรือรถยนต์หรูเท่าที่ควรนัก แต่ Porsche ก็สร้างยอดขายและความนิยมได้อย่างถล่มทลาย

ยิ่ง Porsche Cayenne รุ่นที่ 2 ได้มีการปรับเปลี่ยนทั้งรูปลักษณ์ให้มีความสปอร์ต บึกบึนมากขึ้น รวมไปถึงสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม และเทคโนโลยีการขับขี่ต่างๆ ที่จัดเต็มมากยิ่งขึ้น ยิ่งตอกย้ำให้ Cayenne เป็นอีกซีรีส์ที่ได้รับความนิยมสูง ตลอดมา

จนดำเนินมาถึงการเปิดตัว New Porsche Cayenne รุ่นใหม่ล่าสุด (เจนเนเรชั่นที่ 3) หลังจากเปิดตัวอย่างเป็นทางการไปแล้วในช่วงปลายปี 2017 ที่ผ่านมา ซึ่งได้ต่อยอดความนิยมมากจากรุ่นที่ 2 ไม่ว่าจะเป็นการดีไซน์ต่างๆ ที่มีเค้าโครงเดิมแต่ถูกปรับแต่ง เหลาใหม่ให้สวยงาม และสปอร์ตมากยิ่งขึ้นทั้งภายในภายนอก

และแน่นอนเรื่องเทคโนโลยี รุ่นนี้ต้องบอกเลยว่าจัดเต็มทั้งระบบใหม่ๆ ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นระบบ Rear-Axle Steering หรือระบบเลี้ยวล้อหลังที่ช่วยให้การขับขี่ Cayenne คล่องตัวมากยิ่งขึ้นแม้จะเป็นรถยนต์ที่มีมิติตัวถังขนาดใหญ่ก็ตาม โดยระบบนี้ได้ถูกติดตั้งครั้งแรกในตระกูล Cayenne

ครั้งแรกกับเทคโนโลยี Porsche Surface Coated Brake (PSCB) ระบบเบรกที่พัฒนาขึ้นด้วยส่วนผสมทังสเตนกับเซรามิก , ครั้งแรกกับ Adaptive Roof Spoiler ใน Cayenne , และการอัพเกรดเพิ่มเติมในส่วนของระบบช่วยการขับขี่ ออฟโรด ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมานี้ ผมได้ทดสอบทั้งหมดภายใต้ความปลอดภัยในสนาม เซปัง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประเทศมาเลเซีย !!

ภายนอกยังมีเค้าโครงรุ่นก่อน แต่ปรับแต่งเพิ่มเติมความสปอร์ตและโฉบเฉี่ยวมากขึ้น

หากใครมองผ่านๆ ในส่วนของด้านหน้ารถยนต์อาจจะแยกไม่ออกระหว่าง เจน2 และ เจน3 ซึ่งในส่วนของด้านหน้า (ย้ำว่าด้านหน้าด้านเดียว) มีความคล้ายเจน2 อยู่ แต่สังเกตุดีๆ จะมีการเปลี่ยนแปลงทั้งการดีไซน์กันชนหน้าใหม่ ช่องดักอากาศที่ถูกขยายรวมไปถึงครีบกระจังหน้าที่ดูมีมิติกว่ารุ่นก่อน

ในส่วนชุดโคมไฟหน้าดีไซน์แบบรุ่นก่อนหน้าแต่มาพร้อมระบบโคมไฟหน้า LED แบบ Three-Stage Lighting Concept สามารถเลือกออพชั่นเสริมเป็นระบบ Porsche Dynamic Light System (PDLS) เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานที่หลากหลาย อาทิ cornering light และ mo-torway light หรือเลือกใช้ที่สุดของนวัตกรรมเทคโนโลยีส่องสว่างด้วยโคมไฟคู่หน้าแบบ LED พร้อมระบบ PDLS Plus

ด้านมิติตัวถังมีขนาดใหญ่กว่าเดิมตั้งแต่ความยาว 4,918 มม. ความกว้าง 1,983 มม. ความสูง 1,696 มม. พร้อมฐานล้อ 2,895 มม หากเทียบกันเจนที่ 2 รุ่นใหม่จะมีมิติแตกต่าง โดยยาวขึ้น 63 มม. กว้างขึ้น 44 มม. ความสูงลดลง 9 มม. ทำให้มีวความบึกบึน และสปอร์ตมากขึ้นเนื่องจากมีความสูงน้อยกว่ารุ่นก่อน รวมไปถึงมีน้ำหนักรวมเบาลง 55 กิโลกรัม เลยทีเดียว

รูปลักษณด้านหน้าอาจเปลี่ยนไม่มาก แต่ถ้ามองด้านท้ายจะพบว่าแตกต่างจากรุ่นก่อนไปสิ้นเชิ้ง ไฟท้ายหลังดีไซน์ใหม่แบบยาวจรดกันทั้ง 2 ฝั่ง พร้อมฝังตัวอักษร PORSCHE ลงไปภายในทำให้สวยงาม ดูมีมิติมากขึ้น รวมไปถึงช่องท่อไอเสียดีไซน์ใหม่ และล้อลวดลายใหม่ขนาด 19-21 นิ้ว เช่นเดียวกัน

ภายในเน้นความทันสมัยด้วยปุ่มควบคุมแบบดิจิตอล เรียบหรู สบายตามากขึ้น

หากใครรู้จัก Porsche จะทราบดีว่าในยุคก่อนหน้านี้ รถยนต์ Porsche จะมาพร้อมปุ่มฟังก์ชั่นการใช้งานภายในรถยนต์ที่เยอะมาก เนื่องจากตัวรถยนต์มีระบบการขับขี่ต่างๆ มากมาย ระบบฟังก์ชั่นการใช้งานก็หลากหลาย เพื่อต้องการให้ใช้งานได้ง่ายไม่ซับซ้อนจึงทำให้ปุ่มมีมากตามไปเช่นเดียว

แต่ Cayenne โฉมใหม่นี้ถูกปรับปรุง ระบบการใช้งานต่างๆ ถูกย้ายไปสู่จอระบบทัชสกรีนกลางแดชบอร์ดขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว ช่องแอร์ แผงควบคุมต่างๆ ข้างเกียร์ยังมีเช่นเคยแต่ถูกปรับเปลี่ยนไปเป็นจอแสดงผลแบบดิจิตอล ก็สวยหรูดูดีขึ้นไปอีกระดับ พวงมาลัยแบบสามก้านสปอร์ตเช่นเคย

ในส่วนของเบาะนั่งก็ยังคงรักษาเอกลักษณ์คุณภาพของเบาะนั่งหนังที่สวยงาม และออกแบบมาให้นั่งได้สบายและกระชับพอดีตัว เพื่อรองรับการขับขี่ในทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็นขับขี่ปรกติ รวมไปถึงขับในทาง ออฟโรด และขับแบบสมรรถนะสูงปีกของเบาะก็ยังพอรับสรีระได้อยู่พอดี ที่พักแขนกลางพร้อมแอร์หลังและจอแสดงผลแบบดิจิตอลเช่นเดียวกันกับด้านหน้า

ขุมพลังจัดเต็มทั้ง V6 และ V8 เสียงปุ้งปัง มีให้เห็นแน่นอนสำหรับ SUV คันบิ๊กคันนี้

สำหรับ New Porsche Cayenne มีตัวเลือกทั้งหมด 3 เครื่องยนต์ 3 รุ่น ไม่ว่าจะเป็น Porsche Cayenne ที่มาพร้อมขุมพลัง V6 3.0 ลิตร เทอร์โบ 340 แรงม้า แรงบิด 450 นิวตันเมตร ทำความเร็ว 0-100 ได้ใน 5.9 วินาที TopSpeed ที่ 245 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

Porsche Cayenne S ขุมพลัง V6 ขนาด 2.9 ลิตร ทวิน-เทอร์โบ 440 แรงม้า แรงบิด 550 นิวตันเมตร ทำความเร็ว 0-100 ได้ใน 4.9 วินาที TopSpeed 265 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และรุ่นท็อปสุด Cayenne Turbo ขุมพลัง V8 ขนาด 4.0 ลิตร ทวิน-เทอร์โบ 550 แรงม้า แรงบิด 770 นิวตันเมตร ทำความเร็ว 0-100 ได้ใน 3.9 วินาที TopSpeed 286 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง

ขึ้นชื่อว่าเป็นรถ SUV พรีเมี่ยมสมรรถนะสูง การตอบสนองไม่ต้องพูดถึง ทุกย่านความเร็วเพียงแค่กดคันเร่งไปเท่านั้น เสียงคำรามจากเครื่องยนต์ถูกปลดปล่อยออกมาในส่วนของปลายท่อ ดุดันและไพเราะมากมายสำหรับขาซิ่ง แม้ในสนามจะทดสอบได้เพียงรอบสนามสั้นๆ ก็ทำให้ใจสั่นได้เหมือนกัน

ด้วยปัจจัยหลายๆ อย่างทั้งเสียงคำรามที่เข้ามาในห้องโดยสาร และขุมพลังที่จี๊ดจ๊าด ก็นับว่ายังคงเป็นอันดับต้นๆ ของ SUV สมรรถนะสูงในตลาดโลกเช่นเคย แม้ในปัจจุบันจะมีหลากหลายรุ่นต่างตบเท้าหันมาพัฒนารถ SUV กันมากขึ้น ไม่เว้นแม้แต่ค่ายซูเปอร์คาร์ก็ตาม

ออพชั่นจัดเต็มทั้งระบบเลี้ยวล้อหลัง ระบบเบรกเคลือบสารใหม่ สปอย์เลอร์หลังแบบปรับได้ ระบบแชสซีสปรับอิเล็คทรอนิก มันส์ได้ทุกสภาพถนน

อย่างที่บอกไปรุ่นใหม่มาพร้อมเทคโนโลยีเพียบ เริ่มต้นที่ผมได้ทดสอบคือการขับแบบ ออฟโรด ทีมงาน อินสตรัคเตอร์ ได้สอนวิธีการใช้งานระบบ Porsche Dynamic Chassis Control (PDCC) หรือระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวด้วยอิเล็กทรอนิกส์ สามารถปรับระบบความสูงต่ำของตัวรถได้เพียงนิ้วกดบริเวณจอทัชสกรีนขนาด 12.3 นิ้ว กลางแดชบอร์ดเท่านั้น

เพียงไม่กี่วินาที ก็รู้สึกได้ถึงความสูงของตัวรถที่ถูกปรับเปลี่ยนไปตามที่เราสั่ง ด้วยขุมพลังแรงบิดมหาศาลจากที่ได้ทดสอบทั้งตัว V6 440 แรงม้า และรุ่นท็อป V8 550 แรงม้า ความเร็ว walking speed (ปล่อยไหลโดยไม่ต้องเหยียบคันเร่งเพิ่ม) มีพละกำลังเหลือโดยไม่ต่องเติมคันเร่งแต่อย่างใด แต่ตัว V6 จะควบคุมง่ายกว่าเพราะพละกำลังค่อนข้างพอดี V8 จะล้นเกินไปนิด

แต่เอาเป็นว่าขับสนุกทั้งคู่ ระบบช่วยลงเนินอัตโนมัติทำงานได้ดี ครูฝึกสั่งให้ห้ามเหยียบเบรกแม้ทางข้างหน้าจะเป็นเนินลงค่อนข้างชันก็ตาม (จังหวะนั้นผมเตรียมเหยียบเบรกเต็มที่) แต่ก็ต้องเกร็งไว้เพราะเชื่อใจครูฝึกระบบช่วยดึงรถยนต์ไม่ให้ไหลไปตามความเร็ว พร้อมเราควบคุมความเร็วการลงได้ด้วยก้านเล็กๆ บริเวณใต้พวงมาลัย ตบเข้าหาตัวเพิ่มความเร็ว ตบออกจากตัวลดความเร็วลง ก็ถือเป็นระบบที่ช่วยให้ขับรถเนินหรือทางชันสบายมากขึ้น

เทคโนโลยีใหม่กับระบบเบรกแบบ Porsche Surface Coated Brake (PSCB) ที่ใช้สารเคลือบจานเบรกใหม่ที่มีส่วนผสมทั้งทังสเตนกับเซรามิก ที่ทีมงานให้ข้อมูลว่าสมรรถนะการเบรกยอดเยี่ยมเท่าเบรกแบบคาร์บอนเซรามิก ที่ใช้กันในรถซูเปอร์คาร์ แต่ตัวนี้มีราคาที่ถูกกว่า

การทดสอบจากจุดเริ่มต้นภายในสนามด้วยระยะทางจากหยุดนิ่ง เริ่มด้วยการกระทืบคันเร่งแบบ 100% เสียงคำรามจากเครื่องยนต์ส่งเสียงให้ได้ยินลั่นสนามความเร็วจาก 0 จนไปถึงจุดบริเวณทีมงานตั้งไพลอตคู่ ซึ่งมีความหมายว่าให้เริ่มเหยียบเบรกเต็มกำลังตรงนั้น แอบมองมาตรวัดก็เห็นความเร็วอยู่ราวๆ 90-95 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ซึ่งระยะการเบรกก็พบว่าค่อนข้างสั้นแต่ไม่สามารถบอกถึงตัวเลขเป๊ะๆ ได้ว่ามีระยะเท่าไร แต่ให้ความรู้สึกมั่นใจและปลอดภัย อาจจด้วยปัจจัยหลายๆ อย่างทั้งจานเบรกขนาดใหญ่ เทคโนโลยีใหม่ที่ช่วยกันในหลายๆ ด้านเช่นเดียวกัน

ไฮไลท์อีกประการคงจะหนีไม่พ้นระบบ  Rear-axle steering  ระบบเลี้ยว 4 ล้อ ที่มีการทำงานแตกต่างกันไปตามความเร็ว โดยล้อหลังจะมีองศาการเลี้ยวตามล้อหน้าราวๆ 3 องศา ซึ่งช่วยให้การขับขี่คล่องตัวมากขึ้น แม้จะเป็นรถยนต์ที่มีขนาดใหญ่ก็ตาม

ที่ทีมงานได้เซต สลาลอม สเตชั่นไว้ให้ พร้อม Cayenne 2 คัน คือคันที่มีระบบนี้ กับไม่มี จากที่่ได้ทดสอบมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง การเลี้ยวสลาลอมด้วยความเร็วประมาณ 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง วงเลี้ยวรุ่นที่มีระบบช่วยน้อยกว่า ลดองศาการหมุนพวงมาลัยได้มากกว่า

รวมไปถึงในช่วงกลับรถเพื่อขับกลับจุดเริ่มต้นของสเตชั่นพบว่า วงเลี้ยวของคันที่มี Rear-axle steering มีขนาดวงเลี้ยวที่แคบกว่ามากๆ จนผมเอยปากบอกครูฝึกชาว มาเลเซีย ว่าขับง่าย วงเลี้ยวเล็กลง น่าประทับใจจริงๆ ครูฝึกก็บอกเช่นเดียวกันว่าส่วนตัวเค้าก็ชอบระบบนี้

และสุดท้าย Cayenne รุ่นใหม่มี สปอย์เลอร์หลังแบบปรับระดับได้แล้ว ซึ่งถือเป็น SUV สมรรถนะสูงรุ่นแรกของโลก (สร้างมาตรฐานใหม่อีกเช่นเคย) ที่ติดตั้งสปอย์เลอร์หลังแบบ อแดปทีฟ ปรับระดับการกางออกได้ตามความเร็วที่เราขับขี่ เพื่อช่วยให้ Aerodynamics ดีขึ้น และที่สำคัญมันเท่มาก

สุดท้ายนี้หลังจากทดสอบ New Porsche Cayenne กับฟีเจอร์ใหม่ๆ ทั้งหมด ก็ถึง Hot Laps Station ซึ่งพระเอกของงานนี้คงจะเป็นใครไปไม่ได้ กับรถแข่งที่พัฒนามาจากแทร็กการแข่งขันและเป็นรถในฝันใครหลายๆ คนอย่าง Porsche 911 GT3 ซึ่งทีมครูฝึกได้ขับให้ผู้ร่วมทริปทุกท่านนั่ง เสียงจะคำรามขนาดไหน ฟิลจะเป็นอย่างไร ผมถ่ายคลิปสั้นๆ มาฝากทุกท่านด้วย ชมได้เลยครับ (ครูแอบแกล้งดริฟตรงโค้งเล็กๆ ก่อนเข้าพิทอีกด้วย)

ขอขอบคุณ Porsche Thailand (AAS Auto Service) สำหรับทริปการทดสอบ New Cayenne สุดประทับใจ ณ ประเทศมาเลเซีย ครั้งนี้ด้วยครับ

ทดสอบและรีวิวโดย AddCoke

ติดตามข่าวสารอัพเดตเพิ่มเติม ได้ที่นี่

ค้นหารถยนต์มือสองสภาพดีการันตีจาก วันทูคาร์ ได้ที่นี่


ความคิดเห็น


เรียกดูข่าวตามประเภทยานพาหนะ

ค้นหาข่าวโดยยี่ห้อ