ที่ผ่านมา เรามักได้ยินข่าวการพัฒนาเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติจากสหรัฐอเมริกาเป็นส่วนใหญ่ ขณะที่ฝั่งญี่ปุ่นที่เป็นเจ้าแห่งการพัฒนานวัตกรรมเช่นกันกลับเน้นซุ่มเงียบมากกว่า ซึ่งก็มีเหตุผลที่น่าสนใจ
ค่ายรถและบริษัทเทคโนโลยีอเมริกันมักเปิดเผยขั้นตอนการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนเรียกได้ว่าเน้นทุกรายละเอียด ส่วนบริษัทจากแดนอาทิตย์อุทัยจะเก็บขั้นตอนต่างๆ ไว้เป็นความลับซึ่งนิตยสาร Forbes ระบุว่าไม่ใช่เพราะเทคโนโลยีของญี่ปุ่นตามหลังอเมริกา แต่เป็นเพราะกลยุทธ์ go-to-market ที่เน้นเจาะตลาดแบบเฉพาะเจาะจง
ไดสุเกะ โอกาโนฮาระ ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ Preferred Networks จากญี่ปุ่นระบุว่า การพัฒนาเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติในสหรัฐอเมริกานั้นจะทำควบคู่ไปกับการทำการตลาดซึ่งแตกต่างจากญี่ปุ่น
“ผมไม่คิดว่าสหรัฐและญี่ปุ่นจะมีความแตกต่างกันในแง่ของความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี แต่แนวทางการทำตลาดนั้นไม่เหมือนกัน” โอกาโนฮาระกล่าว “สำหรับญี่ปุ่น เรามุ่งตอบสนองความต้องการของคนสูงอายุซึ่งต้องพึ่งพาการเดินทางด้วยรถยนต์เป็นหลัก เรามักได้ยินข่าวอุบัติเหตุจากการขับขี่รถยนต์ของผู้สูงอายุซึ่งรถขับขี่อัตโนมัติจะช่วยลดอุบัติเหตุดังกล่าวลงได้ นั่นหมายถึงเราให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและความไว้วางใจในการใช้งาน”
ในทางกลับกัน บริษัทรถยนต์อเมริกันมุ่งเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าอายุน้อยที่ให้ความสำคัญกับนวัตกรรมและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเป็นหลัก ดังนั้นจึงต้องเปิดเผยความคืบหน้าของการพัฒนาเป็นระยะ โดยบริษัทในสหรัฐเชื่อด้วยว่าการใช้งานรถขับขี่อัตโนมัติส่วนใหญ่จะเป็นรถแท็กซี่แบบไร้คนขับ
ซึ่งนั่นเป็นแนวคิดที่ตรงข้ามกับญี่ปุ่น โดยยูกิ ซาจิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของแผนกพัฒนารถขับขี่อัตโนมัติของ Softbank มองว่าคนญี่ปุ่นจะต้องการใช้งานรถบัสขับขี่อัตโนมัติมากกว่ารถยนต์ขนาดเล็กโดยเฉพาะในช่วงเริ่มต้น
ติดตามข่าวคราวความเคลื่อนไหวของแวดวงอุตสาหกรรมยานยนต์ได้ ที่นี่
ต้องการซื้อรถมือสอง ตรวจสอบราคารถยนต์มือสอง เชิญที่นี่
ความคิดเห็น