รีวิวทดลองขับ ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ใหม่ สำหรับการเดินทางในทุกที่ พร้อมความปลอดภัย และเทคโนโลยีล้ำสมัย พร้อมเปิดสเปคและราคา
ทดลองขับ ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ใหม่
ฟอร์ด ประเทศไทย จัดทริปเปิดประสบการณ์การขับขี่เหนือชั้นกับ ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ใหม่ รถยนต์อเนกประสงค์ขนาดกลาง ซึ่งเป็นหนึ่งยี่ห้อที่ได้รับความนิยม และพึงปรับเปลี่ยนโฉมมาไม่นานกับเครื่องใหม่ 2.0 ลิตร กับเส้นทาง ณ อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์
เริ่มต้นรวมตัวกันที่ ณ อิมแพค ฟอรั่ม อิมแพ็ค เมืองทองธานี คณะสื่อมวลชนได้รับการต้อนรับโดยผู้บริหารฟอร์ด พร้อมรับฟังบรรยายข้อมูลผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีของ “ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ใหม่” ที่ได้ปรับเปลี่ยนอะไรกันบ้าง เพิ่มความโดดเด่นด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ ประสิทธิภาพ และความปลอดภัย รวมถึงโปรแกรมการเดินทางตลอดสองวันทั้งบนทางเรียบและแบบออฟโรด
เริ่มด้วยตัวรถ
ที่หน้าตายังคงเหมือนเดิมกับตัวเก่าไม่ได้ปรับเปลี่ยนอะไรมาก หลักๆ แค่กระจังหน้า ล้อลายใหม่ขนาด 20" พร้อมยางขนาด 265/50 R20
ขุมพลัง ใหม่เครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร ไบเทอร์โบ (Bi-turbo Diesel Engine ที่มอบกำลังสูงสุดถึง 213 แรงม้า และแรงบิดที่ 500 นิวตันเมตรและเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เทอร์โบ กำลัง 180 แรงม้า และแรงบิดที่ 420 นิวตันเมตร ที่มาพร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ผสานกับความเหนือชั้นของระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัจฉริยะ (Terrain Management System i4WD)
ก่อนออกเดินทางไปกับ ฟอร์ด เอเวอเรสต์ใหม่ ได้เพิ่มความสะดวกสบายด้วยฟีเจอร์ใหม่ ประตูท้ายไฟฟ้าแบบแฮนด์ฟรี เพียงใช้เท้ายื่นไปใต้ท้ายรถ ประตูท้ายก็จะเปิดออกเองโดยอัตโนมัติ (เมื่อมีกุญแจอัจฉริยะอยู่ในกระเป๋าหรือที่ตัวผู้สัมผัส)
ภายในฟอร์ด เอเวอเรสต์ ใหม่
ภายในรถมีการตกแต่ง ห้องโดยสารที่หรูหราและสะดวกสบายยิ่งขึ้น เพิ่มระบบซิงค์ 3 (SYNC 3) ซึ่งสามารถจดจำเสียงและสั่งงานเสียงด้วยภาษาไทยได้ ช่วยโทรออก ฟังเพลง หรือเรียกใช้เมนูอื่นๆ ได้ โดยไม่ต้องละสายตาจากถนน
รวมทั้งยังรองรับ Apple Carplay และ Android Auto พร้อมบลูทูธ จอทัชสกรีน ฟูลคัลเลอร์ ขนาด 8.0 นิ้ว และกล้องมองหลัง รวมทั้งระบบแผนที่นำทางโดยใช้สัญญาณจากดาวเทียม ที่เพิ่มความมั่นใจในการเดินทางในพื้นที่ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์
หลังจากนั้นคณะออกเดินทางมุ่งหน้าไปยัง จังหวัดเพชรบูรณ์ บนเส้นทางไฮเวย์เพื่อทดสอบ รถที่ได้รับในการเดินทางเป็นรุ่น เทอร์โบเดี่ยว ขับ 2 ล้อ ขึ้นทางด่วนในเมืองทอง อย่างแรกที่สัมผัสได้ของ เอเวอเรสต์ใหม่ คือมีความนุ่มนวลในการขับขี่มากกว่าตัวเก่า อัตราเร่งดี
เทียบกับเครื่องเก่า 2.2 ลิตร ให้อัตราการดึงที่ดีกว่า การต่อเกียร์ที่ดีมีความนุ่มนวลเร่งเเซงได้ง่าย ระหว่างการเดินทางไกล ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ (Adaptive Cruise Control) ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง (Lane Keeping System) ช่วยในการเดินทางเป็นอย่างมากเพิ่มความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ทำให้ผู้ขับขี่ไม่เกิดอาการเมื่อยล้าเวลาเดินทางระยะทางที่ไกล เพิ่มความปลอดภัยในการควบคุมรถให้อยู่ในเลนของผู้ขับขี่ตลอดเวลาด้วย ถือว่าเป็นอุปกรณ์ที่ดีสำหรับการเดินทาง
เดินทางมาจนถึง อำเภอเขาค้อ ด้วยเส้นทางขึ้นเขา แรงบิดสูงสุดที่ 420 นิวตันเมตร ในเครื่องยนต์โบเดียว แสดงให้เห็นถึงกำลังที่เหลือเฟือในการขึ้นเขา
และเมื่อถึงช่วงทางลงเขาเกียร์ก็จะทดลงเองอย่างอัตโนมัติเพื่อชลอการไหลของรถเวลาลงทางชัน โดยผู้ขับขี่ไม่ต้องไปกังวลกับเกียร์ทำให้มีสมาธิกับการขับขี่ตลอดเส้นทาง
พวงมาลัยไฟฟ้าให้การตอบสนองดีในการเข้าโค้งต่างๆหรือความเร็วสูงที่มีน้ำหนักที่ดี เดินทางมาถึงที่พัก บนเขาค้อ
ไบเทอร์โบ ขับเคลื่อน 4*4
ในวันถัดมา มีการเปลี่ยนรถในการขับขี่เป็นเครื่องยนต์ ไบเทอร์โบ ขับเคลื่อน 4*4 คณะสื่อมวลชนออกเดินทางสู่อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง เพื่อชมทัศนียภาพในจุดชมพระอาทิตย์และทุ่งนางพญา เส้นทางเป็นแบบออฟโรดพอประมาณ เรียกว่ารถขับ 2 ก็เข้าไปได้แต่ถ้าฝนตกทางทีมงานก็ไม่แนะนำให้เข้าไปเพราะจะลื่นมาก
ในระบบขับเคลื่อน 4 ล้อจะขับง่ายกว่าในเส้นทางแบบออฟโรดด้วยระบบขับขี่มีตั้งแต่ ระบบ Terrain Management System (TMS) ได้รับการออกแบบมาพร้อมกับโหมดตั้งค่าการขับขี่ 4 แบบ คือ
- พื้นผิวทั่วไป (Normal)
- พื้นหิมะ/โคลน/หญ้า (Snow/Mud/Grass)
- พื้นทราย (Sand)
- พื้นหินขรุขระ (Rock)
โดยแต่ละโหมดจะปรับเปลี่ยนการตั้งค่า อัตราเร่ง ระบบส่งกำลัง ระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะ และระบบควบคุมการเกาะถนน
เครื่องยนต์ ไบเทอร์โบ มีแรงบิดสูงถึง 500 นิวตันเมตร ทำให้ผ่านอุปสักได้อย่างง่ายดาย ระบบควบคุมการลงทางลาดชัน
HDC เป็นระบบที่มีประโยชน์มากในการลงทางที่ชันมากๆ ทำให้เกิดความปลอดภัยในการขับขี่ ออกจากอุทยาน เดินทางกลับกรุงเทพฯ เครื่องยนต์ ไบเทอร์โบมีการตอบสนองช่วงกลางกับปลายจะทำได้ดีกว่า เทอร์โบเดี่ยวแต่ในช่วงต้นเทอร์โบเดี่ยวจะทำได้ดีกว่า
ช่วงล่างก็แตกต่างกันในระบบขับ 2 จะมีความนิ่มกว่าในระบบขับ 4 ด้วยน้ำหนักที่ต่างกันและในการปรับแต่งของโช้ค ในความเร็วสูงถือว่าการเก็บเสียงทำได้ดี ระบบเบรคมั่นใจได้
บทสรุป
สรุปสำหรับการเปลี่ยนแปลงกับ เอเวอเรสต์ ใหม่ ถือว่าทำได้ดีขึ้นชัดเจนในเรื่องการใช้งานระหว่าง ขับ 2 ล้อและ 4 ล้อ ใช้งานต่างกันให้ความรู้สึกการขับขี่ที่ต่างกัน ถ้าใช้งานแบบไม่ต้องไปลุยอะไรมากมาย ขับ 2 ก็เพียงพอแล้วเพราะด้วยออฟชั่นที่จัดเต็มมานี้ก็ใช้ไม่หมดกันแล้ว
แต่ถ้าคุณเป็นสายลุย ขับ 4 ก็น่าจะเป็นคำตอบที่ดีกว่า เรื่องช่วงล่างการขับขี่ ฟอร์ด ทำได้ดีอยู่ตั้งแต่รุ่นก่อน และสิ่งที่เพิ่มเติมกับรุ่น รุ่นเทรนด์ ที่ราคาหน้าสนใจแต่เสียดายที่ทีมงานไม่ได้ทดสอบถ้ามีโอกาสจะนำมาทดสอบให้ผู้อ่านได้ข้อมูล
ข้อดี ข้อเสีย ของฟอร์ด เอเวอเรสต์
ข้อดี
- เกียร์ฉลาด อัตราทดเยอะทำให้ประหยัดน้ำมัน
- ช่วงล่างเด่น
- ระบบความปลอดภัยมีมาให้เต็มที่
ข้อเสีย
- ในความเร็วสูงเสียงเข้าเยอะ
- ล้อขนาด 20” อาจจะไม่เหมาะสมกับการลุย
- ราคาอาจจะสูงกว่าในกลุ่ม
ราคา ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ใหม่
- ฟอร์ด เอเวอเรสต์ รุ่นไทเทเนี่ยม พลัส เครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร ไบเทอร์โบ ขับเคลื่อน 4 ล้อ เกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ราคา 1,799,000 บาท
- ฟอร์ด เอเวอเรสต์ รุ่นไทเทเนี่ยม พลัส เครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร เทอร์โบ ขับเคลื่อน 2 ล้อ เกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ราคา 1,599,000 บาท
- รุ่นไทเทเนี่ยม เครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร เทอร์โบ ขับเคลื่อน 2 ล้อ เกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ราคา 1,439,000 บาท
- รุ่นเทรนด์ เครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร เทอร์โบ ขับเคลื่อน 2 ล้อ เกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ราคา 1,299,000 บาท
ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ใหม่ มีสีให้เลือกทั้งหมด 6 สี รวมถึงสีใหม่ Diffused Silver Metallic และสีมาตรฐาน ได้แก่ Aluminum Metallic, Absolute Black Metallic, Arctic White, Sunset Metallic และ Blue Reflex Metallic
เช็คราคารถใหม่ และโปรโมชั่น ได้ที่นี่ ที่นี่
ต้องการซื้อรถมือสอง ตรวจสอบราคารถยนต์มือสอง เชิญที่นี่
มาร่วมแชร์ความเห็นของคุณบนเวบบอร์ด Autospinn คลิกที่นี่
ความคิดเห็น