2019 Hyundai Ioniq ราคาพร้อมข้อมูลแต่ละรุ่นย่อย

Hyundai Ioniq รถยนต์พลังไฟฟ้า 100% จาก Hyundai จะวางจำหน่ายที่ราคาเริ่มต้น 1.49 ล้านบาท (ไม่รวมภาษีนำเข้า) แพงกว่ารถปลั๊กอินไฮบริดอยู่ราว 1.32 แสนบาท

2019 Hyundai Ioniq

Hyundai ประกาศราคาและข้อมูลสำหรับสามรุ่นที่ประเทศออสเตรเลีย พร้อมกับรุ่นไฟฟ้า 100% ที่เริ่มต้นในราคา 1.49 ล้านบาท(ไม่รวมภาษีนำเข้า)

2019 Hyundai Ioniq
ในรุ่นที่มีราคาถูกที่สุดจะเป็นซีรีย์ไฮบริด โดยมีราคาเริ่มต้น 1.12 ล้านบาท ส่วนในรุ่นปลั๊กอินไฮบริดเริ่มต้นที่ 1.35 ล้านบาท

รุ่นย่อย Hyundai Ioniq

ข้อมูลและรายละเอียดแต่ละรุ่น

Hybrid
รุ่นเริ่มต้น Hybrid ใช้เครื่องยนต์ Atkinson Cycle เบนซินให้กำลัง 77 กิโลวัตต์ แรงบิด 147 นิวตันเมตรพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้ากำลัง 32 กิโลวัตต์ แรงบิด 170 นิวตันเมตรโดยให้กำลังร่วมกับเครืื่อง 104 กิโลวัตต์

และจากการใช้ระบบไฮบริดจาก Toyota มอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อการวิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนๆ แต่มอเตอร์จะช่วยเครื่องยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยน้ำมันที่ความเร็วต่ำ หรือเมื่อผู้ขับขี่ต้องการการเร่งรอบในทันทีทันใด

Atkinson Cycle
PHEV
ในส่วนของรุ่น PHEV ปลั๊กอินสามารถใช้มอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลัง 44.5 กิโลวัตต์ และเพิ่มแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนโพลีเมอร์วิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนๆได้ 63 กิโลเมตร หากแบตเตอรี่หมดสามารถวิ่งต่อด้วยน้ำมันต่อ

ทั้งแบบ Hybrid และ Plug-in ใช้เกียร์ดูอัลคลัตซ์หกสปีดเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน

Electric
รุ่นท็อปสุด Electric วิ่งด้วยไฟฟ้า 100% พร้อมแบตเตอรี่ขนาด 28 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมงและมอเตอร์ไฟฟ้ากำลัง 88 กิโลวัตต์ให้แรงบิด 295 นิวตันเมตร สามารถวิ่งได้ระยะทาง 280 กิโลเมตรผ่านใต้การทดสอบของ NEDC คาดว่าในการวิ่งบนนถนนจริง สามารถวิ่งได้ในสภาวะปกติราว 230 กิโลเมตร

สามารถชาร์ตไฟให้เต็มถึง 80 เปอร์เซนต์ได้ภายใน 23 นาทีผ่านสถานีชาร์จไฟแบบเร่งด่วน 100 กิโลวัตต์ ซึ่ง Hyundai ยังได้ให้สถาทีชาร์จไฟที่บ้านกำลัง 6.6 กิโลวัตต์ที่สามารถชาร์จเต็มได้ภายใน 4 ชั่วโมงครึ่ง

เมื่อเสียบชาร์จไฟบ้าน ใช้เวลาราวๆ 12 ชั่วโมงถึงเต็ม

รุ่นท็อปสุด Electric
นอกจากนี้ยังมีอีกสองรุ่น Elite และ Premium

โดย Ioniq ทุกรุ่นจะได้รับการติดตั้งระบบความปลอดภัยแบบแอคทีฟเต็มรูปแบบ รวมถึงระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ การเตือนการชนล่วงหน้า ระบบแจ้งเตือนจุดอับสายตา ระบบรักษารถให้อยู่ในเลนพร้อมดึงรถกลับอัตโนมัติ ระบบเตือนคนขับ เรดาร์ช่วยเตือนจุดอับสายตาด้านหลังรถและครูสคอนโทรลแบบแอคทีฟ

หน้าจอสัมผัสขนาด 8.0 นิ้วอยู่กลางแดชบอร์ดพร้อม Apple CarPlay และ Android Auto เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ทุกรุ่นติดตั้งระบบนำทางมาจากโรงงาน กุญแจแบบคีย์เลสพร้อม push-start ระบบทำความสะอาดไฟหน้ารถและกล้องมองหลังรอบทิศทางเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน

หน้าจอสัมผัสขนาด 8.0 นิ้ว
ในรุ่น Hybrid Elite ใช้ล้ออัลลอย 15 นิ้ว ส่วนรุ่นเริ่มต้น Plug-in และ Electric ใช้ล้ออัลลอย 16 นิ้วจากโรงงาน โดยจ่ายเพิ่มอีกประมาณ 1.6 หมื่นบาท

ส่วนรุ่น Hybrid พื้นฐานและ Plug-in ภายในรถจะใช้หน้าจอสัมผัสขนาด 4.2 นิ้วพร้อมแผงแสดงมาตรวัดแบบเข็มต่างๆ ส่วนรุ่น Electric และรุ่นท็อปไฮบริด จะได้หน้าจอแสดงผลขนาด 7.0 นิ้วแบบดิจิตอลพร้อมแสดงความเร็วและรอบเป็นดิจิตอล

รุ่น Premium ได้เบาะคู่หน้าติดตั้งฮีตเตอร์พร้อมระบายอากาศและปรับระดับไฟฟ้า พวงมาลัยปรับให้ความร้อน ตัวปรับอากาศแบบดูอัลโซน ซันรูปไฟฟ้า ส่วนรุ่นท็อปสุด Hybrid ได้ล้อขนาด 17 นิ้ว

รุ่น Premium
รุ่นที่เป็น EV มีข้อสังเกตคือแบตเตอรี่เก็บด้านหลังรถซึ่งกินพื้นที่ไปพอควร จากปกติที่ควรจะมีพื้นที่เก็บได้ราวๆ 456 ลิตร ในรุ่น Hybrid จุได้ 341 ลิตร ในรุ่น Plug-in และ 350L ในรุ่น Electric

รุ่นที่เป็น EV
รถต้องเข้ารับบริการทุกๆ 15,000 กิโลเมตรหรือ 12 เดือน โดยมีค่าใช้จ่ายประมาณ 8.7 พันบาทสำหรับครั้งที่ 1,2,3 และ 5 ในการเข้ารับบริการสำหรับรุ่น Hybrid และ Plug-in ส่วนครั้งที่ 4 มีค่าใช้จ่ายราวๆ 1.5 หมื่นบาท

ไฟหน้า Hyundai Ioniq
นั่นหมายถึง การให้บริการห้าครั้งแรกสำหรับในรุ่น Electric จะมีค่าใช้จ่ายราวๆ 5 พันกว่าบาทในแต่ละครั้ง พร้อมกับมาตรฐานการรับประกันจาก Hyundai 5 ปี การรับประกันไม่จำกัดระยะทางภายใน 8 ปี แบตเตอรี่รับประกันที่ 160,000 กิโลเมตร