ในปัจจุบัน กลุ่มผู้ใช้งานรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่หรือรถบิ๊กไบค์ในประเทศไทยมีจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว ซึ่งมีผู้ใช้งานรถในทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นรถสปอร์ต, เน็กเก็ต, และทัวร์ริ่ง ซึ่งรถบิ๊กไบค์ที่ใครๆ มักจะนิยมใช้เดินทางไกลส่วนใหญ่ มักจะเป็นรถมอเตอร์ไซค์ในกลุ่มทัวร์ริ่ง เพราะเป็นรถที่มีท่านั่งที่สบาย รองรับการบรรทุกสัมภาระปริมาณมาก และเหล่าแม่บ้านค่อนข้างถูกใจกับท่านั่งของมันมากกว่ารถบิ๊กไบค์ในกลุ่มอื่นๆ
และด้วยความเป็นรถทัวร์ริ่งนี่แหละครับ เสน่ของมันก็คือการขับขี่ท่องเที่ยวทางไกลออกไปในต่างจังหวัดนั่นเอง ซึ่งการเดินทางบนท้องถนนประเทศไทยนั้น ยิ่งเดินทางไกลเท่าไหร่ เราก็จะได้เจอกับทั้งสภาพอากาศที่หลากหลาย รวมถึงสภาพถนนที่อาจจะไม่ได้เรียบเนียนไปซะทุกเส้นทางทั้งหมด และนั่นเองครับที่ทำให้ผู้ขับขี่รถทัวร์ริ่ง ต้องเลือกใช้อุปกรณ์ช่วยเหลือการขับขี่เพิ่มเติมนอกจากรถที่ดีแล้ว ไม่ว่าจะเป็นไฟสปอตไลท์ สำหรับการขับขี่ตอนกลางคืน, กล่องบรรทุกสัมภาระสำหรับเดินทาง ซึ่งแต่ละอย่างมักจะมีน้ำหนักค่อนข้างเยอะ ไหนจะอุปกรณ์บำรุงรักษารถเบื้องต้นแล้ว ยังมีเสื้อผ้า ไหนจะขนม ของฝากต่างๆ ที่ซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้าน ก็ล้วนแล้วแต่มีน้ำหนักทั้งสิ้น และสิ่งที่ไบเกอร์สายทัวร์ริ่งให้ความสำคัญสูงอีกอย่างหนึ่ง นั่นคือยางที่สามารถขับขี่ไปได้ทุกสภาพถนน และทุกสภาพเส้นทางนั่นเอง เพราะยางนั้นเป็นสิ่งเดียวที่เชื่อมต่อระหว่างถนนที่เราขับขี่ และรถคันโปรดของเรานั่นเอง
สำหรับยางที่เราเลือกใช้ เป็นยาง Pirelli Scorpion Trail II ซึ่งยางรุ่นนี้เป็นยางชนิดเรเดียลแบบไม่มียางใน ในประเภทยางแบบเอ็นดูโร่ สตรีท รองรับการใช้งานในเส้นทางลาดยางปกติ 80% และเส้นทางออฟโรด 20% โดยทาง Pirelli ใช้เทคโนโลยีการผลิตยางด้วยเส้นใยเหล็ก 0 องศา ผสานเข้ากับโครงสร้างยางเรเดียร์ ทำให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดในทุกความเร็ว และสามารถควบคุมรถได้ง่าย แม้ว่าบรรทุกสัมภาระหนัก ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์สำหรับการเดินทาง หรือสัมภาระต่างๆ เจ้ายางรุ่นนี้ก็ไม่หวั่น
นอกจากนี้ ยังใช้เทคโนโลยีการผลิตยางล่าสุด เอกสิทธิเดียวของ Pirelli โดยใช้เม็ดเรซิ่นที่มีโมเลกุลต่ำ ทำให้ตัวยางมีความยืดหยุ่นต่อแรงบิดที่สูงมากของรถบิ๊กไบค์ทัวร์ริ่ง ทำให้ยางมีประสิทธิภาพการยึดเกาะที่สูงมากในทุกสภาพถนน และทุกสภาพอากาศ อีกทั้งยังมีอายุการใช้งานที่ค่อนข้างยืนยาว ตามสไตล์ของการขับขี่ในกลุ่มรถทัวร์ริ่ง ที่มักใช้งานเดินทางไกล
ดอกยางของ Pirelli Scorpion Trail II ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการขับขี่ทั้งบนถนนทางดำ สำหรับเดินทางไกล รวมถึงทางฝุ่น ทางดิน ที่อาจจะได้พบเจอกันบ้างในขณะออกทริป ซึ่งยางตัวนี้ได้ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับกับเส้นทางต่างๆ ที่เหล่าไบเกอร์สายทัวร์ริ่งจะต้องได้พบเจอ จึงทำให้ผู้ขับขี่มีความมั่นใจได้ว่า ยางสามารถรับมือกับเส้นทางต่างๆ เหล่านั้นได้อย่างสบายๆ ไร้กังวล
การทดสอบขับขี่จริง
ในส่วนของการทดสอบขับขี่จริง ผู้ทดสอบได้ใช้ยาง Pirelli Scorpion Trail II กับ Honda CB500X ปี 2016 รถบิ๊กไบค์ขนาดกลางสายทัวร์ริ่งแอดเวนเจอร์ ซึ่งผมได้ทำการทดสอบขับขี่จริงไปประมาณ 1,000 กิโลเมตรในช่วง 1 สัปดาห์ ทั้งการขับขี่เดินทางไกลวันละ 200 กิโลเมตร เพื่อทดสอบการยึดเกาะของยาง รวมถึงการใช้งานในชีวิตประจำวัน ภายในกรุงเทพมหานคร และได้ทำการทดสอบขับขี่ในเส้นทางดิน โดยใช้ยางหน้าขนาด 120/70 R17 และยางหลังขนาด 160/60 R17
โดยการทดสอบนี้ เราได้ทดสอบขับขี่ด้วยการใช้งานในชีวิตจริง ช่วงเดือนกรกฎาคมนี้เอง ซึ่งในเดือนกรกฎาคมจะตรงกับฤดูฝน ซึ่งไบเกอร์จำเป็นต้องขับขี่ในเส้นทางที่เปียกแฉะ ทั้งการขับขี่ผ่านสายฝน รวมถึงขับขี่ผ่านเส้นทางที่ฝนเพิ่งหยุดตกใหม่ๆ ซึ่งพื้นถนนที่เปียกนั้น ไบเกอร์ทั้งหลายล้วนทราบกันดีว่า มันจะลื่น และขับขี่ได้ยากกว่าถนนที่แห้ง
จากการทดสอบพบว่า ประสิทธิภาพการยึดเกาะถนนของยาง Pirelli Scorpion Trail II ทำได้อย่างดีเยี่ยมในทางลาดยาง ทั้งทางแห้งปกติ และทางที่เปียก ด้วยเทคโนโลยีการผลิตแบบเรซิ่นโมเลกุลต่ำ ทำให้ได้เนื้อยางที่ยึดเกาะถนนได้อย่างดีเยี่ยม โดยปกติแล้วการขับขี่บนทางที่เปียก จะทำให้ประสิทธิภาพการยึดเกาะถนนของยางนั้นลดลง และเรามักจะพบกับอาการ "ลื่น" กับยางที่ไม่ได้รองรับการขับขี่ในทางที่เปียก ทว่ายาง Pirelli Scorpion Trail II เนื่องด้วยเทคโนโลยีการผลิตของยาง รวมถึงร่องรีดน้ำของยางที่ออกแบบมาได้ดี ทำให้ยางไม่แสดงอาการลื่นแต่อย่างใด
จากที่ได้ประสบกับตนเองกับระยะทางมากกว่า 1,000 กิโลเมตร เจ้ายาง Pirelli Scorpion Trail II ไม่ได้แสดงอาการลื่น หรือเสียการควบคุมรถแต่อย่างใด แม้กับเส้นทางที่เปียก โดยเราทดสอบขับขี่กับความเร็วการขับขี่ปกติไม่เกิน 90 กม./ชม. ก็มิได้พบอาการลื่นน้ำแต่อย่างใด ซ้ำยังให้การยึดเกาะที่ยังมีประสิทธิภาพอยู่ ทำให้ผมเองมีความกล้าที่จะใช้ความเร็วของรถได้ปกติ โดยไม่จำเป็นต้องลดความเร็วลงแต่อย่างใด (ทำการทดสอบที่ความเร็วไม่เกิน 90 กม./ชม.) แตกต่างจากยางที่มิได้รองรับกับการขับขี่ในทางเปียก ที่มักจะแสดงอาการลื่นอย่างชัดเจน เมื่อใช้ความเร็วสูงเกิน 70 กม./ชม. ในทางโค้งความเร็วสูง
ในส่วนของทางออฟโรด ที่ตัวยาง Pirelli Scorpion Trail II รองรับไว้ที่ 20% ซึ่งด้วยดอกยางร่องลึก ทำให้ล้อรถสามารถตะกุยดินให้ขับขี่บนเส้นทางออฟโรดได้อย่างสบายๆ ทำให้การขับขี่ในเส้นทางดินนั้นทำได้อย่างง่ายดาย แต่ถ้าหากเอาไปลุยแบบ Hard Enduro แบบกระโดดเนินสูงๆ หรือขี่ลุยลำธารในป่า ก็อาจจะไม่ตรงวัตถุประสงค์ของยางรุ่นนี้มากนัก
สรุป
ยาง Pirelli Scorpion Trail II เป็นยางที่เหมาะกับรถบิ๊กไบค์กลุ่มทัวร์ริ่ง แอดเวนเจอร์เป็นอย่างมาก ด้วยการออกแบบของยางที่รองรับการขับขี่ในทุกสภาพอากาศ และทุกเส้นทาง อีกทั้งยังสามารถรับน้ำหนักบรรทุกได้มาก หากจะบอกว่านี่คือยาง "ตัวจบ" สำหรับรถบิ๊กไบค์สายทัวร์ริ่งแอดเวนเจอร์ ก็อาจไม่ผิดนัก โดยราคาค่าตัวสำหรับ Honda CB500X แบบล้อหน้า-หลัง 17 นิ้วเท่ากัน จะอยู่ที่ประมาณ 12,000 บาทครับ ทั้งนี้ผู้สนใจสามารถสอบถามราคาจำหน่ายอีกครั้งได้ที่ตัวแทนจำหน่ายยางรถจักรยานยนต์ Pirelli ทั่วประเทศครับ
ขอขอบคุณ Pirelli Moto Thailand สำหรับการเอื้อเฝื้อยางทดสอบในครั้งนี้
เช็คราคารถใหม่ และโปรโมชั่น ได้ที่นี่ ที่นี่
ต้องการซื้อรถมือสอง ตรวจสอบราคารถยนต์มือสอง เชิญที่นี่
มาร่วมแชร์ความเห็นของคุณบนเวบบอร์ด Autospinn คลิกที่นี่
ความคิดเห็น