3 สิ่งที่ต้องรู้ก่อนไป Leh Ladakh เยือนถนนที่สูงที่สุดในโลก Share this

3 สิ่งที่ต้องรู้ก่อนไป Leh Ladakh เยือนถนนที่สูงที่สุดในโลก

Paknam536
โดย Paknam536
โพสต์เมื่อ 26 August 2562

Leh Ladakh ดินแดนแห่งความสงบ ปลดปล่อยจิตใจจากความวุ่นวายในเมืองใหญ่ สู่อ้อมกอดของขุนเขาหิมาลัย ที่ล้อมรอบเมืองอันมีเสน่อย่าง "เลห์" ไว้อย่างสวยงาม


Leh Ladakh อีกหนึ่งดินแดนที่ขึ้นชื่อว่า "สักครั้งหนึ่งในชีวิต ต้องมาเยือนที่นี่" ไม่ว่าจะเป็นชาวไทย หรือชาวต่างชาติจากทั่วทุกมุมโลก ก็ล้วนแสวงหาโอกาสสักครั้งในการมาเยือนดินแดนที่สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางถึง 3,500 เมตร
และกิจกรรมที่ห้ามพลาด นั่นคือการเดินทางไปยังถนนที่สูงที่สุดในโลก ณ จุด Khadung-La ที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลมากถึง 5,350 เมตร

แต่การเดินทางขึ้นมาบนที่สูงแบบนี้ ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายดายซะทีเดียวสำหรับชาวไทยพื้นราบอย่างเราๆ นี้ เพราะทุกวันนี้ เราอาศัยอยู่ในพื้นที่เทียบเท่าระดับน้ำทะเลเท่านั้นเอง...

เพราะฉะนั้นแล้ว 3 สิ่งที่ต้องทราบ ก่อนเดินทางมายัง Leh Ladakh มีอะไรบ้างนั้น มีดังนี้

 

 

1. โรคแพ้ความสูง Altitude sickness


โรคแพ้ความสูง ไม่ใช่อาการกลัวความสูง และไม่ใช่เรื่องตลก แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่รับมือได้ยากจนเกินไป

โดยอาการของโรคนี้คือ เราจะมีอากาศปวดด้านหลังศรีษะ อันเนื่องมาจากสมองได้รับอ็อกซิเจนน้อยกว่าปกติ ทำให้สมองประมวลผลสิ่งต่างๆ ได้ช้าลง และมีอาการหน้ามืดบ่อยครั้ง โดยอาการนี้จะแสดงผลทันทีเมื่อเราเดินทางถึง Leh Ladakh ทันทีที่เครื่องบินแลนดิ้งที่สนามบิน ท่านใดที่ร่างกายไม่แข็งแรงนัก จะรู้สึกปวดหัวขึ้นมาได้โดยทันที

วีธีรับมือกับอาการนี้ โดยจากคำแนะนำจากแพทย์ท้องถิ่นที่ผมได้รับการตรวจร่างกายที่ Leh Ladakh คุณหมอแนะนำว่า
"ไม่ควรใช้อ็อกซิเจนกระป๋อง และไม่ควรกินยา ถ้าไม่ไหวจริงๆ"

เพราะว่า อาการปวดหัวที่เกิดขึ้นนั้น เกิดจากร่างกายกำลังปรับตัวเข้ากับอากาศที่มีอ็อกซิเจนน้อยกว่าปกติ ซึ่งอาการนี้สามารถแก้ได้ง่ายๆ เพียงดื่มน้ำสะอาดให้มากๆ , งดการออกกำลังกายทุกชนิด ห้ามวิ่ง ห้ามกระโดดเด็ดขาด และไม่ควรเดินขึ้น-ลงบันไดด้วยความรวดเร็ว เพราะการกระทำเหล่านี้ ล้วนเป็นการทำให้ร่างกายอ่อนล้าได้ง่าย และอาจทำให้หน้ามืดได้ ซึ่งแอดเองได้ลองขึ้นบันไดเพียงชั้นเดียว ยังหน้ามืดเลย....

 

 

วิธีรับมือนั้นง่ายนิดเดียว คือดื่มน้ำให้เยอะ และนอนให้มากๆ


จากประสบการณ์ของผู้เขียนเอง ผู้เขียนได้เดินทางถึง Leh Ladakh เวลา 11.00 น. และเริ่มมีอาการปวดหัวเล็กน้อยครั้งแรก เมื่อเวลา 13.00 น. และเริ่มรุนแรงขึ้นเมื่อเวลา 15.00 ถึงเวลาก่อนนอน 22.00 น. เลยทีเดียว
โดยอาการข้างเคียงที่มาเพิ่มด้วยคือ อาการหน้ามืด รู้สึกอยากนอน และไม่ค่อยอยากทานอาหาร (แต่ควรทานสักหน่อย จะได้ไม่หิว)
ผู้เขียนจึงตัดสินใจเข้านอนตั้งแต่เวลา 22.00 น. และตั้งนาฬิกาปลุกเวลา 6.00 น. ในวันถัดไป

และพอตื่นเช้ามา อาการปวดหลังศรีษะลดลงเป็นอย่างมาก และเมื่อออกมาสูดอากาศด้านนอกสักหน่อย ร่างกายก็สามารถปรับตัวเข้ากับอากาศได้แล้วเป็นที่เรียบร้อย ไม่มีอาการปวดหัวอีกเลย

เอาเป็นว่า หากภายใน 24 ชม. หลังเดินทางมาถึง แล้วอาการปวดหัวยังไม่หาย ควรนอนพักผ่อนต่อ และดื่มน้ำให้มาก หากนอนไม่หลับ ควรออกมาสูดอากาศโล่งๆ ด้านนอกสักหน่อย
หากไม่ดีขึ้นเลย ควรพบแพทย์ด่วนครับ

และบอกเลยว่า หากร่างกายปรับตัวเข้ากับความสูง 3,500 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลได้แล้ว ในวันอื่นๆ ที่เราต้องเดินทางไปยังที่สูงกว่านี้ ตั้งแต่ 3,800 - 5,300 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล ก็รู้สึกชิวๆ ไปเลยทันที แม่ว่าเราจะต้องขี่ลุยทางวิบากก็ยังไม่เหนื่อย เพราะร่างกายปรับตัวได้แล้ว

แต่สำหรับบางท่านที่ร่างกายอาจจะยังไม่แข็งแรงนัก จะรู้สึกเหนื่อยล้าเป็นพิเศษที่ความสูง 4,000 เมตร เหนือระดับน้ำทะเลขึ้นไป สังเกตได้จากผู้ร่วมทริปชาวต่างชาติหลายท่านที่ถึงกับต้องขอดม Oxygen จากคุณหมอ จนเกิดวลีที่ว่า "Oxygen OK?"

 

 

2. ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์


ปัจจุบันนี้โทรศัพท์ โดยเฉพาะสมาร์ทโฟน นับเป็นอวัยวะชิ้นที่ 33 ของมนุษย์เราไปแล้ว ซึ่งเมื่อมาถึงที่ Leh Ladakh "เราจะไม่สามารถใช้งานโทรศัพท์ได้ เนื่องจากไม่มีสัญญาณ"


แม้ว่าที่ Leh จะมีโฆษณาค่ายมือถือหลายค่าย แถมยังมีเสาสัญญาณโทรศัพท์เต็มไปหมด แต่เรา ชาวต่างชาติ ใช้งานไม่ได้นะจ๊ะนายจ๋า


สาเหตุก็คือ สัญญาณโทรศัพท์ที่นี่ ใช้งานได้เฉพาะเบอร์แบบรายเดือนเท่านั้น ซึ่งก็คือคนท้องถิ่น ส่วนชาวต่างชาติอย่างเรา ล้วนใช้ซิมการ์ดแบบเติมเงิน หรือโรมมิ่งมาจากประเทศต้นทาง ซึ่งจะไม่ได้รับอนุญาติให้ใช้งานที่นี่ (12 สิงหาคม 2562) ซึ่งยังไม่มีท่าทีว่าในอนาคตชาวต่างชาติจะสามารถใช้งานโทรศัพท์ หรืออินเตอร์เน็ตมือถือได้เมื่อไหร่กัน

แต่ ถ้าหากคิดถึงบ้านจริงๆ เราสามารถติดต่อโลกภายนอกได้ผ่านระบบ Wifi เท่านั้น ซึ่ง Wifi ที่ Leh มีแทบทุกโรงแรม และร้านอาหาร แต่ก็อาจจะไม่ได้เร็วมากมาย ขนาดอัพวิดีโอได้รัวๆ นะครับ มันเร็วเพียงพอต่อการส่งข้อความผ่านแอปต่างๆ หรือพอใช้โทรได้นิดหน่อยเท่านั้น เพราะงั้นแล้ว ลืมไปเลยว่ามี 4G มองหา Wifi อย่างเดียวพอ

 

 

3. กลางวันร้อนจี๋ กลางคืนหนาวเย็น


แอดฯ เดินทางมาที่ Leh ช่วงเดือนสิงหาคม 2562 ซึ่งตรงกับช่วงหน้าร้อนของที่นี่ สิ่งที่พบคือ "อากาศ" ซึ่งมีเอกลักษณ์ของมันคือ อุณหภูมิตอนกลางวัน อยู่ที่ 20-22 องศาเท่านั้น แต่แดดที่ส่องมาโดนเรา บอกเลยว่าร้อนกว่ากรุงเทพเยอะมากกกกก ! แม้ว่าลมจะเย็น แต่แดดนั้นร้อนแรงสะใจ พร้อมมอบผิวเกรียมๆ ให้ทุกคน หากไม่ได้ทากันแดดเลยทีเดียวเชียว
ส่วนอุณหภูมิตอนกลางคืน หลังดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า อาจต่ำกว่า 10 องศาเซลเซียส แถมยังมีลมแรงๆ ซัดเข้ามาเพิ่มความเย็นอีกด้วยนะ


เพราะงั้นแล้ว อย่าพกแต่อุปกรณ์กันหนาว ควรพกครีมกันแดด กับแว่นกันแดดมาด้วยก็จะเหมาะดี

 

 

จบไปเรียบร้อยแล้วกับ 3 สิ่งที่ต้องรู้ก่อนมา Leh Ladakh โดยในตอนต่อไป ทุกท่านจะได้พบกับบทความ "ขี่รถมอเตอร์ไซค์บนถนนที่สูงที่สุดในโลก" กับรถจักรยานยนต์สไตล์แอดเวนเจอร์ทรงคลาสสิก Royal Enfield Himalayan ในทริป Royal Enfield Moto Himalaya 2019 ซึ่งจะเป็นอย่างไรนั้น โปรดติดตามครับ

 

เช็คราคารถใหม่ และโปรโมชั่น ที่นี่
ต้องการซื้อรถมือสอง ตรวจสอบราคารถยนต์มือสอง เชิญที่นี่
มาร่วมแชร์ความเห็นของคุณบนเวบบอร์ด Autospinn คลิกที่นี่


ความคิดเห็น


เรียกดูข่าวตามประเภทยานพาหนะ

ค้นหาข่าวโดยยี่ห้อ