รีวิว ทดลองขับ Honda city turbo 2020 เจเนอเรชันที่ 5 ดีกว่าในทุกด้าน ขุมพลังเทอร์โบเครื่องยนต์ 1.0 ลิตร VTEC TURBO
ทดสอบ Honda city turbo 2020
หลังจาก ฮอนด้า ได้เปิดตัว ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ เจเนอเรชันที่ 5 ตั้งแต่ 25 พฤศจิกายน ที่ผ่านมาซึ่งผู้บริโภคให้การตอบรับเป็นอย่างดี เรียกได้ว่าเป็นกระแสอย่างต่อเนื่องด้วยเครื่องยนต์ใหม่ ขุมพลังเทอร์โบเครื่องยนต์ 1.0 ลิตร VTEC TURBO ซึ่งประเทศไทยเป็นประเทศแรกในการเปิดตัว ซึ่งภายหลังจากการเปิดตัวไม่ถึง 1 เดือน ฮอนด้าซิตี้ ใหม่ ได้รับการตอบรับที่ดีเยี่ยมจากลูกค้าทั่วประเทศ ปัจจุบันมียอดจอง มากกว่า 4,500 คัน
ดังนั้นเมื่อกระแสดีจากผู้บริโภค บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด จึงได้จัดให้มีการทดสอบ ประสิทธิภาพของ Honda city turbo ณ สนามทดสอบ ฮอนด้า อาร์แอนด์ดี เอเชีย แปซิฟิค ปราจีนบุรี ว่ามีดีในด้านไหนบ้าง ซึ่งก็ถือเป็นคณะสื่อมวลชนกลุ่มแรกเช่นกันที่ได้ทดสอบในครั้งนี้
รถที่ใช้ในการทดสอบในครั้งนี้เป็นรุ่น RS ที่มาพร้อมชุดแต่งสไตล์สปอร์ตแบบ RS รอบคัน โดดเด่นด้วยกระจังหน้าแบบ Gloss Black และสัญลักษณ์ RS
มาพร้อมกันชนหน้าและกระจังหน้าสไตล์สปอร์ต ไฟหน้าดีไซน์ใหม่แบบ LED พร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED ไฟตัดหมอกแบบ LED กระจกมองข้างสีดำแบบสปอร์ตพร้อมไฟเลี้ยวในตัว สปอยเลอร์หลังแบบ Gloss Black พร้อมสัญลักษณ์ RS และล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตขนาด 16 นิ้ว
ภายในห้องโดยสารสะท้อนความสปอร์ตยิ่งขึ้นด้วยเบาะหนังกลับดีไซน์ใหม่ตกแต่งด้วยด้ายสีแดง พร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ พร้อมมาตรวัดเรืองแสงสีแดง และดึงดูดทุกสายตาด้วยสีภายนอกใหม่ สีแดงอิกไนต์ (Ignite Red) เฉพาะรุ่น RS
จุดเด่นที่ทุกคนให้ความสนใจในการทดสอบครั้งนี้คือ ขุมพลังใหม่เทอร์โบใหม่ เครื่องยนต์ 1.0 ลิตร DOHC VTEC TURBO 3 สูบ 12 วาล์ว มาพร้อม Turbo Charger ที่อัดอากาศเข้าสู่ห้องเผาไหม้ของเครื่องยนต์ได้เร็วขึ้น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้ได้อย่างรวดเร็ว
ให้กำลังสูงสุด 122 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที ตอบสนองได้ทันใจด้วยแรงบิดสูงสุด 173 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000 - 4,500 รอบต่อนาที ให้สมรรถนะการขับขี่ที่เหนือกว่าเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร (เมื่อเทียบกับรุ่นเดิม) และแรงบิดเทียบเท่าเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร
ผสานการทำงานกับระบบเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง (CVT) ให้อัตราเร่งและอัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยมสูงถึง 23.8 กิโลเมตร/ลิตร ตอบสนองทุกการขับขี่ด้วยระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัยแบบ 7 สปีด
โดยเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตามมาตรฐานไอเสียยูโร 5 (EURO 5) ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ 99 กรัม/กิโลเมตร และสามารถรองรับน้ำมัน E20
บอกได้เลยว่า เครื่องยนต์ 1.0 ลิตร DOHC VTEC TURBO ที่ประจำการใน ซิตี้ นี้ถือว่าเป็นเครื่องที่ได้รับการพัฒนาใหม่ทั้งหมดจริงๆ มาพร้อมเทคโนโลยีที่เต็มพิกัดจากทาง ฮอนด้าก็ว่าได้
ทุกอย่างถูกปรับให้ดีขึ้นทั้งทางด้าน การประหยัดน้ำมันพร้อมทั้ง อัตราเร่งที่ดี และบอกได้เลยว่าแตกต่างจากเครื่องที่ใช้ใน ซีวิคและแอคคอร์ด จุดเด่นหลักๆ ประกอบด้วยเทคโนโลยีดังนี้
- ระบบฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงแบบฉีดตรง (Direct Injection) เป็นระบบฉีดตรงเข้าสู่ห้องเผาไหม้ด้วยปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิงแรงดันสูง ส่งผลให้ได้พลังงานที่เกิดจากการเผาไหม้ที่รุนแรง รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานได้ราบเรียบและต่อเนื่อง
- Dual VTC ระบบแคมชาฟท์ ที่สามารถเพิ่มหรือลดองศาของแคมชาฟท์ในการเปิดปิดวาล์วไอดีและไอเสีย เพื่อเพิ่มสมรรถนะของเครื่องยนต์ และให้การขับขี่ที่ทรงพลัง ตอบสนองการขับขี่ได้รวดเร็ว ให้กำลังแรงบิดสูงสุด 173 นิวตัน-เมตร และแรงม้า 122 แรงม้า
- ระบบแปรผันระยะยกของวาล์ว VTEC เป็นการแปรผันระยะยกของวาล์วไอดี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการประจุไอดีจำนวนมากเข้าสู่ห้องเผาไหม้ โดยจะแปรผันการทำงาน เพื่อให้สมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลัง ตอบสนองการขับขี่ได้รวดเร็ว ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ VTEC
- อินเตอร์คูลเลอร์แบบน้ำ (Water-Cooled Type Intercooler) เป็นการระบายความร้อนอากาศที่มาจากการบูสท์ของเทอร์โบด้วยน้ำที่ติดตั้งมากับเครื่องยนต์ 1.0L VTEC TURBO ช่วยให้การระบายความร้อนเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว และยังลดระยะทางในการประจุไอดีให้สั้นลง ส่งผลให้การตอบสนองของเครื่องยนต์รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
- เทอร์โบชาร์จเจอร์ และวาล์วเวสเกตไฟฟ้า เทอร์โบชาร์จทำหน้าที่อัดอากาศเข้าสู่ห้องเผาไหม้ของเครื่องยนต์ได้เร็วขึ้น โดยมีวาล์วเวสเกตไฟฟ้าควบคุมการทำงานได้อย่างแม่นยำ อีกทั้งนำพลังงานไอเสียส่วนเกินกลับมาใช้ใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
จุดเด่นต่างๆ เหล่านี้ทำให้เครื่องยนต์เต็มไปด้วยประสิทธิภาพที่ดี แต่อย่างไรก็ต้องทดสอบเพื่อให้เห็นว่าดีเพียงใด สำหรับการทดสอบในสนาม ซึ่งมีรูปแบบถนนที่หลากหลายทั้งทางตรง และทางโค้ง หลักๆแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ คือวิ่งด้วยความเร็วสูงรอบนอก ด้านในเป็นรูปแบบถนนโค้ง
หลายท่านอาจจะได้เห็นคันจริงและได้ทดลองนั่งกันแล้วในงาน motor expo 2019 ที่ผ่านมา สัมผัสแรกกับภายในห้องโดยสาร สำหรับเบาะนั่งในรุ่น RS นั้น ดีที่สุดด้วยการใช้วัสดุหนังผสมผ้าทำให้ผิวสัมผัสมีความหรูหรา
ห้องโดยสารกว้างขวางทั้งด้านหน้าและหลังด้วยการออกแบบตัวถังใหม่ทั้งหมด การทดสอบก่อนเข้าสนามนั่งเต็ม 4 คน เบาะหน้าถอยมาสุดคนนั่งหลังยังวางขาได้อย่างสบาย สิ่งอำนวยความสะดวกต่างให้มาอย่างพร้อม USB หน้าหลัง
เริ่มการทดสอบ
มีผู้โดยสาร 1 กดคันเร่งเต็มกำลังรถวิ่งออกอย่างรวดเร็ว รอบเครื่องกวาดไปถึง 6,000 รอบ แป๊บเดียวจากความเร็ว 0 ถึง 100 km สามารถวัดได้ประมาณ 10 วินาทีกว่าๆ ถือว่าทำได้ดีมาก สำหรับเครื่องยนต์ขนาด 1.0 ลิตร ในความเร็วสูง
พวงมาลัยตอบสนองได้ดีมากทั้งความเร็วต่ำและสูงสามารถเปลี่ยนเลนได้อย่างมั่นใจพร้อมทั้งช่วงล่างที่ถูกพัฒนาให้ดีขึ้นกว่ารุ่นก่อนมาก ประกอบกับการเก็บเสียงที่ดีขึ้นมาก
วน 2 รอบ เข้ามาอีกสนามทดสอบการควบคุมรถในทางโค้งต่างๆ ที่ถูกออกแบบมาให้ทั้ง แคบและกว้าง เพื่อให้เห็นถึงการยึดเกาะถนน
ซิตี้ ใหม่นี้ ได้รับการพัฒนาช่วงล่างให้ดีขึ้นในหลายด้านตั้งแต่เพิ่มความเเข็งแรงของตัวถังทำให้ตัวรถสามารถลดแรงสะทานที่เกิดขึ้นจากช่วงล่างได้ดี พร้อมทั้งมีการปรับค่าสปริงใหม่ ทำให้โดยรวมการวิ่งในทางโค้งต่างๆ นั้นรู้สึกมั่นใจขึ้นมาก
พร้อมทั้งพวงมาลัยที่มีน้ำหนักที่ดีทำให้ง่ายต่อการควบคุมรถในทุกสภาวะ
สรุป
สรุปสำหรับการทดสอบอาจเป็นแบบสั้นๆ เพราะจะมีการทดสอบอย่างจริงจังอีกครั้งนึงบนถนนจริงเพื่อให้เห็นถึงประสิทธิภาพที่ครบกว่านี้แต่การทดสอบสั้นๆ ในครั้งนี้ก็บอกได้หลายๆอย่างกับการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้
ข้อดี
- เครื่องยนต์ ใหม่ 1.0L VTEC TURBO นี้ทำออกมาได้ดี อัตราเร่งให้ความรู้สึกเทียบเท่าเครื่อง 1.5L แต่ให้การตอบสนองที่ดีกว่า ความเร็วปลายดีกว่า ทางชันไม่ได้ทดสอบแต่คิดว่าต้องดีกว่าด้วยแรงบิดที่มากกว่า
- ห้องโดยสาร กว้างขวางและเงียบกว่ารุ่นเดิม
- ช่วงล่างถูกปรับปรุงให้ดีีขึ้นนุ่มขึ้นแต่ให้การเกาะถนนที่ดี
- พวงมาลัยมีน้ำหนักดีทั้งความเร็วต่ำและสูง
ข้อเสีย
- ออฟชั่นที่ดีทั้งหมดอยู่ในรุ่น RS เท่านั้น
- รถไม่ได้แรงอย่างที่คาดหวัง แต่เครื่องยนต์ถูกออกแบบมาให้ขับขี่ได้อย่างเรียบหรู(สายแรงทำต่อได้)
รุ่นและราคา Honda city turbo 2020
ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ นี้ถือว่ามีการเปลี่ยนแปลงมากที่สุดในรุ่นนี้ ใครเป็นแฟนฮอนด้าน่าจะถูกใจกับปรับปรุงในครั้งนี้คงไม่ต้องแปลกใจกับยอดขายที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง 2 รุ่นที่ได้รับความนิยมมากที่สุดได้แก่ sv 45% ตามด้วย RS 40% นอกนั้นเป็นรุ่นย่อย ถ้าใครสนใจสามารถสัมผัสได้ที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 24 ธันวาคม 2562 เป็นต้นไป
Honda city turbo 2020 มีให้เลือกทั้งหมด 4 รุ่น ได้แก่
- ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ รุ่น RS ราคา 739,000 บาท
- ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ รุ่น SV ราคา 665,000 บาท
- ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ รุ่น V ราคา 609,000 บาท
- ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ รุ่น S ราคา 579,500 บาท
เช็คราคารถใหม่ และโปรโมชั่น ได้ที่นี่
ต้องการซื้อรถมือสอง ตรวจสอบราคารถยนต์มือสอง เชิญที่นี่
มาร่วมแชร์ความเห็นของคุณบนเวบบอร์ด Autospinn คลิกที่นี่
ความคิดเห็น