นิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์ ใหม่ รถยนต์คอมแพ็คเอสยูวีรุ่นล่าสุดในตลาด ที่สามารถสร้างกระแสได้อย่างร้อนแรงมาก ตั้งแต่เปิดตัว ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีระบบ e-Power ที่หลายคนตั้งคำถามหลายอย่างว่ามันคือรถไฟฟ้าหรือรถเบนซิน และด้วยราคา เปิดตัวที่หน้าสนใจ 8.89 แสนบาท
All-New Nissan Kicks e-Power 2020-2021
Nissan Kicks e-Power 2020-2021 จัดอยู่ในกลุ่ม รถอเนกประสงค์ Crossover ที่มาพร้อมด้วยเทคโนโลยี อี-พาวเวอร์ (e-POWER) ที่ให้ความแรง พละกำลังและอัตราเร่งในทันที การขับขี่ส่วนหนึ่งที่เสมือนรถยนต์ไฟฟ้า 100% เต็มรูปแบบ รวมถึงไม่ต้องพึ่งพาการชาร์จแบตเตอรี่จากภายนอก
หลายคนอยาจจะส่งใสว่ารถแบบนี้จะเรียกว่าอะไร และระบบการทำงานนั้นเป็นอย่างไรทาง นิสสัน ประเทศไทย จึงได้จัดให้ดีการทดสอบเพื่อให้ได้รู้ถึงการทำงานพร้อมประสิทธิภาพในการขับขี่ของรถ ด้วย
เทคโนโลยี อี-พาวเวอร์ (e-POWER) คืออะไร
อี-พาวเวอร์ (e-POWER) นำเทคโนโลยีการขับเคลื่อนของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่สมบูรณ์แบบอย่างนิสสัน ลีฟ รถยนต์ไฟฟ้า 100% ไอคอนของแนวคิดของการเคลื่อนที่อัจฉริยะของนิสสัน หรือ นิสสัน อินเทลลิเจนท์ โมบิลิตี (Nissan Intelligent Mobility) ทั้งนี้เทคโนโลยี อี-พาวเวอร์ มีความแตกต่างจากรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้แบตเตอรี (Battery Electric Vehicle - BEV) อย่าง นิสสัน ลีฟ ด้วยการนำเครื่องยนต์สันดาปภายในขนาดเล็กมาสร้างการให้กำเนิดกระแสไฟฟ้าชาร์จสู่แบตเตอรี่กำลังสูง ลดความกังวลใจในเรื่องของการชาร์จพลังงานไฟฟ้าจากภายนอก ในขณะที่ให้พละกำลังและสมรรถนะการขับขี่เฉกเช่นรถยนต์ไฟฟ้า
เทคโนโลยี อี-พาวเวอร์ นี้ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งจะทำการขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าอย่างสมบูรณ์ โดยพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่กำลังสูงจะถูกส่งไปยังระบบขับเคลื่อนขนาดกะทัดรัดของอี-พาวเวอร์ ซึ่งประกอบด้วยเครื่องยนต์เบนซิน เครื่องกำเนิดไฟฟ้า (Generator) อินเวอร์เตอร์ (Inverter) มอเตอร์ไฟฟ้า (electric motor) และแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน (Lithium-ion battery) แตกต่างจากระบบขับเคลื่อนแบบไฮบริดทั่วๆไป ที่มอเตอร์ไฟฟ้าจะมีกำลังไม่สูงมากและจะทำงานคู่กับเครื่องยนต์สันดาปภายในเพื่อการขับเคลื่อนในขณะพลังงานไฟฟ้าในแบตเตอรี่เหลือน้อย (หรือรวมถึงการขับขี่ด้วยความเร็วสูง) อย่างไรก็ตามในระบบอี-พาวเวอร์นั้น เครื่องยนต์สันดาปภายในไม่ได้ถูกเชื่อมต่อกับล้อขับเคลื่อน ทำหน้าที่เพียงให้กำเนิดพลังงานไฟฟ้าสู่แบตเตอรี่และอินเวอร์เตอร์ โดยความแตกต่างจากรถยนต์ไฟฟ้า 100% เต็มรูปแบบ คือ ระบบอี-พาวเวอร์ได้รับพลังงานไฟฟ้าจากเครื่องยนต์สันดาปภายใน ไม่ใช่จากแบตเตอรี่ที่ต้องมีการชาร์จจากแหล่งพลังงานภายนอก
โดยทั่วไปโครงสร้างของระบบไฟฟ้าเช่นนี้จะมีมอเตอร์และแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ เนื่องจากมอเตอร์เป็นแหล่งจ่ายพลังงานไฟฟ้าโดยตรงที่ใช้ในการขับเคลื่อน และข้อจำกัดนี้เป็นเรื่องใหญ่สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ในการติดตั้งระบบนี้ในรถยนต์ขนาดคอมแพ็ค อย่างไรก็ตามนิสสันได้พัฒนาและเรียนรู้วิธีการลดขนาดและน้ำหนัก รวมทั้งพัฒนาวิธีการควบคุมมอเตอร์ให้ตอบสนองได้ดียิ่งขึ้นและเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการพลังงานทำให้ อี-พาวเวอร์ใช้แบตเตอรี่ที่มีขนาดเล็กกว่า แต่ยังมอบประสบการณ์การขับขี่เช่นเดียวกับรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบ อย่างเช่น นิสสัน ลีฟ ได้
เครื่องยนต์สันดาปภายในของระบบอี-พาวเวอร์นั้น มีหน้าที่ผลิตพลังงานไฟฟ้า ทำให้ระยะในการเปิดและปิดลิ้นปีกผีเสื้อไม่สูงมาก ทำให้เครื่องยนต์สามารถทำงานได้ในสภาพที่ค่อนข้างเหมาะสมตลอดเวลา ส่งผลให้เครื่องยนต์ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้อย่างดีเยี่ยม นอกจากนี้ในโหมดการขับขี่เฉพาะของระบบอี-พาวเวอร์ ผู้ขับขี่จะได้รับประสบการณ์การขับขี่แบบใหม่ล่าสุดผ่านเทคโนโลยีคันเร่งอัจฉริยะ หรือ "วัน-เพดัล" (One-Pedal) ที่ผู้ขับขี่สามารถเร่ง, ลดความเร็วลง, และหยุดรถ โดยใช้เพียงคันเร่งอย่างเดียว ช่วยลดความจำเป็นในการขยับเท้าเพื่อมาเหยียบแป้นเบรก นิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์ ใหม่ ยังมาพร้อมโหมดการขับขี่ที่หลากหลาย คือ EV mode S mode Eco mode และ Normal mode โดยใน EV โหมด รถยนต์มอบอัตราเร่งที่ยอดเยี่ยมรวมถึงการหยุด (ด้วยการยกคันเร่งขึ้นจาก One-Pedal) เช่นเดียวกับการเบรกในรถที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงทั่ว ๆ ไป ใน S mode หรือ Smart mode รถจะเร่งความเร็วได้ดีเพิ่มขึ้น พร้อมกับกำลังสำหรับการหยุดที่เพิ่มมากขึ้น ขณะที่ใน Eco Mode รถจะลดการใช้พลังงานบางส่วนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันผ่านการควบคุมพลังงานของแบตเตอรี่
เทคโนโลยีอี-พาวเวอร์ ของนิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์ ใหม่ ใช้เครื่องยนต์ HR12DE ขนาด 1.2 ลิตร แถวเรียงแบบ DOHC (Double Overhead Camshaft) 12 วาล์ว 3 สูบ รับหน้าที่เป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้า และยังมีส่วนประกอบของระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าที่สำคัญ ๆ อาทิ เครื่องแปลงกระแสไฟฟ้า (Inverter) มอเตอร์ไฟฟ้าแบบ EM57 ให้กำลังสูงสุด 129 แรงม้า (PS) มีแรงบิดสูงสุด 260 นิวตันเมตร (Nm) และแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 1.57 กิโลวัตต์-ชั่วโมง (kWh) มีจำนวน 4 โมดูล เทคโนโลยีนี้มอบการเร่งความเร็วที่ราบรื่น การขับขี่ที่เงียบ และการประหยัดน้ำมันที่มีประสิทธิภาพสูง
การออกแบบ
นิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์ กับรูปลักษณ์แบบรถครอสโอเวอร์ พร้อมเอกลักษณ์การออกแบบ หรือ Design DNA ที่เป็นเฉพาะของนิสสันเช่นเดียวกับในรถยนต์นิสสันทุกรุ่น โดยคอมแพ็คเอสยูวีคันนี้ โดดเด่นด้วยกระจังหน้าแบบ V-motion ไฟหน้าและไฟท้ายแบบ LED ทรงบูมเมอแรง การออกแบบแนวเส้นหลังคาแบบลอยตัว (floating roof line)
ภายใน
ห้องโดยสารที่มีสไตล์ ได้รับการออกแบบด้วยลายเส้นของแนวปีกเครื่องร่อนหรือ Gliding Wing ที่เรียบง่าย พวงมาลัยสปอร์ตแบบมัลติฟังก์ชัน ทรง D-Shape ปรับสูงต่ำได้ โดดเด่นด้วยจอสีแสดงผลบนหน้าปัดขนาด 7 นิ้ว ติดตั้งอยู่ภายในพร้อมระบบอินโฟเทนเมนต์เต็มรูปแบบ นิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์ ใหม่ ยังนำเสนอลวดลายภายในแบบทูโทน สีดำและสีส้ม ซึ่งมีเฉพาะในรุ่น VL เท่านั้น
ด้านการเชื่อมต่ออัจฉริยะ (Intelligent Integration) จัดการผ่านระบบข้อมูลและความบันเทิง Nissan Connect ระบบอินโฟเทนเมนท์ มาพร้อมหน้าจอสีระบบสัมผัสแบบ AIVI ขนาด 8 นิ้ว เพิ่มความทันสมัยด้วยการเชื่อมต่อสาระและความบันเทิง ระบบนำทาง และความปลอดภัย ภายใต้แพลตฟอร์มเดียว โดยผ่านการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนด้วย Apple CarPlay (สำหรับระบบปฏิบัติการ iOS)
รูปแบบการขับขี่และการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า
Normal mode
การขับขี่ในแบบปกติจะให้อัตราเร่งความเร็ว และการหยุดรถที่ดีเยี่ยม เทียบเท่ากับการหยุดของรถที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในทั่วๆ ไป
S (Smart) mode
เพิ่มสมรรถนะในการขับเคลื่อนและตอบสนองอัตราเร่งให้ดียิ่งขึ้น
ECO mode
ปรับการทำงานของระบบอี-พาวเวอร์ ลดการใช้พลังงานที่สิ้นเปลืองลง ทำให้เครื่องยนต์และระบบมีการใช้เชื้อเพลิงและพลังงานไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
EV mode
ปรับเปลี่ยนให้รถขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าที่เหลือภายในแบตเตอรี โดยเครื่องยนต์จะไม่ทำงานจนกระทั่งแบตเตอรีอยู่ในระดับต่ำ สัมผัสถึงความเงียบและอีกขั้นของความประหยัด
นิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์ ใหม่ มีขนาดตัวถัง ยาว 4,290 มม. กว้าง 1,760 มม. และสูง 1,615 มม. ระยะฐานล้อ 2,615 มม. รัศมีวงเลี้ยว 5.1 เมตร มาพร้อมพวงมาลัยระบบเพาเวอร์ควบคุมด้วยไฟฟ้า
การทดสอบ Nissan Kicks e-Power
สำหรับการทดสอบในครั้งนี้จัดขึ้นที่สนามปทุมธานีสปีดเวย์ ซึ่งทาง Nissan ได้เตรียมรถทดสอบ All-New Nissan Kicks e-Power รุ่น VL (ท็อปสุด) ไว้ให้ 10 คัน
โดยภายในสนามทดสอบดังกล่าว ถูกแบ่งออกเป็น 2 สถานี ได้แก่
สถานี A ที่จะเป็นการทดสอบในรูปแบบ Lane Change (การเปลี่ยนเลนแบบกระทันหัน) และ Slalom (ซิกแซกอ้อมกรวย)
การขับขี่แบบ Lane Change (เปลี่ยนเลนกระทันหัน) เริ่มจากการวิ่งออกตัวทำความเร็วได้ประมาณ 60 กม./ชม. ทางทีมงานได้วางกรวยตรงกลาง เพื่อให้ผู้ขับขี่หักหลบสิ่งกรีดขวางแบบกระทันหันเพื่อจำลองสถานะการที่อาจจะเกิดบนถนน นิสสัน คิกส์ แสดงให้เห็นว่าพวงมาลัยมีความเฉียบคมในการควบคุมรถ ได้อย่างว่องไว ในสถานะการฉุกเฉิน พร้อมกับช่วงล่างควบคุมได้อย่างดีเช่นกัน มีอาการโค้งบางเล็กน้อยสำหรับรถทีี่มีความสูง
วนรถเจอกับสถานี Slalom วิ่งด้วยความเร็วประมาณ 50-60 กม./ชม. อ้อมกรวยที่วางไว้ ตัวรถมีอาการโยนบ้างเล็กน้อยแต่ให้การควบคุมที่ดี พร้อมกับรถที่มีขนาดเล็กยิ่งทำให้มีความคล่องตัวมากในการขับขี่ ประกอบกับพวงมาลัยที่มีควมแม่นยำ
สถานี B เป็นการจำลองการวิ่งในรูปแบบ Track แบบ Circuit Race ให้ได้ลองขับกันแบบเต็มๆ
วิ่งออกจากจุดเริ่มต้น แรงดึงของรถสามารถทำให้หลังติดเบาะได้เล็กๆประทับใจตั้งแต่เริ่ม ผ่านโค้งต่างๆตัวรถมีอาการโยนบ้างแต่ให้ความรู้สึกที่มั่นใจได้ พวงมาลัยที่ให้การตอบสนองอย่างรวดเร็วทำให้การเลี้ยวในแต่ละโค้งเป็นไปอย่างง่ายด่าย วนหนึ่งรอบ คิกส์ ทำให้ทีม่งานเปลี่ยนความคิดที่ว่านี้เป็นรถ Crossover กันเลยเพราะการเข้าโค้งต่างๆทำได้ดีมากพร้อมอัตราเร่งที่ดี
รอบสองเปลี่ยนโหมด S mode หรือ Smart mode ที่จะให้อัตราเร่งที่ดีขึ้นพร้อมกับการชาร์จไฟไปในตัวที่ดีขึ้นด้วยเช่นกัน โดยการยกคันเร่งแล้วรถจะหน่วงเบาๆเพื่อชาร์จไฟกลับให้ได้มากที่สุด วิ่งเหมือนเดิมกดคันเร่งเต็มกำลังรถออกไปอย่างรวดเร็วกว่าเดิมเล็กน้อย แต่เมื่อยกคันเร่งรถจะชะลอตัวแบบเบาๆทำให้เข้าโค้งได้ง่ายขึ้นถ้าจับจังหวะได้ทางทีมงานทดสอบ โดยโยนรถเข้าโค้งแบบแรงเพื่อให้รถเสียอาการ แต่คิกส์ นั้นทำได้ดีเกินกว่าที่คิด คือรถเสียอาการน้อยมาก และระบบช่วยเหลือต่างๆนั้นทำงานได้อย่างรวดเร็วทำให้รถกลับเข้ามาควบคุมได้ กลางโค้งทดลองกดคันเร่ง ซึ่งปกติรถที่มีกำลังน้อยจะไม่สามารถเหยียบออกได้แต่ คิกส์ ทำได้ด้วย แรงบิดสูงสุด 260 นิวตันเมตร นั้นตอบสนองได้ทันใจมาก เรียกได้ว่ารถในกลุ่มเดียวกันสู้ไม่ได้
จุดให้ได้ทดลองอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ซึ่ง All-New Nissan Kicks e-Power ให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ในระยะเวลาเพียง 9 วินาที เท่านั้น ซึ่งถือว่าเร็วมากสำหรับรถประเภทนี้ โดยอัตราเร่งจะให้ความรู้สึกเดียวกับรถไฟฟ้าแบบไม่ต้องรอรอบ
ด้านอัตราประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงสูงสุด ยังไม่ได้ทดสอบในครั้งนี้ ด้วยสนามทดสอบนั้นมีขนาดไม่ใหญ่มาก แต่ตัวเลข ทาง Nisasn เขาระบุไว้ว่า อัตราประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงสูงสุดที่ทำได้อยู่ที่ 23.8 กม./ลิตร ซึ่งนั้นเท่ากับมาตรฐานใน Eco Sticker เลยทีเดียว
ระบบความปลอดภัย All-New Nissan Kicks e-Power เทคโนโลยี NissanIntelligent Mobility ได้แก่
- เทคโนโลยีควบคุมความเร็วอัตโนมัติอัจฉริยะ (Intelligent Cruise Control)
- เทคโนโลยีช่วยเตือนก่อนการชนด้านหน้าอัจฉริยะ (Intelligent Forward Collision Warning)
- เทคโนโลยีเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ (Intelligent Emergency Braking)
- เทคโนโลยีเตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Warning system)
- เทคโนโลยีเตือนรถในทางสวนขณะถอยรถ (Rear Cross Traffic Alert)
- เทคโนโลยีกล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง (Intelligent Around View Monitor)
- เทคโนโลยีตรวจจับและส่งสัญญาณเตือนวัตถุและบุคคลที่เคลื่อนไหวจากกล้องรอบคัน (Moving Object Detection)
- เทคโนโลยีกระจกมองหลังอัจฉริยะ (Intelligent Rear View Mirror)
- ระบบเบรกป้องกันล้อล็อค (Anti-lock Braking System)
- ระบบกระจายแรงเบรก (Electronic Brake Force Distribution System)
- ระบบเสริมแรงเบรก (Brake Assist)
- ถุงลมนิรภัย SRS 6 จุด
สรุป Nissan Kicks e-Power
อย่างแรกสำหรับคำถามว่าคือรถรูปแบบไหน เรียกแบบเข้าใจง่ายคือ "รถไฟฟ้าที่พกเครื่องปั่นไฟ" นิสสัน คิกส์ เป็นรถสำหรับคนรุ่นใหม่ที่ต้องการขับขี่รถไฟฟ้า คันแรกในชีวิตหรือในบ้านที่สามารถพาทุกท่านในครอบครับไปถึงที่หมายแน่นอน
จุดเด่น
- อัตราเร่งให้การตอบสนองดีมาก
- ช่วงล่างที่เหนือกว่าคู่แข่งทุกเจ้า
- ราคาที่เข้าถึงได้สำหรับรถไฟฟ้า
จุดด่อย
- เสียงเครื่องที่ยังดังอยู่
- วัสดุภายในไม่สมราคา
ราคา All-New Nissan Kicks e-Power
All-New Nissan Kicks e-Power มีให้เลือก 4 รุ่นย่อย ในราคา
- Nissan Kicks e-Power รุ่น S ราคา 889,000 บาท
- Nissan Kicks e-Power รุ่น E ราคา 949,000 บาท
- Nissan Kicks e-Power รุ่น V ราคา 999,000 บาท
- Nissan Kicks e-Power รุ่น VL ราคา 1,049,000 บาท
All-New Nissan Kicks e-Power ทุกรุ่น มาพร้อมการรับประกันแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่มีอายุการใช้งานที่นาน มีความทนทาน และคุณภาพสูง เป็นเวลา 10 ปี และรับประกันระบบไฟฟ้าเป็นเวลา 5 ปี และการรับประกันคุณภาพรถยนต์ใหม่เป็นเวลา 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน)
ติดตามข่าวรถยนต์ ราคารถยนต์ รีวิวรถยนต์ และจักรยานยนต์ทุกยี่ห้อ กับเรา Autospinn
แชร์ความคิดเห็นบนเว็บบอร์ด Autospinn คลิกเลย webboard.autospinn.com
เช็คโปรโมชั่นรถใหม่ เช็คราคารถใหม่ ได้ที่นี่
ราคารถมือสอง ซื้อรถมือสอง ขายรถมือสอง เชิญได้เลยที่ one2car
ความคิดเห็น