งานบางกอกอินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2020 ครั้งนี้ เป็นงานจัดแสดงรถงานแรกหลังจากที่เราผ่านวิกฤติไวรัสโควิด-19 มา นอกเหนือจากรถยนต์ใหม่พร้อมโปรโมชั่นพิเศษในงานแล้ว ออโต้สปินน์จะพาไปชมรถยนต์ที่มูลค่าสูงในงาน
โรลส์-รอยซ์ ‘แฟนธอม’ (Rolls-Royce Phantom) ราคา 53.5 ล้านบาท
เป็นรถยนต์เพียงรุ่นเดียวที่ได้รับการขนานนามให้เป็น ‘King of cars’ หรือรถยนต์ที่ดีสุดในโลก ได้รับความนิยมอย่างมากในบรรดา ดาราฮอลลีวูด, เซเลบริตี้ระดับ A-LIST รวมถึงนักกีฬาและนักดนตรีระดับแนวหน้า ทะยานอย่างฉับไวแต่เงียบเชียบ ผสานความนุ่มนวลของการขับเคลื่อนแบบพรมวิเศษ (Magic Carpet Ride) ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซินทวินเทอร์โบ วี12 สูบ 6.75 ลิตร ตัวถังสีทูโทน ล้อแม็กขอบ 22 นิ้ว ห้องโดยสารแบบ Bespoke interior มาพร้อมกับ Starlight Headliner ที่ช่วยสร้างบรรยากาศท้องฟ้าในยามค่ำคืน และ The gallery แบบ Rivenslate ลงตัวกับแดชบอร์ดที่ตกแต่งด้วยสีดำ Piano black
ลัมโบร์กินี อเวนทาดอร์ เอสวีเจ โรดสเตอร์ (Lamborghini Aventador SVJ Roadster) ราคาเริ่มต้นที่ 48.98 ล้านบาท
มาพร้อมกับประสบการณ์ขับขี่แบบ open air ที่สมบูรณ์แบบที่สุด โดยใช้เครื่องยนต์ V12 ขนาด 6.5 ลิตร ที่สามารถรีดพละกำลังสูงสุดถึง 770 แรงม้า ช่วยให้ทะยานจาก 0-100 ภายในเวลาเพียง 2.9 วินาที ทำความเร็วสูงสุด 350 กม./ ชม. นอกจากสมรรถนะเครื่องยนต์ที่ยอดเยี่ยมแล้ว อเวนทาดอร์ เอสวีเจ โรดสเตอร์ มาพร้อมกับระบบอากาศพลศาสตร์ ALA (Aerodynamica Lamborghini Attiva) 2.0 ที่ถูกพัฒนาให้ทำงานได้รวดเร็วยิ่งขึ้นและมีประสิทธิภาพในการจัดการอากาศได้ดีกว่ารุ่น อเวนทาดอร์ เอสวี โรดสเตอร์ ถึง 40% สำหรับหลังคาของ อเวนทาดอร์ เอสวีเจ โรดสเตอร์นั้น ทำจากวัสดุคาร์บอน ไฟเบอร์เพื่อโครงสร้างที่แข็งแรงและมีน้ำหนักเบาตามสไตล์ของลัมโบร์กินี ซึ่งสามารถจัดเก็บได้ภายใต้ฝากระโปรงด้านหน้าของตัวรถเมื่อต้องการเปิดประทุน ตัวรถมีน้ำหนักเพียง 1,575 กิโลกรัม ซึ่งมากกว่า อเวนทาดอร์ เอสวีเจ เพียง 50 กก.เท่านั้น
ทั้งนี้ อเวนทาดอร์ เอสวีเจ โรดสเตอร์ ถูกจำกัดจำนวนการผลิตไว้เพียง 800 คันทั่วโลก ส่งผลให้อเวนทาดอร์ เอสวีเจ โรดสเตอร์ เป็นกระทิงเปลี่ยวที่ดุดันที่สุดในประวัติศาสตร์ของแบรนด์ลัมโบร์กินี
ลัมโบร์กินี ฮูราแคน อีโว เรียวีลไดร์ฟ สไปเดอร์ (Lamborghini Huracán EVO RWD Spyder) ราคา 21.8 ล้านบาท
ซูเปอร์สปอร์ตคาร์ขับเคลื่อนล้อหลังแบบเปิดประทุนเครื่องยนต์ V10 รุ่นใหม่ล่าสุด ใช้หลักการออกแบบทางวิศวกรรมให้ตัวรถมีน้ำหนักเบา ให้สมรรถนะเต็มที่ในทุกสภาวะการขับขี่ด้วยระบบ Performance Traction Control System (P- TCS) หลังคาเปิดหรือปิดที่มาพร้อมเอกลักษณ์เสียงคำรามของเครื่องยนต์ V10 ที่ขับเคลื่อนตัวรถไปข้างหน้าอย่างไร้ขีดจำกัด ขับเคลื่อนด้วยพละกำลัง 610 แรงม้า และแรงบิด 560 นิวตันเมตร ซึ่งถูกส่งตรงไปที่ล้อคู่หลังเพื่ออรรถรสสูงสุดแห่งการขับขี่ Huracán EVO RWD Spyder มีอัตราเร่งจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลาเพียง 3.5 วินาที และยังสามารถเร่งความเร็วได้สูงสุดถึง 324 กิโลเมตร/ชั่วโมง มอบประสบการณ์การขับขี่ที่สนุกเร้าใจจากการควบคุมรถได้อย่างอิสระตามต้องการ อ่านรายละเอียดได้ที่ Lamborghini อวดโฉมยนตรกรรมระดับโลกในงาน Motor Show 2020 [BIMS 2020]
มาเซราติ เลอวานเต้ โทรเฟโอ ลอนช์ เอดิชั่น (Maserati Levante Trofeo Launch Edition) ราคา 20.49 ล้านบาท + PMP (Premium Maintenance Program) 500,000 บาท รวมเป็น 20.99 ล้านบาท
เส้นสายอันโดดเด่นของ เลอวานเต้ ถูกเพิ่มความสปอร์ตยิ่งขึ้นในรุ่น โทรเฟโอ ลอนช์ เอดิชั่น ตัวถังพ่นสีน้ำเงินด้าน ‘Blu Emozione Matte’ ผสานชุดแต่ง Nerissimo Package ติดตั้งไฟหน้าฟูลเมทริกซ์แอลอีดี กระจังหน้าทรงตั้งสีดำเปียโนแบล็ค พร้อมช่องดักลมแบบตาข่ายด้านล่าง ช่องดักอากาศด้านข้างบริเวณส่วนล่างของกระจังหน้า ปรับแต่งใหม่ให้มีรูปลักษณ์ดุดันขึ้น มีลักษณะคล้ายปีก รีดอากาศให้กดลงบนล้อคู่หน้า เพิ่มสเถียรภาพช่วงความเร็วสูง ฝากระโปรงหน้าคาร์บอนไฟเบอร์พร้อมช่องระบายอากาศ ฝาครอบเครื่องยนต์ผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์มันวาว พร้อมสัญลักษณ์ V8 และโลโก้ตรีศูล ส่วนฝาสูบและท่อไอดีก็ถูกพ่นสีแดงให้ดูสปอร์ต ขณะที่มุมมองด้านหลังดูบึกบึนและกว้างขึ้น ติดตั้งโลโก้สัญลักษณ์ ‘Saetta Trofeo’ บริเวณเสาซี พร้อมตกแต่งด้วยเพลทคาร์บอนไฟเบอร์และสปอยเลอร์กันชนหลังสีเดียวกับตัวถัง ล้อมรอบปลายท่อไอเสียแบบคู่ ยิงออก 2 ฝั่ง
ติดตั้งขุมพลังที่แรงสุดในประวัติศาสตร์ สำหรับรถยนต์ในสายการผลิตของ มาเซราติ ด้วยเครื่องยนต์เบนซิน วี8 สูบ 3.8 ลิตร เทอร์โบคู่ ปรับแต่งอุปกรณ์ภายในฝาสูบและเสื้อสูบ พร้อมจูนกล่องอีซียูใหม่ มีกำลังสูงถึง 590 แรงม้า (HP) ที่ 6,250 รอบ/นาที แรงบิด 730 นิวตันเมตร ที่ 2,250-5,000 รอบ/นาที ทำงานร่วมกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัจฉริยะ Q4 อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 3.9 วินาที ท็อปสปีด 304 กม./ชม.
ห้องโดยสารสุดหรูและดูเป็นสปอร์ต ตกแต่งด้วยคาร์บอนไฟเบอร์ผิวด้าน ติดตั้งป้ายโลหะ ‘1 of 100’ บริเวณคอนโซลกลาง เพิ่มกราฟิก ‘Trofeo’ บนจอแสดงผลอเนกประสงค์ แสดงถึงความไม่ธรรมดา เบาะทรงสปอร์ตหุ้มหนังแท้ ‘Pieno Fiore’ มีให้เลือกทั้งสีดำ, แดง หรือน้ำตาลอ่อน เย็บตะเข็บด้วยเส้นด้ายสีตัดกัน พร้อมปักโลโก้ ‘Trofeo’ บริเวณหมอนรองศีรษะ ซึ่งหนังแท้ ‘Pieno Fiore’ มีคุณสมบัติโดดเด่น ต่างจากหนังทั่วไปที่ใช้ในรถยนต์ คือ ผิวที่นุ่มนวล และลวดลายธรรมชาติที่เกิดจากการสั่งสมนานนับปี พร้อมเพิ่มความสุนทรีย์ด้วยชุดเครื่องเสียงพรีเมียมเซอร์ราวด์ Bowers & Wilkins 17 ลำโพง 1,280 วัตต์
โหมดการขับ ‘Corsa’ พร้อมระบบ launch control ถูกติดตั้งเพิ่มเติมจาก 4 โหมดการขับเดิม คือ Normal, I.C.E., Sport และ Off-Road เพื่อการขับที่เร้าใจสุดๆ โดยโหมด Corsa จะเพิ่มการตอบสนองของคันเร่ง, เกียร์, ลดความสูงช่วงล่าง และปรับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Q4 ให้เหมาะกับการทำความเร็วสูงสุด เมื่อผสานกับอัตราส่วนการกระจายน้ำหนักที่สมดุล 50:50 และจุดศูนย์ถ่วงต่ำ ซึ่งเป็นจุดเด่นของ เลอวานเต้ พร้อมช่วงล่างหน้าดับเบิลวิชโบน หลังมัลติ-ลิงค์ ที่ผ่านการปรับแต่งอย่างละเอียด ใช้ชุดเบรก Brembo (หน้า: คาลิเปอร์อะลูมิเนียม โมโนบล็อก 6 พ็อต จานเบรก 380 มม. เจาะรูระบายความร้อน, หลัง: คาลิเปอร์อะลูมิเนียม จานเบรก 330 มม. เจาะรูระบายความร้อน) จับคู่กับล้อแม็กฟอร์จ ‘Orione’ พ่นสีด้าน ขอบ 22 นิ้ว และยางคอนติเนนทอล Sport Contact 6 (หน้า 265/35/ZR22 หลัง 295/30/ZR22) ส่งผลให้ เลอวานเต้ โทรเฟโอ ลอนช์ เอดิชั่น มีแฮนด์ลิงค์คมกริบ
แอสตัน มาร์ติน ดีบีเอ็กซ์ (Aston Martin DBX) ราคาเริ่มต้น 19.9 ล้านบาท
“แอสตัน มาร์ติน ดีบีเอ็กซ์ เป็นเอสยูวีรุ่นแรก ซึ่งตัวถังผ่านการออกแบบให้ฉีกหนีตัวถังทรงกล่องของเอสยูวีทั่วไป ด้วยเส้นสายพลิ้วไหว ดูเซ็กซี่และหรูหรา ผสานเสน่ห์อันมีมนต์ขลังด้วยโลโก้สัญลักษณ์รูปปีก หรือ ‘wing badge’ ซึ่งเป็นงานแฮนด์เมดจากผู้ผลิตจิวเวลรี่สุดหรู ประสบการณ์กว่า 200 ปี เดย์ไทม์รันนิ่งไลท์ดีไซน์โฉบเฉี่ยวแฝงความสปอร์ต พร้อมช่องดักอากาศเพื่อระบายความร้อนจานเบรก ประตูปีกหงส์แบบ wrap around ป้องกันเสื้อผ้าเปื้อนขณะก้าวจากลงรถ สัดส่วนหน้า-หลังสมดุล 50:50 ลงตัวกับล้อแม็กของ 22 นิ้ว จับคู่ยางพิเรลลี่ P ZERO หน้า 285/40 R22 หลัง 325/35 R22
ห้องโดยสารยังคงบุคลิกที่เป็นเอกลักษณ์ของ แอสตัน มาร์ติน ด้วยการดีไซน์ที่ประณีตและพิถีพิถัน กว้างขวางหรูหรา เพิ่มแสงสว่างในห้องโดยสาร ด้วยหลังคาพาโนรามิกซันรูฟและประตูไร้กรอบกระจก ตกแต่งด้วยอะลูมิเนียมและหนังแท้ full natural grain ‘Caithness’ ที่มีกลิ่นหอมและผิวเรียบเนียน คอนโซลกลางออกแบบอย่างงดงาม มีลักษณะคล้ายสะพาน เชื่อมต่อไปยังส่วนกลางของแดชบอร์ด เพิ่มความสะดวกสบายผ่านจออเนกประสงค์ขนาด 10.25 นิ้ว รองรับ Apple Car Play พร้อมกล้องมองภาพ 360 องศา และไฟเพิ่มบรรยากาศ
ในห้องโดยสาร ที่สามารถปรับได้ถึง 64 เฉดสี ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซินทวินเทอร์โบ วี8 สูบ 4.0 ลิตร 550 แรงม้า (PS) แรงบิด 700 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ พร้อมโหมด Sport เพิ่มการตอบสนอง ด้วยอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 4.5 วินาที ท็อปสปีด 291 กม./ชม. มั่นใจในเรื่องประสิทธิภาพการขับ ด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ เฟืองท้ายควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์ ผสานช่วงล่างดับเบิลวิชโบนและถุงลม Adaptive Triple Air Suspension ปรับความสูงได้หลายระดับ พร้อม 5 โหมดการขับ คือ Terrain+, Terrain, GT, S และ S+
มาเซราติ ‘กรันคาบริโอ’ (Maserati Levante Grigio Matte Edition) ราคารถ Maserati Gran Cabrio 17.99 ล้านบาท
มาเซราติ ‘กรันคาบริโอ’ รถสปอร์ตจีทีเปิดประทุนโฉบเฉี่ยวทุกองศาตามแบบฉบับอิตาเลียนดีไซน์ และ เลอวานเต้ กริจิโอ แมท เอดิชั่น (Levante Grigio Matte Edition) ที่มาพร้อมการรับประกันคุณภาพนาน 3 ปี, แพ็กเกจบำรุงรักษา (Premium Maintenance Program) นาน 3 ปี หรือ 60,000 กม. ผ่อนเริ่มต้น 69,900/เดือน และ กิบลี่ (Ghibli) ดีเซล ได้สิทธิ์รับประกันคุณภาพนาน 7 ปี ไม่จำกัดระยะทาง ผ่อนเริ่มต้น 49,900/เดือน สำหรับลูกค้าที่จองและออกรถ ภายในเวลาที่กำหนด
ติดตามข่าวรถยนต์ ราคารถยนต์ รีวิวรถยนต์ และจักรยานยนต์ทุกยี่ห้อ กับเรา Autospinn
แชร์ความคิดเห็นบนเว็บบอร์ด Autospinn คลิกเลย webboard.autospinn.com
เช็คโปรโมชั่นรถใหม่ เช็คราคารถใหม่ ได้ที่นี่
ราคารถมือสอง ซื้อรถมือสอง ขายรถมือสอง เชิญได้เลยที่ one2car
ความคิดเห็น