Hankook Kinergy ECO2 ยางดี ในราคาคุ้มค่า ตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวัน
หลังจากที่ยางชุดเก่าเริ่มเสื่อมสภาพ แตกลายงา ตามอายุการใช้งาน วันนี้ฤกษ์งามยามดี ได้มีโอกาสเปลี่ยนยางชุดใหม่ให้กับรถคู่ใจของผม Honda Jazz GK เลยใช้พื้นที่ตรงนี้ เพื่อรีวิวเล่าสู่กันฟังครับ
ยางชุดเก่านี้ เป็นยางเดิมที่ติดรถมาตั้งแต่ตอนซื้อรถป้ายแดงเมื่อปี 2015 ซึ่งช่วงนั้นผมกำลังบ้าแต่งรถ จึงถอดล้อพร้อมกับยางชุดนี้ออก เพื่อไปใส่ล้อซิ่งยางเทพ โหลดเตี้ย แต่งตามกระแสที่วัยรุ่นเค้าฮิตกัน จนเมื่อช่วงปลายปีที่แล้วผมต้องใช้รถบ่อย จึงเลิกแต่งรถ และทำให้กลับมาเป็นรถบ้านเหมือนเดิม จึงนำยางชุดนี้กลับมาใส่อีกครั้ง เพราะยังเห็นว่าดอกยางยังเยอะ แต่ด้วยอายุยางที่ผลิตมาตั้งแต่ปี 2015 ซึ่งปีนี้ก็เข้าสู่ปีที่ 5 แล้ว เนื้อยางเริ่ม แข็งด้าน แตกลายงา เสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา
ถึงคราวที่จะต้องหายางใหม่มาประจำการแทนของเดิม โดยโจทย์ของผมคือ ต้องราคาไม่แพง นุ่ม เงียบ คุณสมบัติไม่ต้องดีเวอร์ แต่ขอแค่ใช้แล้วปลอดภัยก็พอ จนมาลงเอยที่ยาง Hankook Kinergy ECO2 ซึ่งรุ่น Kinergy ECO2 เป็นรุ่นใหม่ที่เปิดตัวได้ไม่นานมากนัก
ทำไมถึงเลือกใช้ยาง Hankook Kinergy ECO2
หลายท่านอาจสงสัยกันใช่มั้ยล่ะครับว่าทำไมผมถึงใช้ยาง Hankook เหตุผลคือ ผมเคยใช้แบรนด์นี้มาแล้วครั้งนึง สมัยตอนที่แต่งรถแรกๆ ซึ่งตอนนั้นผมใช้รุ่น Hankook V12 evo2 แล้วรู้สึกว่าเป็นยางที่ใช้ดี คุณภาพคุ้มค่า ราคาไม่แพงมาก ครั้งนี้เลยกลับมาใช้แบรนด์ Hankook อีกครั้ง แต่เปลี่ยนเป็นรุ่น Kinergy ECO2 แทน
สำหรับยาง Hankook Kinergy ECO2 เป็นยางสำหรับรถยนต์ไซส์เล็ก ไปจนถึงรถยนต์ไซส์ขนาดกลาง มีไซส์ยางให้เลือกตั้งแต่ล้อขนาด 13-17 นิ้ว รวมแล้ว 30 กว่าไซส์ โดยเน้นความสามารถในการต้านทานแรงหมุน เนื้อยางผลิตจากวัถุดิบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ ยาง Hankook Kinergy ECO2 ยังมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน สึกหรอช้า และลดเสียงรบกวนโดยไม่กระทบสมรรถนะด้านการขับขี่ ทั้งบนถนนเปียกและถนนแห้ง
รูปแบบของยาง Hankook Kinergy ECO2
- ร่องดอกยางแบบกว้าง : ช่วยป้องกันการเหินน้ำ
- การออกแบบลายยางแบบอสมมาตร : การยึดเกาะด้านนอกที่ดีขึ้นช่วยเพิ่มสมรรถด้านการบังคับเลี้ยวบนถนนแห้ง
- สารประกอบดอกยางใหม่ : สารประกอบใหม่ช่วยปรับปรุงสมรรถการเบรกบนถนนเปียกและทนต่อการสึกหรอโดยไม่ลดทอนคุณสมบัติอื่น ๆ ของยาง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สมรรถนะในการป้องกันการสึกหรอได้รับการปรับปรุงโดยการเชื่อมโยงความหนาแน่นระหว่างโมเลกุล เทคโนโลยีการผสมผสานขั้นสูงที่มีฟิลเลอร์โหลดระดับสูง และโพลีเมอร์สำหรับการใช้งานที่มีน้ำหนักโมเลกุลสูงช่วยปรับปรุงสมรรถการขับขี่บนถนนเปียกและทนต่อการสึกหรอในเวลาเดียวกัน
- ร่องยางชนิดตรงและกว้าง 3 ร่อง : ความกว้างและการจัดตำแหน่งของร่องดอกยางทั้งสามร่องช่วยให้มั่นใจถึงสมรรถนะที่ดีเยี่ยมในสภาพการขับขี่บนถนนเปียก ร่องยางที่กว้างมากขึ้นช่วยในการรีดน้ำ ซึ่งเพิ่มประสิทธิภาพการยึดเกาะ
- เทคโนโลยีกังหันน้ำ : ปรับปรุงการรีดน้ำในทิศทางตามยาวและแนวกว้าง
- ระดับเสียงที่ผ่านการปรับปรุงดีขึ้น : ได้รับการออกแบบขนาดบล็อกเพื่อลดเสียงรบกวนของยางได้อย่างแม่นยำ
โครงสร้างของยาง Hankook Kinergy ECO2
- สารประกอบซิลิกายึดเกาะสูง : เพื่อช่วยในการยึดเกาะถนน
- สายพานเสริมเต็มเส้นแบบไร้รอยต่อ : เพิ่มความแข็งแรงของดอกยาง
- ชั้นสายพานแบบเหล็กกว้าง : เพิ่มความกว้างของบริเวณสัมผัสเพื่อการบังคับเลี้ยวบนพื้นผิวแห้งและเปียกที่ดียิ่งขึ้น
- เส้นโครงโพลีเอสเตอร์สภาพสมดุล : เพิ่มความแข็งของแก้มยางและความทนทาน ทั้งยังให้ความนุ่มนวล
- ฟิลเลอร์บีดความแข็งสูง : การตอบสนองการควบคุมและการบังคับเลี้ยวที่ดียิ่งขึ้น
- สายบีดเดี่ยวที่ให้ความแข็งแรง : ปรับปรุงความเข้ากันได้และการฟิตติ้งยาง
ยาง Hankook Kinergy ECO2 ที่ผมจะใส่ในครั้งนี้ ผมเลือกขนาด 185/65 R15 ซึ่งเทคนิคในการเลือกยางของผม ผมจะเลือกขนาดหน้ายางให้กว้างจากของเดิมเล็กน้อย เพื่อช่วยให้หน้าสัมผัสของยาง จับถนนได้มากขึ้นกว่าเดิม ยกตัวอย่างเช่น ยางเดิมติดรถมีขนาด 175/65 R15 ผมก็เพิ่มเป็น 185/65 R15
หลังจากที่เลือกสเปกยางเสร็จสรรพเรียบร้อย ก็เลือกสถานที่สำหรับเปลี่ยนยาง ซึ่งผมเลือกที่ Hankook Master สาขาพระราม2 เพราะอยู่ใกล้บ้านผมมากที่สุด และยังเป็นตัวแทนจำหน่ายยางของ Hankook อีกด้วย ที่สาขานี้มีเนื้อที่กว้างขวางจอดรถสบาย ไม่ต้องไปแย่งที่จอดกับใคร และยังมีห้องรับรองลูกค้าให้นั่งรอแอร์เย็นฉ่ำ พร้อมน้ำดื่มเย็นๆไว้คอยบริการ
ที่นี่เค้าให้ความสำคัญกับการถอดล้อมากครับ ไม่ว่าจะเป็นล้อถูก หรือล้อแพง เค้าใช้ตัวรองเพื่อกันรอยให้ทุกคัน เห็นแบบนี้สบายใจได้เลยว่าล้อเราไม่มีรอยเพิ่มแน่นอน
ยางชุดนี้ เค้าแถมจุ๊บลมของใหม่มาให้ด้วย 4 ตัว เปลี่ยนให้เลยโดยไม่ต้องร้องขอ
หลังจากที่ใส่ยางเสร็จ ต่อด้วยการเติมลม โดยลมที่ใช้เติมเป็นไนโตรเจน
ต่อด้วยการถ่วงล้อ เพื่อให้ล้อมีความสมดุล เวลาวิ่งรถจะได้ไม่ส่าย ซึ่งการถ่วงล้อคือขั้นตอนที่สำคัญ และควรทำทุกครั้งที่เราเปลี่ยนยางครับ
สิ่งที่ผมประทับใจสุดๆของที่นี่ คือเรื่องความใส่ใจ โดยน๊อตล้อทุกตัว ช่างที่นี่เค้าไม่ใช้บล็อกลมยิงนะครับ แต่ใช้วิธีขันน๊อตด้วยประแจปอนด์ ซึ่งเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุดกับเกลียวน๊อต และผมกล้าพูดเลยว่ามีเพียงไม่กี่ร้านที่ใช้การขันน๊อตล้อด้วยวิธีนี้ อันนี้ผมขอชื่นชมจากใจเลย ส่วนมากจะเจอแต่ช่างเน้นงานไว งานรีบ ใส่น๊อตล้อด้วยบล็อกลม ผลที่ตามมาคือเกลียวเสีย ล้อเป็นรอย
ขั้นตอนสุดท้ายคือการตั้งศูนย์ล้อ ช่วยให้รถวิ่งได้ตรง ยางไม่กินข้าง ถือเป็นอีกหนึ่งขั้นตอนที่สำคัญมากๆ มีผลต่อความปลอดภัยเมื่อรถวิ่งด้วยความเร็วสูง
ทดสอบสมรรถนะยาง Hankook Kinergy ECO2
หลังจากที่เปลี่ยนยางเสร็จเรียบร้อย ผมไม่รอช้า คันไม้คันมืออยากทดสอบว่าคุ้มค่ากับราคาหรือเปล่า เริ่มการทดสอบแรกกันที่ทางตรงก่อนเลย สิ่งแรกที่สัมผัสได้คือพวงมาลัยตึงมือขึ้น ส่วนหนึ่งเกิดจากหน้ายางที่กว้าง และยางใหม่ที่ดูดถนนกว่า วิ่งด้วยความเร็วประมาณ 90-100 กม./ชม. ในทางตรงรถไม่ร่อน ควบคุมพวงมาลัยง่ายปกติ เสียงยางถือว่าเงียบใช้ได้เลย ก่อนเปลี่ยน กับหลังเปลี่ยน เสียงต่างกันมากเลยครับ
ต่อด้วยการทดสอบสาดโค้ง รถช่วงล่างเดิมๆ วิ่งมาเร็วๆลองสาดโค้งแรงๆ ในโค้งรูปตัว S แบบหักศอก ก็ยังเอาอยู่นะ ซึ่งการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน หากไม่ใช่รถแข่งคงไม่มีใครขับเข้าโค้งกันขนาดนี้หรอก คันนี้ช่วงล่างเดิมๆยางบ้านๆทำได้ขนาดนี้โดยไม่หลุดโค้ง ก็ถือว่าหรูแล้วล่ะ แต่ถ้ามาเร็วกว่านี้ก็มีออกอาการบ้าง สำหรับผมถือว่าผ่านครับ
ต่อด้วยการทดสอบบนพื้นผิวขรุขระ การขับรถผ่านเส้นทางขรุขระถือว่าเก็บเสียงได้ดีเกินคาด แต่ก็ไม่ใช่ว่าเงียบกริบจนไม่ได้ยินเสียงนะครับ ก็พอได้ยินเสียงอยู่บ้าง ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องปกติของการขับลุยหินกรวด
ปิดท้ายด้วยการขับบนถนนเปียก หากเราใช้ความเร็วทั่วไปในทางตรงที่ความเร็วไม่เกิน 120 กม./ชม. ก็ยังสามารถควบคุมตัวรถได้มั่นใจอยู่ แต่ถ้าใช้ความเร็วมากกว่านั้น ก็แอบมีหวิวๆบ้าง ส่วนการเข้าโค้งแบบเร็วๆในทางเปียกถ้าคะแนนเต็ม 10 ผมให้ 7 อยู่ในเกณฑ์กลางๆ พอใช้งานได้ เหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวันที่ไม่ได้ซิ่งมากนัก สำหรับผมถือว่าผ่านครับ
สุดท้ายนี้ การทดสอบเป็นเพียงความคิดเห็นของผมเท่านั้นนะครับ ถ้าถามว่าดีไหม ผมขอตอบแบบนี้ครับ
- ถ้าเปลี่ยนเพื่อทดแทนของเดิมที่เสื่อมสภาพ ผมว่ายางตัวนี้คุ้มค่าเกินราคาครับ
- ถ้าเปลี่ยนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพจากของเดิม ผมว่าดีกว่าเดิมประมาณนึง
- ถ้าเปลี่ยนเพื่อใช้งานแบบขับซิ่ง เข้าโค้งแรงๆบ่อย แนะนำให้ไปรุ่น Hankook Ventus V12 evo2 หรือ Kinergy EX จะเหมาะกว่า
สรุปว่ายางตัวนี้เหมาะกับการใช้งานโดยปกติในชีวิตประจำวัน แต่จุดเด่นที่ผมชอบในยางรุ่นนี้คือความเงียบ นุ่มนวล และเป็นราคาประหยัดที่ผมรับได้ครับ ส่วนในเรื่องของราคา ไซส์ที่ผมใช้ 185/65 R15 เปลี่ยนที่ Hankook Master สาขาพระราม2 ราคาอยู่ที่ 7,600 บาท รวมค่าแรงทุกอย่าง ทั้งตั้งศูนย์ ถ่วงล้อ สลับยางฟรีทุกๆ 1หมื่นกิโลเมตร พร้อมกับตรวจเช็กฟรี 30 กว่ารายการ
ส่วนยางไซส์อื่นๆ ลองโทรเช็กราคากับตัวแทนจำหน่ายใกล้บ้านท่านดูครับ www.hankooktire.com/th/services-tips/find-a-dealer/find-by-location.html
ขอขอบคุณ : Hankook Thailand และ Hankook Master สาขาพระราม2 ที่เอื้อเฟื้อสถานที่ในการถ่ายรีวิว
ติดตามข่าวรถยนต์ ราคารถยนต์ รีวิวรถยนต์ และจักรยานยนต์ทุกยี่ห้อ กับเรา Autospinn
แชร์ความคิดเห็นบนเว็บบอร์ด Autospinn คลิกเลย webboard.autospinn.com
เช็คโปรโมชั่นรถใหม่ เช็คราคารถใหม่ ได้ที่นี่
ราคารถมือสอง ซื้อรถมือสอง ขายรถมือสอง เชิญได้เลยที่ one2car
ความคิดเห็น