บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัว “Mercedes-Benz The new E-Class” ใหม่ กับ 3 ทางเลือกใหม่ ได้แก่ E 300 e Avantgarde, E 220 d AMG Sport และ E 300 e AMG Dynamic ที่มีให้เลือกทั้งในรุ่นเครื่องยนต์เบนซินผสานพลังมอเตอร์ไฟฟ้าด้วยเทคโนโลยี แบบปลั๊กอินไฮบริด เจเนอเรชันที่ 3 เปิดราคาเริ่มต้นที่ 3.19 ล้านบาท
Mercedes-Benz The new E-Class
Benz E-Class ถือว่าเป็นรถธงอีกหนึ่งรุ่นที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ด้วยยอดขายสะสมมากถึง 14 ล้านคัน ทั่วโลก และในประเทศไทยก็สร้างยอดขายได้อย่างต่อเนื่อง และเพื่อให้เห็นถึงประสิทธิภาพที่ดีขึ้นกับการปรับโฉมครั้งนี้ทาง บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้จัดกิจกรรมการทดสอบ new E-Class ให้กับสื่อมวลชน ในการทดสอบครบทั้ง 3 รุ่น เส้นทาง กรุงเทพฯ-พัทยา
ภายนอก The new E-Class
Mercedes-Benz The new E-Class ดีไซน์ภายนอกโดดเด่นด้วยเอกลักษณ์ของชุดแต่ง AMG Body styling ที่มีการปรับดีไซน์ใหม่ให้ดูล้ำสมัยยิ่งขึ้นด้วยแรงบันดาลใจจาก AMG Performance models สะท้อนเอกลักษณ์ตามแบบฉบับของรถยนต์รุ่น E-Class ด้วยกระจังหน้า diamond radiator grille ลงตัวด้วยไฟหน้าแบบ MULTIBEAM LED แบบอัจฉริยะด้วยหลอดไฟ LED จำนวน 84 หลอดต่อ 1 ข้าง ทั้งยังปลอดภัยด้วยระบบส่องสว่างระยะไกลสูงสุดถึง 650 เมตรแบบ ULTRA RANGE high beam
ความโฉบเฉี่ยวของรถยนต์คันนี้ยังต่อเนื่องไปที่ล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ขนาด 19 นิ้วจาก AMG พร้อมความโดดเด่นของไฟท้ายแบบ Full-LED ที่ออกแบบให้เข้ากันกับกันชนท้ายและฝากระโปรงท้ายดีไซน์ใหม่ ผสานความหรูหราและความสปอร์ตเข้าด้วยกันอย่างลงตัว นอกจากนี้ยังโปร่งสบายด้วยหลังคาแก้วแบบ Panoramic Sunroof ที่ควบคุมด้วยระบบไฟฟ้า
ภายใน The new E-Class
Mercedes-Benz The new E-Class ห้องโดยสารดีไซน์หรูหรา ด้วยการออกแบบที่เติมเต็มความสปอร์ตกับชุดตกแต่งภายในแบบ AMG Interior package แม่นยำทุกการควบคุมด้วยพวงมาลัยดีไซน์สปอร์ตใหม่แบบ 3 ก้านท้ายตัด พร้อมปุ่มควบคุมแบบ Touch control เพื่อให้ทุกการควบคุมเป็นไปตามธรรมชาติ เบาะนั่งแบบสปอร์ตเพิ่มความกระชับในทุกรูปแบบการขับขี่ พร้อมคอนโซลหุ้มด้วยหนัง ARTICO ตลอดทั้งคัน สามารถปรับอารมณ์ของรถให้เป็นไปตามความรู้สึกด้วยไฟล้อมรอบห้องโดยสารแบบ Premium Ambient light ที่สามารถเลือกปรับได้มากถึง 64 เฉดสี พร้อม Animation เปลี่ยนสีอัตโนมัติแบบเคลื่อนไหวให้เลือกได้มากถึง 10 แบบ
พร้อมเพลิดเพลินตลอดการเดินทางด้วยระบบเสียงรอบทิศทางแบบ Burmester surround sound system พร้อมลำโพงจำนวน 13 ตำแหน่ง
Mercedes-Benz the New E-Class พร้อมผสานทุกการควบคุมเข้าด้วยกันผ่านระบบ MBUX รุ่นล่าสุดที่แสดงผลผ่านหน้าจอแบบ Digital Widescreen cockpit ขนาด 12.3 นิ้วจำนวน 2 หน้าจอรวมถึงฟังก์ชันการทำงานต่าง ๆ ที่ติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับรถยนต์ E-Class ทุกรุ่น ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมด้วยระบบสัมผัสหน้าจอ แป้นควบคุมแบบ Touchpad และระบบสั่งการด้วยเสียงรูปแบบใหม่ที่สามารถเริ่มต้นการใช้งานได้ง่ายเพียงพูดว่า “Hey Mercedes” เรื่อยไปจนถึงการผสานรถยนต์และสมาร์ทโฟนเข้าด้วยกันอย่างกลมกลืนด้วยระบบเชื่อมต่อ Smartphone integration ที่ใช้งานได้ทั้ง Apple CarPlay® และ Android Auto และระบบแผนที่นำทางแบบ 3 มิติ ฯลฯ การเชื่อมต่อกับโลกออนไลน์ยังทำได้อย่างไม่มีขีดจำกัดด้วยระบบสัญญาณ 4G-LTE แบบ E-SIM สามารถค้นหาข้อมูลต่าง ๆ เช่น เส้นทาง จุดหมายสำคัญ รายงานสภาพจราจรแบบ Live traffic ฟังวิทยุแบบ Online Radio รวมถึงสามารถติดต่อสื่อสารกับศูนย์บริการได้โดยตรงทั้งการสั่งงานผ่านหน้าจอรถยนต์ หรือผ่านแอปพลิเคชัน Mercedes me
นอกจากนี้ ผู้ใช้ยังสามารถควบคุมรถยนต์จากระยะไกลผ่านโทรศัพท์มือถือด้วยแอปพลิเคชัน Mercedes me ไม่ว่าจะเป็นการล็อกหรือปลดล็อกรถยนต์ การเปิดและปิดกระจกรวมถึงหลังคา Panoramic Sunroof การตรวจสอบและรายงานสถานะของระบบปลั๊กอินไฮบริด การจัดการระบบเปิดแอร์ล่วงหน้าแบบ Pre-Entry Climate Control การค้นหาตำแหน่งของรถ การรายงานสถานะของรถแบบ real-time เช่น ระดับน้ำมัน หรืออุณหภูมิของเครื่องยนต์ รวมไปถึงการโทรออกเพื่อขอความช่วยเหลืออัตโนมัติเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ฯลฯ
เครื่องยนต์ The new E-Class มี 2 รูปแบบ
ขุมพลังของ Mercedes-Benz The new E-Class นั้นมี 2 ทางเลือก ได้แก่ เครื่องยนต์เบนซิน แถวเรียง 4 สูบขนาด 1,991 ซีซี ผสานพลังมอเตอร์ไฟฟ้าด้วยเทคโนโลยีแบบปลั๊กอินไฮบริด เจเนอเรชันที่ 3 ช่วยให้รถยนต์คันนี้สามารถออกตัวได้เร็วและแรงขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยแรงม้าสูงสุด 211 แรงม้า พุ่งทะยานด้วยอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลาเพียง 5.7 วินาที โดยเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมยังช่วยให้ Mercedes-Benz The new E-Class สามารถขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าอย่างเดียวได้ไกลกว่า 50 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้ง
อีกหนึ่งทางเลือกคือเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบขนาด 1,950 ซีซีพร้อมระบบอัดอากาศแบบเทอร์โบ ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมภายใต้มาตรฐาน EURO6 ให้พละกำลังแรงม้ารวมสูงถึง 194 แรงม้า และให้อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลาเพียง 7.3 วินาที ถ่ายทอดพลังจากเครื่องยนต์อย่างเต็มประสิทธิภาพด้วยระบบส่งกำลังแบบ 9G-TRONIC ช่วยประหยัดน้ำมันได้มากถึง 6.5% โดยสำหรับเครื่องยนต์ทั้ง 2 ประเภทยังสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการขับขี่ได้ตามแบบฉบับของคุณด้วยระบบ DYNAMIC SELECT ที่มีให้เลือกทั้งหมด 6 รูปแบบด้วย
ใน Mercedes-Benz The new E-Class ยังมาพร้อมระบบความปลอดภัยที่ล้ำหน้าอย่างครบครัน อาทิ ระบบแจ้งเตือนขณะเปลี่ยนช่องจราจรแบบ Blind Spot Assist พร้อมระบบแจ้งเตือนก่อนเปิดประตูแบบ Exit Warning ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินแบบ Active Brake Assist ระบบช่วยเหลือก่อนเกิดอุบัติเหตุ PRE-SAFE® เซ็นเซอร์รอบคันจำนวน 12 จุด แบบ PARKTRONIC พร้อมระบบช่วยการนำรถเข้าจอดแบบ Active Parking Assist และกล้องแสดงภาพรอบคันแบบ 360 องศา ฯลฯ
การทดสอบ Mercedes-Benz The new E-Class
สำหรับการทดสอบ ทางทีมงานได้ทดสอบในรุ่น E 300e AMG Dynamic ราคาตัวที่ 3,770,000 บาท ถือเป็นตัวท๊อปสุดของ E-Class จุดเด่นนอกจากหน้าตาที่เปลี่ยนไปเป็นการ Facelift ใหม่ทั้งหมดภายนอก ไฟหน้าแบบใหม่ ไฟหน้า MULTIBEAM LED กระจังหน้า แบบ Diamond Radiator Grille ฝากระโปรงหน้ามีเส้นนูน2เส้น กันชนหน้า และ หลัง แบบ AMG Bodystyling ล้ออัลลอย AMG 10-Spoke ขนาด 19 นิ้ว
เข้ามาภายในห้องโดยสารจุดเด่นสุดที่สวยสุดคือ พวงมาลัยแบบใหม่ล่าสุด ซึ่งมีความสวยงามและใช้งานได้สะดวกสบาย หนังจับกระชับมือมากขึ้น อีกจุดกับ มาตรวัดแบบดิจิตอล Widescreen Cockpit ขนาด 12.3 นิ้ว และหน้าจอควบคุมกลาง แบบสี ขนาด 12.3 นิ้ว เชื่อมต่อกัน เรียกว่าใหญ่สุดในรถกลุ่มเดียวกันก็ว่าได้ใช้งานได้สะดวกมองเห็นชัดเจน รองรับ Apple CarPlay / Andriod Auto หน้าจอทั้งสามารถควบคุมได้ที่พวงมาลัย แยกซ้ายขวา ใช้งานได้สะดวก แบบTouch control
ด้านการขับขี่ กับเส้นทางกรุงเทพฯ - พัทยา เป็นเส้นทางที่ขับขี่ง่ายได้สัมผัสสมรรถนะของรถได้อย่างเต็มที่ รุ่นที่ใช้ในการทดสอบ E 300e เครื่องยนต์เบนซิน แบบ 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสูงสุด 320 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 700 นิวตันเมตร ดังนั้นเรื่องความแรงไม่ต้องพูดมากเพราะถ้าดูจากตัวเลข ก็จะเห็นได้ว่านี้คือรถสปอร์ต ใช้ครับเพราะถ้าทุกอย่างทำงานร่วมกันแล้ว แรงบิดขนาด 700 นิวตันเมตร เเซงทุกคันบนถนนแน่นอน กดคันเร่งหลังติดเบาะตลอด แบบที่ขับในโหมด Comfort ไม่ต้องถึงโหมด Sport สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างกับโหมดวิ่งด้วย EV หรือแบบไฟฟ้าสามารถวิ่งได้ด้วยความเร็วถึง 140 km. จึงมีเครื่องยนต์เข้ามาช่วย
ดังนั้นเรียกได้ว่าได้ทั้งความเเรงและให้อัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยีียม ยิ่ง จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ 9G-Tronic ด้วยทำให้วิ่งออกต่างจังหวัดยิ่งประหยัดน้ำมัน การเก็บเสียงต่างๆหายห่วงกับรถระดับนี้เสียงลมเข้าที่ทำให้รู้สึกว่าดังคือ 160 km ขึ้นไป วิ่งไม่นานถึงพัทยา ช่วงล่างให้ความนุ่นนวลตลอดการเดินทาง
สรุปสำหรับ Mercedes-Benz The new E-Class
New E-Class ถือเป็นรถธงอีกหนึ่งรุ่นสำหรับ Mercedes ในอดีตรถในกลุ่มนี้มีราคาค่อนข้างสูง แต่ในปัจจุบันมีการปรับราคาลงมา จากเดิมเยอะ ด้วยการประกอบในประเทศ ทำให้ผู้บริหารใช้มากขึ้นพร้อมทั้งคนรุ่นใหม่ๆก็เริ่มหันมองมากขึ้น เพราะถ้าเทียบกับ C-Class รถที่ใหญ่กว่าก็แตกต่างกันแน่นอนทั้งในเรื่องความสบายพร้อมทั้งการขับขี่ที่ดีขึ้นด้วย
แต่ในส่วนของข้อเสีย คือ ตัด ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติรักษาระยะห่าง Distance PILOT DISTRONIC เป็นสิ่งที่น่าเสียดายเพราะเป็นการตัดอุปกรณ์ที่ได้ใช้งานแน่นอนในการเดินทาง และในส่วนของคู่แข่งอย่าง ซีรีย์ 5 ก็มีมาให้ดังนั้น ก็น่าเสียใจแต่ในส่วนอื่นนั้นถือว่าให้ออฟชั่นมาแบบเต็มระบบ
ถ้าใครมองรถซีดานขนาดกลางหรูหราประหยัด แต่มีความแรงอยู่ในตัวด้วย The new E-Class อาจจะเป็นอีกหนึ่งคำตอบ
Mercedes-Benz The new E-Class มีวางจำหน่าย 3 รุ่น ได้แก่
Mercedes-Benz E 300 e Avantgarde ราคา 3,190,000 บาท
Mercedes-Benz E 220 d AMG Sport ราคา 3,540,000 บาท
Mercedes-Benz E 300 e AMG Dynamic ราคา 3,770,000 บาท
ติดตามข่าวรถยนต์ ราคารถยนต์ รีวิวรถยนต์ และจักรยานยนต์ทุกยี่ห้อ กับเรา Autospinn
แชร์ความคิดเห็นบนเว็บบอร์ด Autospinn คลิกเลย webboard.autospinn.com
เช็คโปรโมชั่นรถใหม่ เช็คราคารถใหม่ ได้ที่นี่
ราคารถมือสอง ซื้อรถมือสอง ขายรถมือสอง เชิญได้เลยที่ one2car
ความคิดเห็น