Mercedes-Benz E Class ที่สุดแห่งซีดานที่ครบเครื่อง Share this
รีวิวรถยนต์
โหมดการอ่าน

Mercedes-Benz E Class ที่สุดแห่งซีดานที่ครบเครื่อง

วรัญญู ยอดพรหม
โพสต์เมื่อ 11 November 2564

Mercedes-Benz เป็นรถในฝันของใครหลายๆคน ซึ่งเป็นรถอีกหนึ่งแบรนด์ที่เป็นสัญลักษณ์แห่งความสำเร็จก็ว่าได้ และหนึ่งในรุ่นที่ขายดีที่สุดก็คือกลุ่ม E-class นั้นเอง 


Mercedes-Benz E-Class 2022

รีวิว Benz E Class

เมอร์เซเดส-เบนซ์ ในปัจจุบันมีให้เลือกหลากหลายรุ่นมากเรียกว่าจำแทบไม่ไหวก็ว่าได้ แต่หนึ่งในรุ่นที่ประสบความสําเร็จเป็นอย่างมาก คือ Mercedes-Benz E class ที่ได้รับการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน และในครั้งนี้เราจะมาพูดถึง E-class ที่มีจัดจำหน่ายในประเทศไทยกัน ว่าจะมีรุ่นอะไรบ้างและหน้าสนใจเพียงใด

Mercedes-Benz E class มีทั้งหมดกี่รุ่น

Benz E class มีทั้งหมด 5 รุ่นด้วยกัน ได้แก่

  1. Mercedes-Benz E 200 Coupe AMG Dynamic
  2. Mercedes-Benz E 200 Cabriolet AMG Dynamic
  3. Mercedes-Benz E 300 e Plug-in Hybrid
  4. Mercedes-Benz E 300 e Avantgarde
  5. Mercedes-Benz E 220 d AMG Sport  

ความน่าสนใจของ Benz e Class ในแต่ละรุ่นจะเป็นอย่างไรกันบ้าง เราจะแบ่งเป็น 2 กลุ่มเริ่มจากรุ่น 2 ประตู

e Class

Mercedes-Benz E 200 Coupe AMG Dynamic (นำเข้า CBU) มีราคาอยู่ที่ 4,550,000 บาท

E 200 Coupe AMG Dynamic
 
Mercedes-Benz E 200 Cabriolet AMG Dynamic (นำเข้า CBU) 5,140,000 บาท  


 
Mercedes-Benz E Class ทั้งสองรุ่นนี้เป็นรถในรูปแบบ ตัวถังแบบสปอร์ตสองประตู ที่มีพื้นฐานเดียวกับ E-Class ดังนั้นจึงมีตัวถังที่ยาวนั่งสบาย แต่สิ่งที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนในเรื่องหลังคา กับ Benz E 200 Cabriolet ซึ่งเป็นรถแบบหลังคาเปิดได้ ในส่วน Benz E 200 Coupe เป็นหลังคาแบบ Panoramic Sunroof  อีกจุดที่ชัดเจนกับ ล้ออัลลอย ที่แตกต่าง ส่วน E 200 Coupe จะได้ล้อขนาด 19 นิ้ว E 200 Cabriolet ได้ล้อขนาด 20 นิ้ว 


  

ภายใน 2 รุ่น เหมือนกัน และสามารถเลือกวัสดุหรือสีเบาะ ในการตกแต่งได้ จอเรือนไมล์ และจอกลางถูกเชื่อมต่อเป็นชิ้นเดียวกัน ในส่วนของจอเรือนไมล์ มีขนาด 12.3 นิ้ว จอใหญ่ ภาพคมชัด ปรับเปลี่ยนหน้าจอได้หลากหลายรูปแบบ ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ THERMATIC Dual Zone (2-Zone) จอกลาง Widescreen Cockpit  ขนาด 12.3 นิ้ว ระบบปฏิบัติการมัลติมีเดียแบบ MBUX รองรับการเชื่อมต่อแบบ Smartphone integration ทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto พวงมาลัยแบบใหม่ 


    
เครื่องยนต์ทั้ง 2 รุ่นเหมือนกัน
 


เครื่องยนต์เบนซิน รหัส M264 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร 1,991 ซี กำลังสูงสุด 197 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร ที่ 1,650 – 4,000 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ 9G-Tronic ขับเคลื่อนล้อหลัง พร้อมให้อัตราเร่งที่ยอดเยี่ยมจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลาเพียง 7.6 วินาที มอบความเร็วสูงสุดที่ 237 กิโลเมตร/ชั่วโมง

  • ระบบความปลอดภัยทั้ง 2 รุ่นเหมือนกัน
  • ระบบเบรก ABS / EBD / BA
  • ระบบเบรก Adaptive Brake พร้อมฟังก์ชั่น HOLD
  • โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ESP
  • ระบบช่วยเบรกแบบ Active Brake Assist
  • ระบบรักษาความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control
  • ระบบจำกัดความเร็ว Speedtronic
  • เซนเซอร์กะระยะช่วยจอด Parktronic
  • ระบบช่วยการนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ Active Parking Assist
  • ระบบเตือนมุมอับสายตา Blind Spot Assist
  • ระบบเตือนเมื่อออกจากรถ Exit Warning
  • ถุงลมนิรภัย 8 ตำแหน่ง
  • กล้องมองภาพขณะถอยจอด 360 องศา (เฉพาะE200 Coupe กล้องหลัง)


 
สำหรับกลุ่มรถ 2 ประตูนั้นมีความชัดเจนในเรื่องรูปลักษณ์ภายนอกที่แตกต่างกัน จุดเด่นสำหรับ E 200 Coupe คือ เป็นรถ 2 ประตูที่นั่งสบายสามารถเดินทางได้ 4 คนแบบสบายไม่ได้รู้สึกอึดอัดต่างจากรถคูเป้ทั่วไป ที่เบาะหลังอาจจะรู้อึดอัด แต่ในส่วน E 200 Cabriolet รูปลักษณ์ภายนอกโดดเด่นกว่ามาก ในส่วนของเครื่องยนต์ไม่ได้มีความแรงมากมายแต่ก็ให้การขับขี่ที่สนุกสนานพอตัวควบคุมง่ายนุ่มสบายในการเดินทาง   ถ้าใครต้องการความแรงอาจจะต้องข้ามไปในกลุ่ม AMG 


 

กลุ่มซีดาน 4 ประตู มีให้เลือก 3 รุ่น (ประกอบในประเทศ)


 
Mercedes-Benz E 300 e AMG Dynamic 3,770,000 บาท


 
Mercedes-Benz E 300 e Avantgarde 3,190,000 บาท


 
Mercedes-Benz E 220 d AMG Sport 3,540,000 บาท   


 
Mercedes-Benz E-Class ซีดานทั้ง 3 รุ่นถือเป็นรถที่ได้รับความนิยมสูง และในปัจจุบันที่มีการปรับราคาใหม่ ที่ถูกลงจากการประกอบในประเทศ ยิ่งทำให้ทั้ง 3 รุ่น น่าสนใจเพิ่มขึ้น จุดหลักสำหรับในรุ่นซีดานมีเครื่องยนต์ให้เลือกทั้งแบบ Plug-in Hybrid และเครื่องยนต์ ดีเซล ที่ได้รับความนิยม 
   

ในส่วนของภายนอก ในรุ่น E 300 e AMG และ E 220 d AMG มีชุดแต่งเหมือนกัน และได้ล้อ AMG ขนาด 19 นิ้ว แตกต่างกัน แต่ในรุ่น E 300 e Avantgarde  จะได้ล้อขนาด 18 นิ้ว ไฟหน้า E 300 e AMG จะได้แบบ ไฟหน้าแบบ MULTIBEAM LED หลังคาแก้วแบบ Panoramic Sunroof 


   
ภายในได้รับการตกแต่งที่แตกต่างกันในบางส่วน จุดหลักยังคงเหมือนกัน การตกแต่งเน้นโทนสีดำ จอเรือนไมล์ และจอกลางถูกเชื่อมต่อเป็นชิ้นเดียวกัน ในส่วนของจอเรือนไมล์ มีขนาด 12.3 นิ้ว จอใหญ่  ปรับเปลี่ยนหน้าจอได้หลากหลายรูปแบบ จอกลาง Widescreen Cockpit  ขนาด 12.3 นิ้ว ระบบปฏิบัติการมัลติมีเดียแบบ MBUX รองรับการเชื่อมต่อแบบ Smartphone integration ทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto ไฟสร้างบรรยากาศ Ambient Light ปรับได้ 64 สี พวงมาลัยแบบใหม่สองชั้นท้ายตัด (เฉพาะ E 300 e AMG)


 
ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ THERMATIC Dual Zone (3-Zone) (เฉพาะ E 300 e AMG) E 220 d AMGและ E 300 e Avantgarde (2-Zone) 


 
ระบบเสียงรอบทิศทางแบบ Burmester surround sound system (เฉพาะ E 300 e AMG)


 
หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ Head-up Display (เฉพาะ E 300 e AMG)


 
กล้องมองภาพรอบทิศทาง Around View Camera (เฉพาะ E 300e AMG)

 

เครื่องยนต์มีให้เลือก 2 รูปแบบ 


 
E 300 e AMG Dynamic และ E 300 e Avantgarde    

   
 
เครื่องยนต์เบนซิน แบบ 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร 1,991 ซีซี. เทอร์โบอินเตอร์คูลเลอร์ กำลังสูงสุด 211 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร ที่ 1,200 – 4,000 รอบ/นาที ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 122 แรงม้า 440 นิวตันเมตร
เมื่อเครื่องยนต์ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าทั้งระบบ ให้กำลังสูงสุด 320 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 700 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ 9G-Tronic ขับเคลื่อนล้อหลัง แบตเตอรี่ความจุ 13.5 kWh

E 220 d AMG Sport        


 
เครื่องยนต์ดีเซล รหัส OM 654 4 สูบ 16 วาล์ว Diesel Commonrail Turbocharged Intercooler ขนาด 2.0 ลิตร 1,950 ซีซี. กำลังสูงสุด 194 แรงม้า ที่ 3,800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ที่ 1,600 – 2,800 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ 9G-Tronic ขับเคลื่อนล้อหลัง

สำหรับความแตกต่างในรุ่น ซีดานนั้น ต่างกันอย่างชัดเจนในด้านเครื่องยนต์สำหรับ รุ่นเบนซิน และ ดีเซล ซึ่งเบนซินสำหรับ  E 300 e รถกลุ่ม Plug-in Hybrid ซึ่งมีความแรงเทียบเท่ารถสปอร์ตก็ว่าได้ แต่ในความเร็วสูงอาจจะต้องระวังมากหน่อย ด้วยช่วงล่างที่เน้นในทางนุ่มนวลนนั่งสบายมากกว่า ในส่วนของออปชั่นสำหรับตัวท็อปก็จะได้มากกว่าด้วย สำหรับ ดีเซลเครื่องยนต์ที่มีชื่อเสียงในด้านความทนทานและอัตราการประหยัดน้ำมันที่ดี การขับขี่ก็ถือว่ามีแรงไม่ใช้น้อย ช่วงล่างไม่ได้แตกต่างจากเบนซินให้ความนุ่มนวลพอกัน  

 
 

ระบบความปลอดภัย

  • ระบบช่วยเบรก Active Brake Assist
  • โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ESP
  • ระบบเบรกป้องกันล้อล็อค ABS
  • ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HSA
  • ระบบช่วยเบรกแบบแอคทีฟ ABA
  • เซนเซอร์กะระยะช่วยจอด Parktronic
  • ระบบช่วยการนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ Active Parking Assist
  • ถุงลมนิรภัยคู่หน้า 2 ตำแหน่ง
  • ถุงลมนิรภัยด้านข้าง 4 ตำแหน่ง
  • ม่านถุงลมนิรภัยด้านข้างป้องกันศีรษะ 4 ตำแหน่ง
  • ถุงลมนิรภัยหัวเข่า 1 ตำแหน่ง


 
สรุปรีวิว สำหรับ Mercedes-Benz E-Class

ตัวเลือกสำหรับ E-Class  ถือว่าเป็นรถอีกหนึ่งรุ่นที่มีให้เลือกอย่างหลากหลายรูปแบบก็ว่าได้ ทั้งสี่ประตู และสองประตู เลือกตามความเหมาะสมและความชื่นชอบของแต่ละบุคคล กลุ่มสองประตูเน้นความหล่อเครื่องยนต์อาจจะไม่แรงมากเพราะต้องขับแบบหล่อๆเปิดหลังคากินลม ในส่วนของสี่ประตูแน่นอนในวันทำงานมีคนขับหรือขับเอง กับ Plug-in Hybrid เน้นความนุ่มนวลเงียบนั่งสบาย อยากแรงก็ดังใจสั่ง กลับบ้านเสียบไฟชาร์จได้ เหมาะสมกับคนที่ชอบเทคโนโลยีและก็มีให้เลือกถึง 2 รุ่น และเครื่องยนต์ดีเซลที่ให้การประหยัดและทนทานเน้นการเดินทางไกลน่าจะเหมาะสมกว่า ออปชั่นก็ไม่ได้น้อยหน้า และนี้ก็คือรถยอดนิยมอีกหนึ่งรุ่นจากทาง Mercedes-Benz

Video Review Mercedes-Benz E-Class

>> Autospinn เวปไซต์อันดับหนึ่งเรื่องยานยนต์ แหล่งข่าวรถยนต์ เช็คราคารถยนต์ รีวิวรถยนต์ และจักรยานยนต์ทุกยี่ห้อ <<

>> one2car ตลาดรถมือสอง ตรวจเช็คราคารถมือสอง ซื้อรถมือสอง ขายรถมือสอง ทั้งรถบ้าน และรถดีลเลอร์ <<


ความคิดเห็น


เรียกดูข่าวตามประเภทยานพาหนะ

ค้นหาข่าวโดยยี่ห้อ