Mercedes-Benz CLS 220 d AMG Premium รถหรูสัญชาติเยอรมัน ที่มาพร้อมความสปอร์ต หรูหรา ในราคาที่ถูกลงกว่าเดิม
อีกหนึ่งรุ่นของเมอร์เซเดสเบนซ์ ที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก นั่นก็คือ Mercedes-Benz CLS 220 d AMG Premium โดยจุดเด่นของรุ่นนี้ คือการออกแบบโดยใช้ตัวถังสี่ประตู หลังคาท้ายลาด ซึ่งก็มาในลุคของความทันสมัย ดูเป็นรถสปอร์ตวัยรุ่นมากขึ้น แต่ก็ยังไม่ทิ้งความกว้างขวาง ใหญ่โต และความสะดวกสบาย ภายใต้โครงร่าง Coupé
รับชมรีวิวรูปแบบวีดีโอได้ที่นี่
Mercedes-Benz CLS220 d AMG Premium โฉมนี้ เป็นรุ่นประกอบไทย เปิดตัวเมื่อช่วงต้นปี 2564 ที่ผ่านมา ใช้รหัสใหม่แทนที่ CLS 300d รุ่นเดิม หากเทียบราคาแล้ว Mercedes-Benz CLS 220 d AMG Premium มีราคาที่ถูกกว่า CLS 300d ประมาณ 1.2 แสนบาท แต่ทั้งนี้ ในเรื่องของพละกำลังของเครื่องยนต์ และออปชั่นบางอย่าง ก็จะแตกต่างกันด้วย
Mercedes-Benz CLS 220 d AMG Premium ดีไซน์ภายนอก
Mercedes-Benz CLS 220 d AMG Premium มีมิติตัวถัง ความกว้าง 1,896 มม. สูง 1,436 มม. และยาว 4,996 มม. หากดูจากขนาด จะเห็นได้ว่าตัวรถไม่สูงมาก แต่เน้นกว้าง และยาว
กระจังหน้า Diamond grille สีเงินโครเมียม เมื่อสะท้อนกับแสงแดด จะมีความวิบวับสวยงาม พร้อมตราสัญลักษณ์เมอร์เซเดส เบนซ์ ขนาดใหญ่ และเส้นโครเมี่ยมคาดที่กึ่งกลางกระจัง มีเซนเซอร์ด้านหน้า 6 จุด และกล้องที่อยู่เหนือโลโก้
ไฟหน้า เป็นแบบ Multibeam LED โดยภายในจะมีหลอด LED เล็กๆอยู่ 84 ดวง ซึ่งควบคุมการทำงานแยกกันได้อย่างอิสระ พร้อมระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ ทำงานโดยลดแสงรบกวนสายตาผู้ขับขี่ร่วมทาง เมื่อถนนโล่ง ไฟสูง ULTRA RANGE จะเพิ่มระยะส่องแสงได้ไกลถึง 150 เมตร เสริมด้วยฟังก์ชัน ระบบปรับโคมไฟหน้าตามการเลี้ยวของพวงมาลัย ALS, ระบบเพิ่มความส่องสว่างขณะเลี้ยวโค้ง และชุดไฟ Daytime Running Light แบบ LED
ที่ฝากระโปรงหน้า จะมีลายเส้นที่โค้งนูนขึ้นมาสองเส้น ซึ่งก็ช่วยเพิ่มให้ตัวรถดูมีมิติ และเมื่อเรานั่งอยู่ในรถ เราจะเห็นสองเส้นนี้นูนขึ้นมา ได้อารมณ์ของความสปอร์ตเลยทีเดียว
กระจกมองข้างปรับไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยวแบบ LED เลนส์กระจกฝั่งคนขับเป็นแบบตัดแสงอัตโนมัติ ส่วนกระจกมองข้างฝั่งซ้ายเป็นแบบเลนส์ธรรมดา ที่ใต้กระจกมองข้างฝังด้วยกล้อง ซึ่งแน่นอนว่า เจ้าคันนี้มีฟังก์ชันกล้องมุมมองแบบ 360 องศา นอกจากนี้ ยังมีระบบ Blind Spot Assist เตือนเมื่อมีรถอยู่ด้านข้าง
ในส่วนของล้อแม็กซ์ จะได้เป็นล้อ AMG ลาย 5 ก้านคู่ ขนาด 19 นิ้ว รัดด้วยยาง Runflat ขนาด 245/40R19 ที่ล้อหน้า และขนาด 275/35R19 สำหรับล้อหลัง ซึ่งก็เสริมให้ตัวรถมีความลงตัวและดูสปอร์ตมากยิ่งขึ้น
ไฟท้าย LED เต็มระบบ เมื่อเปิดตอนกลางคืนจะเห็นเป็นแสงไฟสีแดงล้อมรอบ นอกจากนี้ ด้านท้ายยังโดดเด่นด้วยกันชนแบบสปอร์ต พร้อมชุดแต่งปลายท่อคู่โครเมี่ยม ซึ่งท่อคู่นี้เป็นเพียงท่อหลอกนะครับ ส่วนท่อจริงมีเพียงแค่ท่อเดียว ต้องก้มมองที่ใต้ท้องจึงจะเห็น และเมื่อเราเบรกแบบกะทันหัน ไฟกระพริบฉุกเฉินจะติดให้แบบอัตโนมัติ
กล้องถอยถูกติดตั้งไว้หลังโลโก้ หากมองผิวเผินอาจจะคิดว่ารุ่นนี้ไม่มีกล้องถอยมาให้ เพราะตัวกล้องจะถูกพับซ่อนเก็บเอาไว้เมื่อไม่ได้ใช้งาน แต่เมื่อเราอยู่ในตำแหน่งเกียร์ถอย โลโล้จะพลิกและตัวกล้องก็จะกางออกมา เป็นลูกเล่นที่ใส่มาให้ในเมอร์เซเดสเบนซ์รุ่นหลังๆ ดูหรูหราดีครับ
การเปิดฝากระโปรงหลัง สามารถทำได้ 4 วิธี คือ 1.เปิดจากภายในรถ 2.เปิดที่ตัวฝากระโปรงท้าย 3.กดจากรีโมท และ 4.ใช้เท้าเตะไปที่ใต้กันชนหลัง (Hands Free Access) เมื่อเปิดไปแล้วก็จะพบกับพื้นที่เก็บสัมภาระที่ลึกไปถึงที่นั่งตอนหลัง แต่ถ้าคุณคิดว่าที่เก็บของยังใหญ่ไม่พอ ก็สามารถพับเบาะหลังให้เรียบลงไป ก็จะได้พื้นที่ที่มากขึ้นไปอีก นอกจากนี้เรายังสามารถตั้งระดับความสูงของฝาท้ายได้สองระดับ ผ่านจอกลางภายในรถ
Mercedes-Benz CLS 220d AMG Premium ดีไซน์ภายใน
Mercedes-Benz CLS 220d AMG Premium ภายในเป็นเบาะหุ้มหนัง Nappa ตกแต่งด้วยลายไม้ Ash Wood มีให้เลือกสองโทนสีคือ ดำล้วน และ แดง-ดำ เบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้า พร้อมเมมโมรี่บันทึกท่านั่ง 3 ความจำ ตัวปีกเบาะจะยื่นออกมาโอบข้างลำตัว นั่งแล้วได้ความรู้สึกสปอร์ต
พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นแบบ Sport steering wheel หุ้มด้วยหนัง Nappa จับถนัดกระชับมือ ปรับสูง-ต่ำ-เข้า-ออก ได้ด้วยระบบไฟฟ้า จุดเด่นของพวงมาลัยคือ มี Touch Control (ปุ่มสีดำ) ทั้งฝั่งซ้ายและขวา สำหรับควบคุมจอเรือนไมล์ และจอเครื่องเล่นตรงกลาง มีปุ่มตั้งลิมิตความเร็ว ปุ่ม Cruise Control และที่หลังพวงมาลัยมีแป้น Paddle Shift สำหรับเล่นเกียร์ + -
จอเรือนไมล์ และจอกลางถูกเชื่อมต่อเป็นชิ้นเดียวกัน ในส่วนของจอเรือนไมล์ มีขนาด 12.3 นิ้ว จอใหญ่ ภาพคมชัด ปรับเปลี่ยนหน้าจอได้หลากหลายรูปแบบ ดูแผนที่นำทางได้ เปลี่ยนคลื่นวิทยุได้ ดูค่าต่างๆเกี่ยวกับตัวรถได้ ใช้งานง่าย สามารถควบคุมผ่าน Touch Control ฝั่งขวาบนพวงมาลัยได้เลย
จอกลางขนาด 12.3 นิ้ว ระบบปฏิบัติการมัลติมีเดียแบบ MBUX รองรับการเชื่อมต่อแบบ Smartphone integration ทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto ซึ่งการใช้งาน เราสามารถควบคุมได้ 3 ช่องทาง คือ 1.สัมผัสที่หน้าจอได้เลย 2.Touchpad ตรงคอนโซลกลาง 3. Touch Control (ปุ่มสีดำ) ฝั่งซ้ายบนพวงมาลัย เป็นจอที่เล่นได้หลากหลาย และยังสามารถตั้งค่าระบบต่างๆได้ เช่น เปลี่ยนสีไฟ Ambient ,ตั้งค่าเบาะ ,เปิด-ปิด ระบบความปลอดภัยของตัวรถ ,เปิดแผนที่นำทาง เป็นต้น
สำหรับชุดเครื่องเสียง เป็นของแบรนด์ดังสุดพรีเมี่ยมจาก Burmester เรื่องคุณภาพเสียงต้องยกนิ้วให้เลยครับ ดังกระหึ่มแบบรอบทิศทาง
ระบบสั่งการด้วยเสียงที่รองรับได้ทั้งภาษาอังกฤษ ภาษาเยอรมัน และภาษาฝรั่งเศสของทุกสำเนียงทั่วโลก (natural speech recognition) ระบบนี้สามารถรับรู้และเข้าใจเกือบทุกคำที่ปรากฏอยู่ในระบบอินโฟเทนเม้นท์ของรถยนต์ โดยผู้ขับขี่สามารถเปิดระบบได้เพียงพูดคำว่า “Hey, Mercedes”
อีกหนึ่งความหรูหราใน Mercedes-Benz CLS 220d AMG Premium คือ Ambient Light ไฟเรืองแสงล้อมรอบห้องโดยสาร ที่ปรับเปลี่ยนได้ถึง 64 เฉดสี และยังสามารถตั้งค่าความสว่างได้อีกด้วย ยิ่งถ้าเป็นตอนกลางคืน จะเห็นแสงไฟได้อย่างชัดเจน ช่วยเพิ่มอารมณ์ในการขับขี่ให้สนุกยิ่งขึ้น
ระบบแอร์แบบออโต้ สองโซน มีช่องลมแอร์ตอนหน้ามาให้มากถึง 6 ช่อง ออกแบบโดยได้แรงบันดาลใจมาจากใบพัดของเครื่องบินเจ็ท (turbine) สามารถเปิด-ปิด ลมแอร์ได้ โดยการบิดไปทางขวามือ
ถัดจากช่องแอร์ลงมาด้านล่าง จะพบกับ เก๊ะใส่ของ พร้อมช่องเสียบ USB Type-C ช่องจ่ายไฟ 12V. และยังมีที่วางแก้วมาให้อีก 2 ช่อง
Touchpad ขนาดใหญ่ สำหรับควบคุมจอที่อยู่ตรงกลาง และข้างๆกันจะเป็นสวิตช์ Dynamic สำหรับปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ ที่มีอยู่ทั้งหมด 4 โหมด คือ Eco ,Comfort ,Sport ,Individual
และยังมี ปุ่มปิดเซนเซอร์ ปุ่มจอดรถเข้าซองอัตโนมัติ ปุ่มปิดระบบ Start Stop ปุ่มปิดหน้าจอตรงกลาง และปุ่มเปิด-ปิดม่านหลังไฟฟ้า
หลังคาซันรูฟ ควบคุมการเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า
Mercedes me connect ที่มาพร้อมฟังก์ชันที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเลือกปรับเพิ่มบริการ และฟังก์ชันต่างๆ ตามต้องการได้ผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน เช่น
- Mercedes-Benz emergency call system ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุรถชนและถุงลมนิรภัยทำงาน เซ็นเซอร์ของระบบนี้จะทำงานโดยอัตโนมัติ และส่งตำแหน่งของรถยนต์ให้กับศูนย์ช่วยเหลือทันที
- Vehicle Monitoring เจ้าของรถยนต์สามารถเช็กตำแหน่งล่าสุด หรือเส้นทางการขับขี่ของรถยนต์ได้ผ่านแอปพลิเคชันของ Mercedes me connect ได้
- Vehicle Set-up ผู้ขับขี่สามารถตรวจสอบสภาพรถยนต์ได้จากระยะไกล โดยเซ็นเซอร์ที่อยู่ในรถจะตรวจสอบสภาพของรถยนต์ในขณะนั้น และส่งเป็นข้อมูลผ่านแอปพลิเคชันให้ทั้งผู้ขับขี่ และศูนย์ซ่อมบำรุงสามารถเปิดดูรายละเอียดข้อมูลสถานะต่างๆ ได้
- Maintenance Management ระบบนี้จะช่วยเตือนเมื่อถึงเวลานำรถยนต์เข้าตรวจสภาพ โดยจะตั้งวัน และเวลาเข้ารับบริการในครั้งต่อไปให้อัตโนมัติ
- Online Booking ฟังก์ชั่นสำหรับการนัดหมายเพื่อเข้ารับบริการต่างๆ จากเมอร์เซเดส-เบนซ์ได้ง่ายเพียงปลายนิ้วด้วยแอปพลิเคชัน Mercedes Me Service
ด้วยดีไซน์ตัวรถที่มีหลังคาท้ายลาด การเข้า-ออก เบาะหลังอาจทำได้ไม่สะดวกเท่ากับรถซีดานทั่วไป แต่ถ้าเทียบกับรถหลังคาท้ายลาดรุ่นอื่นๆ ผมว่าตะกูล CLS เข้า-ออก สะดวกที่สุดแล้ว ผมสูง 175 ซม. นั่งได้โดยที่ศีรษะไม่ติดเพดาน ที่วางเท้าและช่วงหัวเข่ามีพื้นที่เหลือเยอะมาก ฐานเบาะรองนั่งเป็นหลุมนั่งแล้วรู้สึกกระชับไม่เมื่อย การโดยสาร ถือว่าสบายอยู่ครับ มีที่วางแขนตรงกลางแบบพับเก็บได้ มีแอร์หลังมาให้ 2 ช่อง มีช่องเสียบ USB Type-C 2 ช่อง พร้อมช่องเขี่ยบุหรี่
Mercedes-Benz CLS 220 d AMG Premium ระบบความปลอดภัย
- ระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุ PRE-SAFE system
- ถุงลมนิรภัยด้านหน้า 2 ตำแหน่ง สำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้า
- ถุงลมนิรภัยบริเวณหัวเข่าสำหรับผู้ขับขี่
- ถุงลมนิรภัยด้านข้าง 2 ตำแหน่ง สำหรับผู้ขับขี่่ และผู้โดยสารด้านหน้า
- ม่านถุงลมนิรภัยด้านข้างป้องกันศีรษะ 4 ตำแหน่ง
- เข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุด 5 ที่นั่ง
- โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ESP (Electronic Stability Program)
- ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี ASR (Acceleration skid control)
- ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS (Anti-lock braking system)
- ระบบเบรก ADAPTIVE BRAKE พร้อมฟังก์ชัน HOLD และ Hill-Start Assist
- ไฟเบรกกะพริบฉุกเฉิน (Adaptive brake light)
- ระบบช่วยเบรกแบบแอคทีฟ (Active Brake Assist)
- ระบบช่วยเตือนเมื่่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา (Blind Spot Assist)
- ระบบรักษาระดับความเร็ว (Cruise control) และระบบจำกัดความเร็ว (SPEEDTRONIC)
- ระบบเตือนเพื่อนำรถเข้าศูนย์บริการ (ASSYST service interval indicator)
- ระบบแจ้งเตือนระดับแรงดันลมยาง (tyre pressure loss warning system)
- ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่่อยล้าขณะขับขี่ั่ (ATTENTION ASSIST)
- ระบบช่วยนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ (Parking Pilot including Active Parking Assist)
- เซ็นเซอร์ช่วยในการนำรถเข้าจอด (PARKTRONIC)
- กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง
- ระบบแจ้งเตือนเข็มขัดนิรภัยตำแหน่งผู้โดยสารตอนหลัง (Rear belt status indication in the instrument display)
- Mercedes me connect
Mercedes-Benz CLS 220 d AMG Premium เครื่องยนต์
Mercedes-Benz CLS 220 d AMG Premium ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร 1,950 ซีซี 4 สูบ พร้อมเทอร์โบคู่ และอินเตอร์คูลเลอร์ ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ (9G-TRONIC) ให้กำลังสูงสุด 194 แรงม้า ที่ 3,800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ที่ 1,600-2,800 รอบ/นาที อัตราเร่ง 0-100 ใช้เวลาเพียงแค่ 7.5 วินาที ความเร็วสูงสุด 237 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ทดสอบการขับขี่ Mercedes-Benz CLS 220 d AMG Premium
Mercedes-Benz CLS 220 d AMG Premium ในเรื่องของพละกำลังเครื่องยนต์ หากเราเทียบกับในรุ่น CLS 300 d ที่มี 245 แรงม้า แรงบิด 500 นิวตันเมตร จะเห็นได้ว่าทั้งแรงม้า และแรงบิดในรุ่น CLS 220 d AMG Premium จะน้อยกว่า จนตัวผมเองเกิดคำถามในใจว่า จะวิ่งไหวหรอ แต่แล้วความคิดเหล่านี้ก็ถูกลบล้างออกไปในวันที่ผมได้รถ Mercedes-Benz CLS 220 d AMG Premium มาขับทดสอบ
การขับในเมือง แม้ตัวถังรถจะมีขนาดใหญ่ แต่การขับมุดซอกแซก เลี้ยวเข้าออกซอกซอย ก็ทำได้อย่างคล่องตัว มี Blind Spot Assist ที่ช่วยเตือนเมื่อมีรถอยู่ทางด้านข้าง ซึ่ง Blind Spot Assist นี้ แม้เราจะจอดรถและดับเครื่องยนต์ไปแล้ว แต่ถ้าเราเปิดประตูรถ แล้วมีรถคันอื่นวิ่งอยู่ทางด้านข้าง ระบบก็ยังคงเตือนให้อยู่
สำหรับระบบเบรกแบบอัตโนมัติ เราสามารถตั้งระดับได้ว่า จะให้ระบบทำงานช้าหรือเร็ว และสามารถปิดระบบนี้ได้ จากการทดสอบ หากเราขับจี้ท้ายรถคันหน้า จะมีสัญญาณเตือนขึ้นที่หน้าจอเรือนไมล์ แต่ถ้าขับจี้มากเกิน รถจะเบรกให้แบบอัตโนมัติ ถือเป็นอีกหนึ่งระบบความปลอดภัยที่มีประโยชน์มากในยุคปัจจุบันครับ
การจอดรถก็เช่นกัน หากคุณเป็นมือใหม่ การจอดรถเข้าซองจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เพราะ Mercedes-Benz CLS 220 d AMG Premium มีระบบค้นหาที่จอดรถ และนำรถเข้าจอดให้เอง โดยที่เราไม่ต้องหมุนพวงมาลัยและเปลี่ยนเกียร์เองเลย เรามีหน้าที่แค่ควบคุมคันเร่งและเบรก ถือเป็นระบบที่เจ๋งมากๆครับ เหมาะกับการจอดรถในที่ยากๆ
นอกจากนี้ ยังมีกล้องมุมมองแบบ 360 องศา มองเห็นรถได้แบบรอบคัน จึงไม่ต้องกลัวเลยว่าเราจะขับไปเบียดรถคันอื่น และเรายังสามารถเลือกดูกล้องแต่ละมุมได้อีกด้วย ซึ่งผมใช้ระบบนี้บ่อยมากเวลาจอดเทียบฟุตบาธ ช่วยให้การขับขี่ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
ในเรื่องของอัตราเร่ง ถ้าขับขี่ในเมือง ผมแนะนำให้ใช้โหมด ECO เพราะเป็นโหมดที่ประหยัดน้ำมันมากที่สุด อีกทั้งการขับตอนรถติดๆ เครื่องยนต์ไม่จำเป็นต้องใช้กำลังมากมาย แต่ถ้าใช้โหมด ECO ในการขับซิ่ง หรือเร่งแซง เครื่องยนต์จะรู้สึกหน่วงๆในช่วงออกตัว
สำหรับโหมด Comfort ผมว่าเป็นโหมดที่ครอบคลุมการใช้งานมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นตอนรถติด หรือรถโล่ง หรือแม้แต่เวลาที่ต้องการใช้ความเร็ว ซึ่งกำลังของเครื่องยนต์ในโหมดนี้ จะมาแบบเรื่อยๆ แรงใช้ได้เลยครับ
แต่ถ้าอยากสุด หรืออยากซิ่งแบบจัดเต็ม ก็ใช้โหมด Sport เลยครับ เครื่องยนต์ในโหมด Sport จี๊ดจ๊าด แรงเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน เหยียบคันเร่งแปบเดียว เหลือบมามองที่หน้าจอเรือนไมล์อีกทีความเร็วพุ่งไป180 กม./ชม.แล้ว ใครว่ารุ่นนี้อืด ผมขอเถียงขาดใจเลย
เอาเป็นว่าถ้าเราเทียบกับ CLS 300 d อันนี้ยอมรับครับว่า CLS 220 d แรงน้อยกว่า แต่ถ้าเรามาลองขับ CLS 220 d เลย ทุกคนที่ได้ลองต้องพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เห้ยย !!! ก็แรงดีเหมือนกันนะ
สำหรับการเก็บเสียง เกือบทุกรีวิวที่ผมได้ทดสอบเมอร์เซเดสเบนซ์ ผมจะชมเรื่องการเก็บเสียงตลอด เพราะเก็บเสียงได้ดีจริงๆ ใช้ความเร็ว 130-140 กม./ชม. ยังแทบไม่ได้ยินเสียงลมเข้าห้องโดยสารเลย แต่สำหรับ Mercedes-Benz CLS 220 d AMG Premium คันนี้ เค้าใช้เป็นยานรันแฟลต โครงสร้างของยางจะกระด้างกว่ายางธรรมดา จึงทำให้ได้ยินเสียงยางเล็ดลอดเข้ามาในห้องโดยสารบ้างเล็กน้อย
สำหรับการทรงตัว และการเข้าโค้งขณะทำความเร็ว คือทำได้ดีมากครับ พวงมาลัยนิ่ง ไม่ร่อน เข้าโค้งเร็วๆท้ายไม่ปัด ขับแล้วรู้สึกมั่นใจ และปลอดภัย
สรุปโดยรวม
ในเรื่องของการดีไซน์ส่วนตัวแล้วผมว่าเป็นดีไซน์ที่ดูล้ำสมัย เป็นรถสี่ประตูท้ายลาดที่ดูสวยงามและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่เป็นวัยรุ่นมากขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความสปอร์ต หรูหรา แต่ยังไม่ทิ้งความกว้างขวาง ใหญ่โต และความสะดวกสบายภายใต้โครงร่าง Coupé เป็นรถที่ใช้งานได้ทุกวัน ไม่ว่าจะในเมือง หรือนอกเมือง Mercedes-Benz CLS 220d AMG Premium คันนี้พาคุณไปถึงที่หมายได้อย่างปลอดภัยแน่นอน ในเรื่องของ วัสดุ งานประกอบ และเทคโนโลยีต่างๆ ยังคงรักษามาตรฐานได้ดี ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว ในราคาค่าตัว 4,329,000 บาท
ติดตามข่าวรถยนต์ ราคารถยนต์ รีวิวรถยนต์ และจักรยานยนต์ทุกยี่ห้อ กับเรา Autospinn
แชร์ความคิดเห็นบนเว็บบอร์ด Autospinn คลิกเลย webboard.autospinn.com
เช็คโปรโมชั่นรถใหม่ เช็คราคารถใหม่ ได้ ที่นี่
ราคารถมือสอง ซื้อรถมือสอง ขายรถมือสอง เชิญได้เลยที่ one2car
ความคิดเห็น