Toyota Hilux Revo GR Sport 2021 รุ่นพิเศษที่ได้รับการตกแต่งจากโรงงาน นอกเหนือจากความสวยงามของสติ๊กเกอร์และชุดแต่ง GR แล้ว ยังมาพร้อมกับช่วงล่างใหม่ที่ใช้แหนบ 5 เส้น พร้อมโช้คโมโนทูบ
Toyota Hilux Revo GR Sport ภายนอกหากมองผิวเผินก็เหมือนกับ ไฮลักซ์ รีโว่ ทั่วๆไปที่นำมาติดสติ๊กเกอร์ แต่งหน้าทาปากใหม่เล็กน้อย แต่ถ้ามองลึกเข้าไปเทียบกันจุดต่อจุด บอกได้เลยว่า Hilux Revo GR Sport 2021 เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว โดยเฉพาะรุ่นท็อปสุด 2.8 ยกสูง ขับเคลื่อนสี่ล้อ
รับชมรีวิวรูปแบบวีดีโอ ได้ที่นี่
ภายนอก Toyota Hilux Revo GR Sport รุ่นยกสูง ขับเคลื่อน 4 ล้อ
ภายนอกโดดเด่นด้วยชุดสติ๊กเกอร์ตกแต่งรอบคันที่มีเฉพาะในรุ่น GR Sport เท่านั้น หากใครชอบแนวนี้อยู่แล้วก็จะบอกว่าสวย แต่ถ้าเป็นคนที่ชอบแนวเรียบๆ อาจมองว่าเลอะเทอะ ซึ่งก็ไม่ใช้ปัญหาใหญ่อะไรครับ หากใครไม่ชอบก็แค่ลอกสติ๊กเกอร์ออก แค่นี้ก็จบ โลโก้ใช้เป็นตัวหนังสือภาษาอังกฤษ TOYOTA แตกต่างจากรีโว่รุ่นอื่นๆ ที่ใช้เป็นโลโก้สามห่วงไขว้ ในส่วนของกระจังหน้ารอบนอกจะเป็นสีเดียวกับตัวรถ ส่วนกระจังในเป็นสีดำ รับเข้ากับชุดกระจังตัวล่างและเบ้าไฟตัดหมอก ที่เป็นสีดำเงา ไฟหน้าเป็นแบบ Bi-Beam LED พร้อมระบบปรับไฟหน้าสูง-ต่ำ อัตโนมัติ มีระบบควบคุมการเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ พร้อมระบบ Follow me home ไฟตัดหมอก LED และที่ขาดไปไม่ได้เลยคือโลโก้ GR
หากคุณสังเกตดีๆ จะพบว่าที่กระจังหน้ามีกล้องมาให้ด้วย ซึ่งก็พอจะเดาออกกันแล้วใช่มั้ยล่ะครับ ว่าถ้าเห็นกล้องหน้า ด้านข้างและท้ายรถก็คงมีกล้องมาให้ ซึ่งแน่นอนว่าเจ้าคันนี้มีกล้องมุมมองแบบ 360 องศา มองเห็นรถได้รอบคันจากมุมสูง
Toyota Hilux Revo GR Sport กระจกมองข้างจะเป็นสีดำ หากเป็นตัวถังสีแดงและสีขาว จะดูตัดกันอย่างชัดเจน แต่ถ้าเป็นตัวถังสีดำก็จะดูกลมกลืนเหมือนไม่มีอะไรต่าง ที่ใต้กระจกมองข้างคือตำแหน่งที่อยู่ของกล้อง และมีเลเซอร์ Welcome Light ยิงลงพื้น จะเห็นได้ชัดเจนในตอนกลางคืน
ซุ้มล้อสีเดียวกับตัวรถ ตกแต่งด้วยสีดำเมทัลลิกตรงกลาง มีโลโก้ GR ที่ประตูหน้า สติ๊กเกอร์ตกแต่งด้านข้าง บันไดข้างที่ยื่นออกมาจากตัวรถเล็กน้อย การขึ้นลงต้องระวังกันหน่อยนะครับ เพราะมีพื้นที่ให้เหยียบไม่มากนัก หากเหยียบแค่ปลายเท้ามีโอกาสลื่นได้ ในส่วนของเสาอากาศในรุ่นนี้เป็นแบบครีบฉลาม
ไฮไลท์ของด้านข้าง นอกเหนือจากสติ๊กเกอร์ที่ดูสะดุดตาแล้ว อีกจุดที่สะดุดตาไม่แพ้กันก็คือชุดล้อขนาด 18 นิ้ว ที่รัดด้วยยาง BRIDGESTONE Dueler H/T 684 II ซีรี่ย์ยาง 265/60R18 เป็นยาง Highway Terrain โดดเด่นเรื่องความนุ่มเงียบ พร้อมคาลิปเปอร์เบรกสีแดง ดูซิ่ง สปอร์ต
สำหรับด้านท้าย โดดเด่นด้วยชุด สปอร์ตบาร์สีดำเมทัลลิก พร้อมไฟส่องสว่าง LED และพื้นปูกระบะ ช่วยเสริมให้ตัวรถดูแข็งแกร่งบึกบึนยิ่งขึ้น ฝาท้ายกระบะมีระบบช่วยผ่อนแรง ผู้หญิงตัวเล็กๆเปิดได้สบายมากๆ มีกล้องมองหลังพร้อมเซ็นเซอร์ถอย ในส่วนของไฟท้ายเป็นแบบ LED Light guiding
ภายใน Toyota Hilux Revo GR Sport รุ่นยกสูง ขับเคลื่อน 4 ล้อ
ภายในดีไซน์สปอร์ตโทนสีดำสลับแดง ตกแต่งด้วยสี Smoke silver พร้อมสัญลักษณ์ GR ให้ความรู้สึกสปอร์ตในสไตล์รถแข่ง เบาะปรับไฟฟ้าแบบเจาะรูหุ้มด้วยหนังสลับหนังกลับ เดินด้ายเย็บสีแดง ที่หัวหมอนปักโลโก้ GR บริเวณช่วงหัวไหล่เล่นลวดลายสีแดงดูแล้วสปอร์ตดีครับ
พวงมาลัยหุ้มหนังสีดำสลับแดง ด้านล่างมีโลโก้ GR หลังพวงมาลัยมีแป้น Paddle Shift สำหรับการเล่นเกียร์ และมีก้านสำหรับตั้งค่าระบบควบคุมความเร็วรถอัตโนมัติแบบแปรผัน
จอเรือนไมล์เป็นรูปแบบเฉพาะของรุ่น GR Sport แม้จะเป็นจอเข็ม แต่ก็ดูสวยงามดีครับ
ปุ่มสตาร์ท และกุญแจ มีโลโก้ GR
จอกลางระบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay เมื่อเราเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน เราสามารถควบคุมผ่านที่จอกลางได้เลย และเมื่ออยู่ในตำแหน่งเกียร์ถอย หน้าจอจะตัดภาพมาเป็นกล้องหลัง ซึ่งเราสามารถดูภาพแบบ 360 องศา จากมุมสูงได้ด้วย ช่วยให้การถอยจอดเข้าซองมั่นใจและปลอดภัยยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังมีระบบ T-Connect มาให้อีกด้วยครับ
ในส่วนของระบบแอร์เป็นแบบระบบออโต้แยกอิสระซ้าย-ขวา ตกแต่งด้วยสี Smoke silver และสีดำเมทัลลิก
แผงข้างประตูสีดำบุหนังสังเคราะห์ พร้อมแถบสี Smoke silver และสีดำเมทัลลิก
ที่วางแขนตรงกลางขนาดใหญ่ ภายในติดตั้งปลั๊ก สำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งจุดนี้ผมชอบนะครับ เวลาโน๊ตบุ๊คแบตหมด ก็เสียบสายชาร์จเข้ากับปลั๊กไฟ นั่งทำงานในรถได้เลย
ในส่วนของเบาะหลัง ฐานเบาะสามารถพับได้แบบ 60:40 มีที่วางแขนตรงกลาง และมีแอร์หลังมาให้ 2 ช่อง
เครื่องยนต์ Toyota Hilux Revo GR Sport รุ่นยกสูง ขับเคลื่อน 4 ล้อ
เครื่องยนต์รหัส 1GD-FTV (High) 4 สูบ แถวเรียง 16 วาล์ว DOHC VN Turbo และ Intercooler ความจุกระบอกสูบ 2,755 ซีซี กำลังสูงสุด 204 แรงม้า ที่ 3,400 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 500 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600 – 2,800 รอบต่อนาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ พร้อม Sequential Shift และ Paddle Shift
ระบบช่วงล่าง Toyota Hilux Revo GR Sport รุ่นยกสูง ขับเคลื่อน 4 ล้อ
ระบบกันสะเทือนด้านหน้าแบบอิสระปีกนกคู่ (Double Wishbone Suspension) และระบบกันสะเทือนด้านหลังแบบแหนบซ้อน พร้อมคอยล์สปริงและเหล็กกันโคลง พร้อมโช้คแอบซอพเบอร์ใหม่ แบบโมโนทูบ (Monotube Shock Absorber) ดิสก์เบรกหน้ามีครีบระบายความร้อน พร้อมคาลิปเปอร์สีแดง และสัญลักษณ์ GR ด้านหลังเป็นดรัมเบรก
ระบบความปลอดภัย Toyota Hilux Revo GR Sport รุ่นยกสูง ขับเคลื่อน 4 ล้อ
- ระบบความปลอดภัยก่อนการชน (Pre-Collision System)
- ระบบเตือนออกนอกเลนพร้อมหน่วงกลับอัตโนมัติ (Lane Departure Alert)
- ระบบควบคุมและปรับความเร็วอัตโนมัติ (Dynamic Radar Cruise Control)
- กล้องมองรอบคัน (Panoramic View Monitor)
- ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง (Blind Spot Monitor)
- ระบบช่วยเตือนขณะถอยรถ RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
- ระบบป้องกันล้อล็อค ABS และระบบกระจายแรงเบรก EBD
- ระบบควบคุมการทรงตัว VSC
- ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี A-TRC
- ระบบควบคุมการส่ายของส่วนพ่วงท้าย TSC
- ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAC
- ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน DAC
- ระบบป้องกันการออกตัวฉุกเฉิน DSC
- ถุงลมเสริมความปลอดภัย SRS คู่หน้า หัวเข่าด้านคนขับ ด้านข้าง และม่านด้านข้าง
ทดสอบการขับขี่
เครื่องยนต์ 2.8 ลิตร 204 แรงม้า แรงบิด 500 นิวตันเมตร มีกำลังเหลือเฟือที่จะแบกตัวถังขนาดใหญ่ ให้พุ่งออกไปโดยไม่มีอาการอิดออด จังหวะที่เร่งแซง ก็ทำได้สบายๆแบบไม่ต้องลุ้น ถือเป็นเครื่องยนต์ที่ขับแล้วมั่นใจ ขับขึ้นเขา หรือทางลาดชัดได้แบบสบายๆเลยล่ะครับ หากต้องการขับแบบประหยัดน้ำมัน ก็สามารถทำได้ด้วยการกดปุ่ม Eco ข้างแป้นเกียร์ แต่ถ้าอยากได้กำลังเครื่องยนต์ที่จัดจ้านขึ้น ก็กดไปที่ปุ่ม PWR แต่ก็ต้องแลกกับการกินน้ำมันที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย
ด้วยช่วงล่างที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ใส่แหนบมาให้ 5 เส้น พร้อมกับโช้คแบบโมโนทูบ การขับขี่ และการเข้าโค้งที่ย่านความเร็วรู้สึกมั่นใจขึ้น ในส่วนของระบบพวงมาลัย แม้ว่าจะเป็นของเดิมไม่ได้ปรับจูนใหม่ แต่ผลพวงจากการปรับเซ็ทช่วงล่างก็ส่งผลในการควบคุมพวงมาลัยทำได้ดีขึ้น เปลี่ยนเลนเร็วๆมั่นใจ หน้าไม่ดื้อ ท้ายไม่ออก ช่วงที่ขับผ่านทางขรุขระยังมีความรู้สึกตึงตังบ้างตามสไตล์รถกระบะ แต่ถ้าเทียบกับช่วงล่างในรถกระบะรุ่นก่อนๆ ผมว่า Revo GR Sport ทำได้ดีขึ้นครับ
สำหรับน้ำหนักของพวงมาลัย Revo GR Sport ใช้แบบแร็คแอนด์พีเนียน พร้อมพาวเวอร์ผ่อนแรงแบบ VFC ปรับเปลี่ยนตามความเร็วนั้น ทำงานได้ดีในความเร็วสูง แต่ในความเร็วต่ำสำหรับผมนั้นถือว่ายังหนักไป กับการใช้งานในเมือง แต่สำหรับผู้ที่ขับขี่รถกระบะเป็นประจำนั้นอาจบอกว่าพอดี และถ้าเทียบกับฟอร์ดเรนเจอร์ ผมว่าเรนเจอร์เบากว่าครับ
สำหรับการเดินทางไกล ความสบายใน Revo GR Sport นั้นก็มีเพียบพร้อมด้วย ระบบควบคุมและปรับลดความเร็วอัตโนมัติ (Dynamic Radar Cruise Control) ระบบควบคุมความเร็วแบบแปรผัน สามารถตั้งความเร็วได้ที่ก้านเล็ก ๆ ทางขวาของพวงมาลัย ระบบจะทำการตรวจจับรถยนต์คันหน้าให้เว้นระยะโดยจะเร่งและลดความเร็วให้โดยอัตโนมัติ นับว่าสะดวกเมื่อต้องเดินทางไกลยาว ๆ และใช้ควบคู่กับระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน พร้อมหน่วงกลับอัตโนมัติ (Lane Departure Alert) เพิ่มความสะดวกสบายในการเดินทางไกล
การทำงานของ ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน พร้อมหน่วงกลับอัตโนมัติ (Lane Departure Alert) ช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลนโดยไม่ตั้งใจหรือไม่เปิดไฟเลี้ยว ระบบจะเตือนด้วยเสียงและหากยังไม่มีการตอบสนอง ระบบจะทำงานโดย เบรกล้อหน้าที่อยู่ในเลนเพียงล้อเดียวเบาๆ ซึ่งจะทำให้รู้สึกเหมือนพวงมาลัยดึงรถกลับเข้าเลน พร้อมรถจะชะลอลง แต่ไม่ถึงกับหยุด ถือเป็นตัวช่วยที่ดีเวลาหลับใน แต่ถ้าเป็นโค้งลึกหรือหักศอกระบบอาจจะไม่ทำงาน
ในเรื่องการเก็บเสียงนั้นก็ทำได้ดีครับ เครื่องยนต์ยังคงใช้เป็นของเดิม เหมือนกับในรุ่นก่อน ซึ่งผ่านการปรับปรุงมาแล้วในหลายด้าน เช่น ระบบเทอร์โบแปรผันลูกใหญ่ขึ้นเป็นแบบลูกปืน (Ball bearing) ระบบจ่ายน้ำมันใหม่ I-ART เพิ่มเพลาปรับสมดุล (Balance Shaft) ลดเสียงและแรงสั่นสะเทือน ทำให้ลดอาการสั่นของตัวรถได้มากพร้อมเสียงในห้องเครื่องที่เบาลงด้วยเช่นกัน แต่ด้วยความที่เป็นเครื่องยนต์ดีเซล ก็ยังพอได้ยินเสียงเข้ามาในห้องโดยสารบ้าง โดยเฉพาะช่วงคิกดาวน์
Toyota Hilux Revo GR Sport รุ่นท็อป มีระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ การใช้งานทำได้ง่ายมากครับ เพียงแค่บิดลูกบิดไปที่ 4H หรือ 4L การขับลุยโคลน หากอยู่ในโหมดขับเคลื่อนสองล้อ อาจเกิดอาการล้อฟรี แต่พอปรับมาเป็นโหมดขับสี่ พวงมาลัยจะตึงมือขึ้น พร้อมกับขับผ่านเส้นทางที่เป็นหลุมบ่อ ดินโคลน ได้แบบสบายๆ เลยล่ะครับ
สรุปโดยรวม
หากมองที่ชุดแต่ง ก็ต้องแล้วแต่ความชอบของแต่ละคนเลยครับ ถ้าชอบแบบเรียบๆ ก็ไปรุ่น Revo ยกสูงธรรมดา ถ้าอยากได้ความดุ ก็ไป Rocco ถ้าชอบแบบสุดในรุ่นก็มา GR Sport แต่ถ้ามองเรื่องมรรถนะเครื่องยนต์ อุปกรณ์อำนวยความสะดวก ระบบความปลอดภัย และออฟชั่นที่ได้ ก็ถือว่าเป็นรถกระบะอีกหนึ่งรุ่นที่น่าสนใจไม่น้อย ด้วยราคาค่าตัว 1,299,000 บาท แต่ออฟชั่นบางอย่างที่คาดว่าจะได้ แต่กลับไม่มีให้ อย่างเช่นกระจกมองหลังแบบตัดแสงออโต้ และที่บังแดดยังคงใช้แบบธรรมดา ซึ่งก็แอบเสียดายที่ไม่ให้มา แต่ของพวกนี้ถามว่าซื้อใส่เองได้มั้ย คำตอบคือ ซื้อใส่เองได้ครับ แต่แค่อยากให้มีมาให้จากโรงงานเลยน่าจะดีว่า
ในส่วนของการใช้งานถ้าถามว่าคุ้มมั้ย ในระยะยาวผมว่าโตโยต้าคือรถที่ผมรู้สึกมั่นใจ จากประสบการณ์ที่เคยใช้รถของโตโยต้าหลายๆรุ่น ไม่ว่าจะเป็นรถเก๋ง หรือกระบะ บอกเลยครับว่า เครื่องยนต์อึด ถึก ทน ไม่จุกจิก อะไหล่หาง่าย ราคาขายต่อดี เพื่อนร่วมทางเยอะ และผมก็เชื่อว่ามีอีกหลายคนที่รู้สึกเหมือนกันกับผม
ติดตามข่าวรถยนต์ ราคารถยนต์ รีวิวรถยนต์ และจักรยานยนต์ทุกยี่ห้อ กับเรา Autospinn
แชร์ความคิดเห็นบนเว็บบอร์ด Autospinn คลิกเลย webboard.autospinn.com
เช็คโปรโมชั่นรถใหม่ เช็คราคารถใหม่ ได้ที่นี่
ราคารถมือสอง ซื้อรถมือสอง ขายรถมือสอง เชิญได้เลยที่ one2car
ความคิดเห็น