Mercedes-Benz E 200 Cabriolet AMG Dynamic รถเปิดประทุน ที่มาพร้อมกับดีไซน์โดดเด่น สะดุดตา หากชอบความสุดในรุ่น บอกเลยว่าคันนี้ตอบโจทย์แน่นอน
Mercedes-Benz E 200 Cabriolet AMG Dynamic 2021 หากเราเทียบกับโฉมก่อน จะเห็นถึงความแตกต่างอย่างชัดเจน มาพร้อมกับการดีไซน์ที่ดูสปอร์ต ใช้ตัวถังแบบสองประตู แต่ที่พิเศษไปมากกว่านั้นคือ เป็นหลังคาผ้าที่สามารถเปิด-ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้า หรือที่เราเรียกว่า “รถเปิดประทุน” โดย Mercedes-Benz E 200 Cabriolet มีให้เลือกเพียงแค่รุ่นย่อยเดียวเท่านั้น คือรุ่น AMG Dynamic ราคา 5,140,000 บาท ที่ใส่ชุดแต่ง AMG มาให้ครบจากโรงงาน นอกจากนี้ทางเมอร์เซเดสเบนซ์ยังมีออฟชั่นให้เราได้ซื้อใส่เพิ่มนั่นก็คือชุด Night Package Plus ในราคา 270,000 บาท เหมือนกับคันที่ผมนำมารีวิวในครั้งนี้ครับ
รับชมรีวิวรูปแบบวีดีโอ ได้ที่นี่
Mercedes-Benz E 200 Cabriolet AMG Dynamic ดีไซน์ภายนอก
Mercedes-Benz E 200 Cabriolet AMG Dynamic มีมิติตัวถัง ความกว้าง 1,860 มม. สูง 1,430 มม. และยาว 4,844 มม. หากดูจากขนาด จะเห็นได้ว่าเป็นรถสปอร์ตที่กว้าง และยาวพอสมควร
ด้านหน้ามาในรูปทรง A-Shape Design กระจังหน้าเป็นแบบ Diamond radiator Grill ที่กึ่งกลางของกระจังเป็นโลโก้เมอร์เซเดสเบนซ์ขนาดใหญ่ พร้อมกับมีเส้นคาดกลางสีเงินโครเมียม มี Diamond สีเงินทั่วทั้งกระจัง ซึ่งก็ช่วยเสริมให้ตัวรถดูมีสีสัน และหรูหรา ที่ด้านบนของโลโก้เมอร์เซเดสเบนซ์ มีกล้องที่ถูกฝังไว้อย่างแนบเนียน พร้อมกันชน AMG ดีไซน์สปอร์ต หากสังเกตที่มุมล่างของกันชน ทั้งฝั่งซ้ายและขวา จะเห็นว่ามีช่องให้อากาศไหลผ่านออกทางด้านข้าง พร้อมกับมีเซนเซอร์ที่กันชนถึง 6 จุด
ไฟหน้า เป็นแบบ Multibeam LED ดีไซน์ใหม่ โดยภายในจะมีหลอด LED เล็กๆอยู่ 84 ดวง ซึ่งควบคุมการทำงานแยกกันได้อย่างอิสระ พร้อมระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ ทำงานโดยลดแสงรบกวนสายตาผู้ขับขี่ร่วมทาง ซึ่งเป็นไฟหน้าแบบอัจฉริยะ เมื่อถนนโล่ง ไฟสูงจะเปิดให้เองแบบอัตโนมัติ เพื่อช่วยให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นชัดเจนขึ้น แต่ถ้ามีรถอยู่ทางด้านหน้า หรือมีรถแล่นสวนทางมา ไฟ LED ที่อยู่ภายในบางดวงจะดรอปลง เพื่อไม่ให้ไปแยงตารถที่อยู่ด้านหน้า และยังเสริมด้วยฟังก์ชัน ระบบปรับโคมไฟหน้าตามการเลี้ยวของพวงมาลัย ระบบเพิ่มความส่องสว่างขณะเลี้ยวโค้ง และชุดไฟ Daytime Running Light แบบ LED
ฝากระโปรงมีเหลี่ยมสันที่ชัดเจน เมื่อเรานั่งอยู่ในรถจะเห็นเส้นบนฝากระโปรงนูนขึ้นมาสองเส้น ได้ความรู้สึกเหมือนเรากำลังขับรถที่มีเครื่องยนต์อันทรงพลัง
จุดเด่นของ Mercedes-Benz E 200 Cabriolet AMG Dynamic
คือการใช้หลังคาผ้าแบบ Soft top fabric เปิด-ปิด ได้ด้วยระบบไฟฟ้าโดยใช้ระยะเวลาเพียงแค่ 20 วินาที และยังสามารถเปิด-ปิดได้ในขณะที่รถกำลังวิ่ง (แต่ต้องใช้ความเร็วไม่เกิน 60 กม./ชม.) และในรุ่นนี้ หากเราสังเกตที่กลางรถ จะเห็นได้ว่ารุ่นนี้ไม่มีเสา B และเป็นประตูแบบไร้ขอบกระจก เมื่อเราเปิดหลังคาและลดกระจกลง จะเห็นถึงความเรียบเนียนเป็นเส้นแนวนอน ถือเป็นรถเปิดประทุนอย่างแท้จริงเลยทีเดียวครับ
กระจกมองข้างปรับไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยวแบบ LED เลนส์กระจกฝั่งคนขับเป็นแบบตัดแสงอัตโนมัติ ส่วนกระจกมองข้างฝั่งซ้ายเป็นแบบเลนส์ธรรมดา ที่ใต้กระจกมองข้างฝังด้วยกล้อง ซึ่งแน่นอนว่า เจ้าคันนี้มีฟังก์ชันกล้องมุมมองแบบ 360 องศา นอกจากนี้ ยังมีระบบ Blind Spot Assist เตือนเมื่อมีรถอยู่ด้านข้าง
ในส่วนของล้อแม็กซ์ จะได้เป็นล้อ AMG ลาย 10 ก้าน ขนาด 19 นิ้ว แต่สำหรับคันนี้ ซื้อชุด Night Package Plus เพิ่ม ซึ่งในแพ็กเกจนี้ จะได้เป็นล้อขนาด 20 นิ้ว ล้อคู่หน้ารัดด้วยยางขนาด 235/35R20 ล้อคู่หลังรัดด้วยยางขนาด 275/30R20 ซึ่งเป็นยางแบบ Runflat
ไฟท้าย LED เต็มระบบ เมื่อเปิดตอนกลางคืนจะเห็นเป็นแสงไฟสีแดงสวยงาม นอกจากนี้ ด้านท้ายยังโดดเด่นด้วยกันชน AMG แบบสปอร์ต มีเซนเซอร์หลัง 6 จุด พร้อมชุดแต่งปลายท่อคู่โครเมี่ยม และเมื่อเราเบรกแบบกะทันหัน ไฟกระพริบฉุกเฉินจะติดให้แบบอัตโนมัติ
กล้องถอยถูกติดตั้งไว้หลังโลโก้ ซึ่งตัวกล้องจะถูกพับซ่อนเก็บเอาไว้เมื่อไม่ได้ใช้งาน แต่เมื่อเราอยู่ในตำแหน่งเกียร์ถอย โลโล้จะพลิกและตัวกล้องก็จะกางออกมา และเมื่อหมุนพวงมาลัย เลนส์กล้องจะเลี้ยวตามด้วยครับ
Mercedes-Benz E 200 Cabriolet AMG Dynamic ดีไซน์ภายใน
Mercedes-Benz E 200 Cabriolet AMG Dynamic ภายในเป็นเบาะหุ้มหนังแท้ปรับไฟฟ้า มีเมมโมรี่บันทึกท่านั่ง 3 ตำแหน่ง เบาะคู่หน้าเป็นดีไซน์สปอร์ต ตัวปีกเบาะจะยื่นออกมาโอบข้างลำตัว นั่งแล้วกระชับไม่อึดอัด
พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นแบบ Sport steering wheel 3 ก้าน แบบใหม่ หุ้มด้วยหนัง Nappa จับถนัดกระชับมือ ปรับสูง-ต่ำ-เข้า-ออก ได้ด้วยระบบไฟฟ้า จุดเด่นของพวงมาลัยคือ มี Touch Control ทั้งฝั่งซ้ายและขวา สำหรับควบคุมจอเรือนไมล์ และจอเครื่องเล่นตรงกลาง มีปุ่มตั้งลิมิตความเร็ว ปุ่ม Cruise Control และที่หลังพวงมาลัยมีแป้น Paddle Shift สำหรับเล่นเกียร์ + -
จอเรือนไมล์ และจอกลางถูกเชื่อมต่อเป็นชิ้นเดียวกัน ในส่วนของจอเรือนไมล์ มีขนาด 12.3 นิ้ว จอใหญ่ ภาพคมชัด ปรับเปลี่ยนหน้าจอได้หลากหลายรูปแบบ ดูแผนที่นำทางได้ เปลี่ยนคลื่นวิทยุได้ ดูค่าต่างๆเกี่ยวกับตัวรถได้ ใช้งานง่าย สามารถควบคุมผ่าน Touch Control ฝั่งขวาบนพวงมาลัยได้เลย
จอกลางขนาด 12.3 นิ้ว ระบบปฏิบัติการมัลติมีเดียแบบ MBUX รองรับการเชื่อมต่อแบบ Smartphone integration ทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto ซึ่งการใช้งาน เราสามารถควบคุมได้ 4 ช่องทาง คือ 1.สัมผัสที่หน้าจอได้เลย 2.Touchpad ตรงคอนโซลกลาง 3. ลูกบิดที่อยู่ด้านบนข้าง Touchpad 4. Touch Control ฝั่งซ้ายบนพวงมาลัย เป็นจอที่เล่นได้หลากหลาย และยังสามารถตั้งค่าระบบต่างๆได้ เช่น เปลี่ยนสีไฟ Ambient ,เปิด-ปิด ระบบความปลอดภัยของตัวรถ ,เปิดแผนที่นำทาง เป็นต้น
สำหรับชุดเครื่องเสียง เป็นของแบรนด์ดังสุดพรีเมี่ยมจาก Burmester เรื่องคุณภาพเสียงต้องยกนิ้วให้เลยครับ ดังกระหึ่มแบบรอบทิศทาง เสียงนุ่ม คมชัด
อีกหนึ่งความหรูหราใน Mercedes-Benz E 200 Cabriolet AMG Dynamic คือ Ambient Light ไฟเรืองแสงล้อมรอบห้องโดยสาร ที่ปรับเปลี่ยนได้ถึง 64 เฉดสี และยังสามารถตั้งค่าความสว่างได้อีกด้วย ยิ่งถ้าเป็นตอนกลางคืน จะเห็นแสงไฟได้อย่างชัดเจน ช่วยเพิ่มอารมณ์ในการขับขี่ให้สนุกยิ่งขึ้น
ระบบแอร์แบบออโต้ สองโซน มีช่องลมแอร์ตอนหน้ามาให้มากถึง 6 ช่อง ออกแบบโดยได้แรงบันดาลใจมาจากใบพัดของเครื่องบิน (turbine) สามารถเปิด-ปิด ลมแอร์ได้ โดยการบิดไปทางขวามือ
ถัดจากช่องแอร์ลงมาด้านล่าง จะพบกับ เก๊ะใส่ของ ภายในมี Wireless charger พร้อมช่องจ่ายไฟ 12 V. และช่อง USB Type-C และถ้าเราสังเกตที่ช่องวางแก้ว จะเห็นสัญลักษณ์รูปกุญแจ ซึ่งใช้ในกรณีที่ถ่านกุญแจอ่อนสตาร์ทเครื่องไม่ติด เราสามารถเอากุญมาวางตรงสัญลักษณ์นี้ แล้วกดสตาร์ทเครื่องยนต์ได้เลย
Touchpad สำหรับควบคุมจอที่อยู่ตรงกลาง และข้างๆกันจะเป็นสวิตช์ Dynamic สำหรับปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ ที่มีอยู่ทั้งหมด 5 โหมด คือ Eco ,Comfort ,Sport ,Sport+ ,Individual และยังมี ปุ่มปิดเซนเซอร์ ปุ่มจอดรถเข้าซองอัตโนมัติ ปุ่มปิดระบบ Start Stop ปุ่มปิดหน้าจอตรงกลาง ปุ่มเปิด-ปิดหลังคา ปุ่มลดกระจกพร้อมกันทั้ง 4 บาน และ ปุ่ม Air cap
ที่วางแขนตรงกลาง ภายในเป็นช่องเก็บของขนาดใหญ่ พื้นรองด้านล่างใช้วัสดุซับเสียง และมีช่องเสียบ USB Type-C มาให้อีก 2 ช่อง
ในส่วนของเบาะหลังแม้จะเป็นรถสปอร์ตสองประตู แต่ทางเมอร์เซเดสเบนซ์ ยังคงคำถึงถึงความสะดวกสบายของผู้โดยสารเบาะหลัง ด้วยการมีแอร์หลังมาให้สองช่อง พร้อมกับสวิตช์สำหรับเปิด-ปิดกระจกหลัง และเบาะหลังยังสามารถพับได้เรียบ
Mercedes-Benz E 200 Cabriolet AMG Dynamic ระบบความปลอดภัย
- ถุงลมนิรภัยด้านหน้า 2 ตำแหน่ง สำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้า
- ถุงลมนิรภัยด้านข้าง 2 ตำแหน่ง สำหรับผู้ขับขี่่ และผู้โดยสารด้านหน้า
- ม่านถุงลมนิรภัยด้านข้างป้องกันศีรษะ 4 ตำแหน่ง
- เข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุด 4 ที่นั่ง
- โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ESP (Electronic Stability Program)
- ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS (Anti-lock braking system)
- ระบบเบรก ADAPTIVE BRAKE พร้อมฟังก์ชัน HOLD และ Hill-Start Assist
- ไฟเบรกกะพริบฉุกเฉิน (Adaptive brake light)
- ระบบช่วยเบรกแบบแอคทีฟ (Active Brake Assist)
- ระบบช่วยเตือนเมื่่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา (Blind Spot Assist)
- ระบบรักษาระดับความเร็ว (Cruise control) และระบบจำกัดความเร็ว (SPEEDTRONIC)
- ระบบเตือนเพื่อนำรถเข้าศูนย์บริการ (ASSYST service interval indicator)
- ระบบแจ้งเตือนระดับแรงดันลมยาง (tyre pressure loss warning system)
- ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่่อยล้าขณะขับขี่ั่ (ATTENTION ASSIST)
- ระบบช่วยนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ (Parking Pilot including Active Parking Assist)
- เซ็นเซอร์ช่วยในการนำรถเข้าจอด (PARKTRONIC)
- กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง
Mercedes-Benz E 200 Cabriolet AMG Dynamic เครื่องยนต์
Mercedes-Benz E 200 Cabriolet AMG Dynamic ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร 1,991 ซีซี 4 สูบ เทอร์โบ พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ (9G-TRONIC) ให้กำลังสูงสุด 197 แรงม้า ที่ 5,500-6,100 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร ที่ 1,650-4,000 รอบ/นาที อัตราเร่ง 0-100 ใช้เวลาเพียงแค่ 7.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 234 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ทดสอบการขับขี่ Mercedes-Benz E 200 Cabriolet AMG Dynamic
Mercedes-Benz E 200 Cabriolet AMG Dynamic แม้เครื่องยนต์จะแค่ 2.0 ลิตร แต่เจ้าคันนี้มีเทอร์โบพ่วงมาให้ด้วย ส่งผลให้ตัวเลขของแรงม้า และแรงบิด มีมากพอที่จะแบกตัวถังขนาดใหญ่ให้พุ่งทะยานออกไปโดยไร้แรงหน่ว
การขับขี่ในเมืองทำได้คล่องตัว ตัวรถมีขนาดที่พอเหมาะ มุดซอกแซกได้ง่าย มีเทคโนโลยีต่างๆสำหรับช่วยเหลือการขับขี่ เช่น HOLD และ Hill-Start Assist จอดติดไฟแดงไม่ต้องเหยียบเบรก หรือเปลี่ยนเกียร์ไปมาให้เมื่อย ,Blind Spot Assist ที่ช่วยเตือนเมื่อมีรถอยู่ทางด้านข้าง หรือแม้แต่ระบบช่วยเบรก เมื่อรถคันหน้าหยุดรถกระทันหัน
การจอดรถก็เช่นกัน หากคุณเป็นมือใหม่ การจอดรถเข้าซองจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เพราะ Mercedes-Benz E200 Cabriolet AMG Dynamic มีระบบค้นหาที่จอดรถ และนำรถเข้าจอดให้เอง โดยที่เราไม่ต้องหมุนพวงมาลัย และเปลี่ยนเกียร์เองเลย เหมาะกับการจอดรถในที่ยากๆ และยังสามารถเลือกได้อีกด้วยว่าจะจอดแบบเอาหน้าเข้า หรือเอาท้ายเข้า
นอกจากนี้ ยังมีกล้องมุมมองแบบ 360 องศา มองเห็นรถได้แบบรอบคัน จึงไม่ต้องกลัวเลยว่าเราจะขับไปเบียดรถคันอื่น และเรายังสามารถเลือกดูกล้องแต่ละมุมได้อีกด้วย ซึ่งผมใช้ระบบนี้บ่อยมากเวลาจอดเทียบฟุตบาธ ช่วยให้การขับขี่ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
ในเรื่องของอัตราเร่ง ถ้าขับขี่ในเมือง ผมแนะนำให้ใช้โหมด ECO เพราะเป็นโหมดที่ประหยัดน้ำมันมากที่สุด อีกทั้งการขับตอนรถติดๆ เครื่องยนต์ไม่จำเป็นต้องใช้กำลังมากมาย แต่ถ้าใช้โหมด ECO ในการขับซิ่ง หรือเร่งแซง เครื่องยนต์จะรู้สึกหน่วงๆในช่วงออกตัว
สำหรับโหมด Comfort ผมว่าเป็นโหมดที่ครอบคลุมการใช้งานมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นตอนรถติด หรือรถโล่ง หรือแม้แต่เวลาที่ต้องการใช้ความเร็ว ซึ่งกำลังของเครื่องยนต์ในโหมดนี้ จะมาแบบเรื่อยๆ แรงใช้ได้เลยครับ
แต่ถ้าอยากสุด หรืออยากซิ่งแบบจัดเต็ม ก็ใช้โหมด Sport หรือ Sport+ เลยครับ เครื่องยนต์ในโหมดนี้ จี๊ดจ๊าด แรงเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน
สำหรับการเก็บเสียง ก็ทำได้ดีอยู่ในระดับที่น่าพอใจ แต่ถ้าเทียบกับในรุ่น Coupe ผมว่ารุ่น Coupe เก็บเสียงได้ดีกว่า ส่วนหนึ่งเป็นเพราะรุ่นเปิดประทุนใช้เป็นหลังคาผ้า การเก็บเสียงเลยยังทำได้ไม่เท่ากับรุ่นหลังคาแข็ง แต่ถ้าเทียบกับรถเปิดประทุนรุ่นอื่นๆ ก็ถือว่า Mercedes-Benz E 200 Cabriolet เก็บเสียงได้ดีไม่น้อยหน้าใคร
สำหรับการทรงตัว และการเข้าโค้งขณะทำความเร็ว เป็นรถที่ขับแล้วมั่นใจมากครับ เข้าโค้งแรงๆไม่มีอาการร่อน ไม่มีอาการท้ายปัด ช่วงล่างซับแรงได้ดี แต่ด้วยความที่คันนี้ใส่ล้อขนาด 20 นิ้ว และยางที่ใส่แก้มยางบางมาก จึงรู้สึกตึงตังบ้างเมื่อเจอทางขรุขระ
สรุปโดยรวม
Mercedes-Benz E 200 Cabriolet AMG Dynamic ในเรื่องของการดีไซน์ ต้องยอมรับว่าทำออกมาได้โดดเด่น และสะดุดตามากๆ เทคโนโลยีความปลอดภัย และออฟชั่นต่างๆที่ให้มาครอบคลุมการใช้งาน เป็นรถที่ขับเปิดหลังคาแล้วยังคุยกันในรถรู้เรื่อง เพราะมี Air Cap ที่ช่วยในการตัดลม เพื่อไม่ให้ลมวนเข้ามาในห้องโดยสาร
ในเรื่องของราคา มีเพียงรุ่นย่อยเดียวเท่านั้น คือ E 200 Cabriolet AMG Dynamic 5,140,000 บาท แต่ถ้าอยากได้ออฟชั่นเพิ่ม อย่างเช่น สายคาดเบลท์สีแดง กล้องรอบคัน 360 องศา ล้อแมกซ์ขนาด 20 นิ้ว จอ Head up display ก็ต้องซื้อเพิ่มอีก 270,000 บาท
ความคิดเห็น