รีวิว Mercedes-Benz A 200 Progressive ราคา 1,990,000 คุ้มกว่ารถญี่ปุ่น? Share this
รีวิวรถยนต์
โหมดการอ่าน

รีวิว Mercedes-Benz A 200 Progressive ราคา 1,990,000 คุ้มกว่ารถญี่ปุ่น?

Paknam536
โดย Paknam536
โพสต์เมื่อ 29 December 2564

Mercedes-Benz A 200 Progressive รถเบนซ์รุ่นที่มีราคาย่อมเยาว์ที่สุดในค่ายตราดาว ด้วยราคาวางจำหน่ายเพียง 1,990,000 บาท เพิ่มจากรถญี่ปุ่นรุ่นท็อปมาเล่นเบนซ์คันนี้ คุ้มจริงไหม?


Benz ป้ายแดง ไม่เกิน 2 ล้าน

Mercedes-Benz A 200 Progressive จัดเป็นรถเบนซ์รุ่นที่ถูกที่สุดในบ้านเรา ด้วยราคาจำหน่ายที่ 1,990,000 บาท
เชื่อว่าหลายๆ ท่านที่กำลังมองหารถเก๋งด้วยงบประมาณระดับ 2 ล้านบาทจำนวนไม่น้อยก็น่าจะให้ความสนใจกับรถคันนี้ไม่เบา ยิ่งถ้าหากคุณใช้ราคาเป็นตัวตั้งในการซื้อรถยนต์สักคัน ต้องยอมรับว่า Mercedes-Benz A 200 Progressive คันนี้ น่าสนใจไม่เบาครับ

แต่สิ่งที่ต้องทราบก่อนเบื้องต้นเลยคือ ในงบนี้ คุณจะได้รถญี่ปุ่นในรุ่นท็อปที่สุดของแบรน์ที่วางขายในโชว์รูม อัดออปชั่นมาเต็มที่สุด และมักเป็นรถระดับ D-Segment ส่วนเจ้า A 200 Progressive คันนี้ เป็นรถรุ่นเริ่มต้นที่สุดของ Mercedes-Benz และเป็นรถในกลุ่ม C-Segment ด้วย อันนี้ต้องขอแจ้งให้ทราบก่อนเบื้องต้นนะครับ

แต่เราจะมาดูกันว่า ในราคานี้ แม้เป็นรุ่นเริ่มต้น มันยังมีความน่าสนใจอะไรบ้าง เรามาเริ่มต้นดูจากตัวรถภายนอกกันก่อน

Mercedes-Benz A 200 เป็นรถ C-Segment

ดีไซน์ภายนอกของตัว Mercedes-Benz A 200 Progressive คันนี้ มาในรูปแบบของรถยนต์ซีดานพิกัด C-Segment ขนาดใกล้เคียงกับ Honda Civic, Toyota Corolla Altis, Mazda 3 และ MG5 โดยตัว A 200 Progressive มีสัดส่วนอยู่ที่ ยาว 4,549 มม. กว้าง 1,796 มม. และสูง 1,425 มม.

Mercedes-Benz A200 Progressive dimensions Front

Mercedes-Benz A200 Progressive dimensions Front

 

การตกแต่งภายนอกของตัว A 200 Progressive ใช้ชุดแต่ง Progressive รอบคัน ตัวไฟหน้า ใช้เป็นไฟหน้าแบบ LED High Performance ดีไซน์แบบเดียวกับตระกูล CLS โดยไฟหรี่ของเค้าทำหน้าที่เป็นไฟเลี้ยวด้วยในตัวเดียวกัน

ตัวกระจังหน้า มาเป็นลายเส้นสีเงินคาดกลาง 1 เส้น พร้อมโลโก้ Mercedes-Benz ขนาดใหญ่ ดูโดดเด่นมาแต่ไกล ส่วนเซ็นเซอร์เตือนการชนด้านหน้า จัดมาให้แบบครบๆ

ถัดมาด้านข้าง ล้อใช้เป็นล้ออัลลอยแบบ 10 ก้านขนาด 17 นิ้ว รัดยางขนาด 205/55 R17 เท่ากันทั้งหน้าและหลัง


ส่วนระบบเบรก ใช้เป็นดิสก์เบรกทั้ง 4 ล้อครบครัน และมีไฟเลี้ยว ติดตั้งไว้ที่กระจกมองข้าง โดยกระจกมองข้างตัวนี้พับและกางอัตโนมัติเมื่อล็อก/ปลดล็อกรถด้วย
กรอบหน้าต่างของตัวรถ ตัดด้วยเส้นโครเมี่ยมทั้งหมด ขับภาพลักษณ์ตัวรถให้ดูหรูหรา พรีเมี่ยมตามแบรนด์ของเค้าได้เป็นอย่างดี

และที่ชอบมากๆ เลย คือตัวเซ็นเซอร์เตือนการชนเนี้ย เค้าติดตั้งที่ด้านข้างตัวรถให้ด้วย จัดว่าเรื่องความปลอดภัย ลดโอกาสขับไปเฉี่ยวชนได้ดีเลยทีเดียว

ด้านท้ายของตัวรถ ตกแต่งตามสไตล์ Progressive ตัวไฟท้ายมาเป็นแบบ LED พร้อมไฟเลี้ยวแบบ LED ขับตอนกลางคืนเนี้ยบอกเลยว่าสวยงามมากๆ

ท่อไอเสีย มาเป็นท่อไอเสียคู่ ดีไซน์เรียบเนียนไปกับตัวชายด้านล่างของตัวรถ อันนี้ออกแบบมาเรียนหรูดีมากๆ ส่วนโลโก้รุ่นรถ A 200 ติดตั้งบริเวณด้านซ้ายของตัวรถ

ฝาท้ายของรถรุ่นนี้ เป็นฝาท้ายแบบปกติ ไม่มีระบบไฟฟ้าใดๆ ทั้งสิ้น โดยฝาท้ายเนี้ยแอบมีแรงดีดไม่เบา เวลาเปิดต้องระมัดระวังเล็กน้อย

พื้นที่เก็บสัมภาระท้ายรถ บอกเลยว่ามีความจุเยอะมากๆ ด้วยความจุมากถึง 420 ลิตรเลยทีเดียว และสามารถดึงสลักพับเบาะนั่งด้านหลัง เพื่อเพิ่มพื้นที่บรรทุกสัมภาระเข้าไปในห้องโดยสารได้เลย โดยตัวเบาะนั่งจะสามารถแยกพับได้แบบ 60:40 และถูกพับแบบเกือบเรียบ

Mercedes-Benz A200 Progressive 2021 ภายใน

เข้ามาภายในตัวรถ จะเห็นได้ว่าดีไซน์ภายในของเค้ายังคงเก็บ DNA Mercedes-Benz ไว้ได้อย่างครบถ้วน ซึ่งจุดนี้เนี้ยขอแอบกระซิบว่า ในรถยุโรปบางแบรนด์นั้น ในรถตระกูลรุ่นเริ่มต้นนั้นมักจะตัดของออกไปเยอะมากๆ กระทั่งเรื่องดีไซน์ที่เรียกได้ว่า "โล้น" กันเลยทีเดียว เรียกว่าหากเอาโลโก้แบรนด์ออกไปนี้ ความหรูของเค้าหายไปในทันตา

กลับกันกับ Mercedes-Benz ที่ยังคงภาพลักษณ์ความหรูหราไว้ได้เป็นอย่างดี แม้ว่าวัสดุภายในจะมาแบบแข็งๆ สักหน่อย แต่ถ้ามองด้วยตาเนี้ย ความหรูของเค้ายังมาเต็มตามสไตล์ตราดาวครับ

และมีการเสริมความสปอร์ตด้วยการตกแต่งลวดลายคาร์บอนไว้ที่บริเวณคอนโซลและด้านข้างประตู

พวงมาลัยของตัวรถ มาเป็นแบบมัลติฟังก์ชั่นไม่แพ้รุ่นพี่ สามารถควบคุมการทำงานของหน้าจอตัวรถได้เหมือนกับรุ่นพี่ มาพร้อมกับแพดเดิ้ลชิพ เปลี่ยนเกียร์ได้ด้วยตนเอง

ระบบมัลติมีเดียของตัวรถนี้เค้าจัดเต็มมาก ด้วยหน้าจอมัลติมีเดียขนาด 10.25 นิ้ว พร้อมระบบ MBUX สั่งการด้วยเสียงได้ และรองรับระบบ Apple CarPlay / Andriod Auto ครบๆ

ส่วนหน้าจอเรือนไมล์ของตัวนี้ ให้มาขนาด 7" และมี Ambient Light ให้มาเฉพาะบริเวณเท้าของผู้ขับและผู้โดยสารตอนหน้า

ส่วนในเวอร์ชั่น 2022 เค้าจะให้เรือนไมล์ขนาด 10.25 นิ้ว และ Ambient Light 64 เฉดสี เหมือนกับรุ่น AMG Dynamic เลย

เบาะนั่งคู่หน้า ให้มาเป็นเบาะหนัง Artico ทั้งตัว ปรับระดับได้ด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมตัวดันหลัง โดยสามารถเซฟการตั้งค่าได้สูงสุด 3 โปรไฟล์ด้วยกัน โดยการตั้งค่าเบาะนั่งนี้จะรวมไปถึงตำแหน่งของกระจกมองข้างด้วย โดยตัวกระจกมองหลังและกระจกด้านขวา ให้มาเป็นแบบตัดแสง

ช่องเก็บของต่างๆ ของตัวรถก็จัดมาให้เต็ม ไม่ว่าจะเป็นที่วางแก้ว , ช่องต่อมือถือเป็นแบบ USB-C และมีช่องเก็บของอยู่บริเวณใต้คอนโซลตรงนี้ด้วย โดยพื้นที่ตรงกลางจะเป็นส่วนควบคุมระบบการทำงานหลักๆ ของตัวรถ ไม่ว่าจะเป็นโหมดการขับขี่, ระบบกล้องมองหลัง, แทร็กแพด, ปุ่มเลือกดูเมนูต่างๆ บนหน้าจอมัลติมีเดีย รวมอยู่ตรงนี้ทั้งหมด

ส่วนช่องเก็บของตรงกลาง ก็มีพื้นที่เยอะเลย มีช่องเสียบ USB-C มาให้ด้วยเช่นกัน

ถัดมาเบาะด้านหลังของตัวรถ เบาะนั่งด้านหลังมีพื้นที่เหลือๆ กับตำแหน่งที่ผมนั่งขับมานี้บอกเลยว่าผู้โดยสารตอนหลังนั่งได้สบายๆ และมีช่องเสียบ USB-C มาให้ 1 จุด

ตรงกลางของเบาะนั่ง สามารถดึงเอาที่วางแขนออกมาได้ และมีช่องวางแก้วมาให้ด้วย

นอกจากนี้เราสามารถพับมันเพื่อเอื้อมือไปหยิบของข้างหลังรถได้ด้วย โดยไม่จำเป็นต้องลงจากรถ เพื่อไปเพื่อหยิบของออกมาแต่อย่างใด

อีกทั้งตัวเบาะนั่งหลังก็สามารถพับเบาะได้แบบ 60:40 เผื่อเอาไว้อยากเพิ่มพื้นที่เก็บของ ก็สามารถทำได้เช่นกัน โดยจะต้องดึงสลักพับเบาะจากทางด้านท้ายตัวรถ

A 200 Progressive ระบบความปลอดภัย

Mercedes-Benz A 200 Progressive แม้จะเป็นรุ่นที่มีราคาเข้าถึงง่ายที่สุดในแบรนด์ แต่เค้าก็จัดว่าให้ระบบความปลอดภัยมาเต็มๆ ไม่มีขาดครับ
ไม่ว่าจะเป็น

- ถุงลมนิรภัยรอบคัน พร้อมม่านถุงลมนิรภัย
- ระบบ ABS
- ระบบควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ
- ระบบช่วยเบรก
- ระบบ Hold brake
- ระบบช่วยออกตัวจากทางลาดชัน
- ไฟเบรกฉุกเฉิน

นอกจากนี้ยังมีระบบอำนวยความสะดวกในการขับเพิ่มเติมด้วย ไม่ว่าจะเป็น
- ระบบกุญแจแบบ Keyless-Go
- ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ
- ระบบ Cruise control
- ระบบจำกัดความเร็ว
- ระบบช่วยนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ
- ระบบแจ้งเตือนแรงดันลมยาง

และที่ชอบมากๆ นั่นคือกล้องมองหลังของเค้าเนี้ย ชัดมากๆ แม้ว่ามองเวลากลางคืนก็ให้ภาพที่คมชัด มองได้ง่ายครับ ในระดับ ชัดกว่ารถญี่ปุ่นทุกยี่ห้อในราคาเดียวกันซะอีก

Mercedes-Benz เครื่องยนต์ 1.3 Turbo

เครื่องยนต์ของ Mercedes-Benz A 200 Progressive ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบเรียงขนาด 1,332cc เทอร์โบ มอบพละกำลังสูงสุด 163 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร ที่ 1,620 - 4,000 รอบ/นาที
ส่งกำลังระบบเกียร์อัตโนมัติ DCT 7 สปีด ขับเคลื่อนล้อหน้า รอบรับน้ำมันเบนซิน E85 ทำอัตราเร่งจาก 0-100 อยู่ที่ 8.1 วินาที

Mercedes-Benz A 200 Progressive สเป็คและราคา

เครื่องยนต์ 4 สูบเรียง 4 วาล์วต่อสูบ พร้อมเทอร์โบ และอินเตอร์คูลเลอร์
ปริมาตรกระบอกสูบ 1,332 ซีซี
พละกำลังสูงสุด 163 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ/นาที
แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร ที่ 1,620 - 4,000 รอบ/นาที
เกียร์ DCT 7 สปีด
ระบบขับเคลื่อน

2 ล้อหน้า

อัตราเร่ง 0-100 8.1 วินาที
ความเร็วสูงสุด 230 กม./ชม.

 

ระบบกันสะเทือนหน้า / หลัง แมคเฟอร์สันสตรัท / ปีกนกคู่
ระบบเบรคหน้า/หลัง ดิสเบรค พร้อมครีบระบายความร้อน
ขนาดยางล้อ 205 / 55 R17
ความจุน้ำมันเชื้อเพลิง 43 ลิตร
ราคา 2,399,000 บาท

 

การขับขี่ A 200 Progressive

ในส่วนของการขับขี่ Mercedes-Benz A 200 Progressive คันนี้ ผมเน้นการขับขี่ในเมืองเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์ที่เจอกับการจราจรอันแสนติดขัด, ขับบนทางด่วน กระทั่งขับทางไกล โดยขอแบ่งเรื่องของตัวรถออกเป็นเรื่องๆ นะครับ เริ่มต้นตั้งแต่เรื่องของทัศนวิสัยการขับขี่กันก่อน


Mercedes-Benz A 200 เนี้ย โดยรวมแล้วจัดเป็นรถที่เน้นเรื่องการขับมากๆ ครับ ทัศนวิสัยการมองของเค้าเนี้ยถือว่าทำมาได้ดีครับ กระจกบานหน้ามีขนาดใหญ่ สูง กว้าง มองไกลชัด มองระยะสั้นก็ง่าย การเข้าโค้งแคบของรถเนี้ยจัดว่าดีมากๆ เพราะตำแหน่งการติดตั้งกระจกมองข้างของเค้า มีการเว้นช่องว่างจากเสา A ทำให้เวลามองเข้าไปในโค้งเนี้ยทำได้ง่าย ไม่มีจุดบอดสายตาเลยแม้แต่น้อย

 

ตัวเบาะนั่งโดยภาพรวมจัดว่าดีมากๆ ด้วยเบาะนั่งระบบไฟฟ้า ที่สามารถเซฟการตั้งค่าได้ 3 โปรไฟล์ อีกทั้งปรับตัวดันหลังได้ด้วย จัดว่าละเอียดดีมากๆ นอกจากนี้ ในโปรไฟล์ของเบาะนั่งนี้ เค้าเซฟการตั้งค่าการปรับกระจกมองข้างไว้ให้ด้วย จัดว่าเก็บรายละเอียดมาครบๆ เลย นั่งขับแล้วสบายหายห่วง พื้นที่วางเท้าจัดว่ากว้างขวางกำลังดี มีที่พักเท้าซ้ายยกขึ้นมารับกับตำแหน่งของขาซ้ายได้อย่างลงตัว

ฟีลลิ่งการขับขี่รถรุ่นนี้มอบความกระชับที่ดีมากๆ อัตราเร่งจัดว่ามาเร็วเอาเรื่อง แต่ก็ยังมีความหน่วงมาให้ตามโหมดการขับขี่ที่เราตั้งไว้
โดยในโหมดพื้นฐานอย่าง Comfort ตัวรถจะเซ็ตให้มีคันเร่งแบบมีความหน่วงบ้าง ให้พวงมาลัยมีน้ำหนักเบามากๆ ในความเร็วต่ำ และหน่วงกำลังดีในความเร็วสูง จัดเป็นโหมดที่ขับสบายสมชื่อของมัน
ซึ่งโหมดนี้เวลาขับในเมืองจัดว่าดีเยี่ยมมากๆ ด้วยพวงมาลัยน้ำหนักเบา ทำให้เวลาขับในเมืองเนี้ยชิลล์มากๆ ครับ
ส่วนอัตราเร่งไม่ต้องห่วง ตัวรถยังมอบอัตราเร่งมหาศาลได้ปกติ แต่จะมีระยะหน่วงคันเร่งออกมาให้เห็นบ้าง เพื่อลดอาการหัวโยกนั่นเอง

ส่วนใครที่ชื่นชอบความเร้าใจตามสไตล์รถ Compact car ต้องโหมด Sport ครับ อัตราเร่งมาเร็วทันใจขึ้นเป็นอย่างมาก กดเป็นมาทุกจังหวะการเติมคันเร่ง พวงมาลัยถูกเซ็ตให้มีน้ำหนักมากขึ้นในทุกย่านความเร็ว และระยะการเปลี่ยนเกียร์ถูกเพิ่มขึ้นไปจนแตะระดับ Redline เพื่อรีดเอากำลังสูงสุดของตัวรถมาแบบเต็มๆ

และที่สำคัญ ไม่ว่าจะขับโหมดไหน หากกดรอบเครื่องสูงๆ และถอนคันเร่ง เราจะได้ยินเสียงโบลวออฟจากเทอร์โบแบบเพราะๆ มาให้ด้วย แหม่ รถคันนี้เอาใจสายซิ่งจริงๆ

ส่วนท่านที่ต้องการอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงแบบคุ้มค่า เน้นขับขี่แบบประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง โหมด Eco คือคำตอบครับ
ในโหมด Eco ของ A 200 นี้จัดว่า "ประหยัดน้ำมันมาก" โดยเฉพาะเวลาเราขับในย่านความเร็ว 40-90 กม./ชม. หากคุณใช้ Cruise control หรือยกคันเร่งในย่านความเร็วดังกล่าว
ตัวรถจะเข้าเกียร์ D สีเขียว โดยอัตโนมัติ ซึ่งเป็นจังหวะที่รถแทบจะไม่มี Engine brake แต่อย่างใด ส่งผลให้ตัวรถไหลไปเรื่อยๆ แบบไม่มีแรงหน่วงใดๆ จากเครื่องยนต์ ช่วยรักษาความเร็วของตัวรถให้ไหลไปได้เรื่อยๆ ไม่มีแรงหน่วงให้ความเร็วลดลงอย่างรวดเร็วเหมือน Engine Brake ปกติ อันนี้เนี้ยโดยส่วนตัวผมชอบมากๆ เพราะมันช่วยทำให้ประหยัดน้ำมันมากขึ้นครับ โดยเวลาเกียร์ D เขียวทำงาน รอบเครื่องยนต์ของรถจะลดต่ำมากๆ ประดุจเหมือนเราเข้าเกียร์ว่างเลยทีเดียวเชียว

ส่วนเวลากดคันเร่งเนี้ย ก็ยังกดเป็นมาเหมือนเดิม แต่จะมีความหน่วงของคันเร่งเหมือนโหมด Comfort และพวงมาลัยเบาสบายแบบโหมด Comfort เลยครับ

และถ้าทั้ง 3 โหมดยังไม่ถูกใจท่าน ก็สามารถเข้ามาปรับแต่งเป็นแบบของตัวเองได้ในโหมด Individual ครับผม

 

ระบบเบรกติดรถเนี้ยจัดว่ามีประสิทธิภาพที่ดีมากๆ มอบระยะเบรกที่สั้นมากๆ เอารถอยู่ได้แบบสบายมากๆ

ตัวช่วงล่างของตัวรถ จัดว่ามาในแบบนุ่มนวล มีลักษณ์ที่แตกต่างจากรุ่น AMG Dynamic ค่อนข้างชัดเจนครับ เพราะตัว Progressive เนี้ย เค้าจะออกไปในแนวนุ่มๆ มากกว่า ส่วนตัวนั้นเค้าจะมีความสปอร์ตมากกว่าค่อนข้างชัดเจน

การซับแรงกระแทกของตัวนี้จัดว่าค่อนข้างดีครับ แม้จะมีความแข็งๆ ให้เห็นบ้างเล็กน้อย แต่โดยรวมๆ ถือว่าค่อนข้างนุ่มนวลครับ

ทว่า หากเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงเนี้ย รุ่น AMG Dynamic ทำได้ดีกว่าในระดับหนึ่งเลย

เพิ่มจากรถญี่ปุ่น คุ้มไหม?

โดยสรุปแล้ว สำหรับ Mercedes-Benz A 200 Progressive จัดเป็นรถเบนซ์รุ่นที่มีราคาเข้าถึงได้ง่ายที่สุด ณ ขณะนี้ กับราคาวางจำหน่ายที่ 1,990,000 บาท เหมาะสำหรับท่านที่อยากได้รถยุโรปในงบประมาณที่เข้าถึงได้ง่าย หรืออาจจะลังเลระหว่างรถญี่ปุ่นรุ่นท็อป กับรถยุโรปรุ่นเริ่มต้น เจ้าตัว Mercedes-Benz A 200 Progressive จัดว่าน่าสนใจไม่น้อยครับ
เพราะด้วยสังคมบ้านเรานั้น เวลาเค้ามองเห็นตราดาวแต่ไกลเนี้ย ได้เรื่องของภาพลักษณ์ความพรีเมี่ยมแบบเต็มๆ เลย
อีกทั้ง เรื่องของภาพรวมของตัวรถเนี้ย เค้าก็มี DNA ของ Mercedes-Benz เก็บมาแบบครบๆ เอาว่าถ้าเน้นเรื่องราคาคุ้มค่าเนี้ย A 200 Progressive จัดว่า "คุ้มค่า" ครับ

เพราะทุกฟังก์ชั่นที่เค้าให้มาเนี้ย ถึงจะมีไม่เยอะ แต่ที่มีนั้นทำงานได้ "ยอดเยี่ยม" ไม่ว่าจะเป็นกล้องมองหลังที่มีคุณภาพสูงมาก มีความคมชัดสูงมากๆ มองกลางคืนยังชัด แถมมีระบบพับเก็บอัตโนมัติเมื่อไม่ได้ใช้งานด้วย เวลาขับรถไปเจอถนนเละๆ พังๆ ฝุ่น โคลนเยอะๆ หมดปัญหาเรื่องหน้าเลนส์สกปรกไปได้เลย

อีกจุดหนึ่งที่ดีมากๆ นั่นคือเซ็นเซอร์เตือนการเฉี่ยวชนรอบคัน ที่ติดยันด้านข้างของตัวรถเลย และทำงานไวมากๆ โดยในตัวรถจะมีหน้าจอแจ้งเตือนตำแหน่งสุ่มเสี่ยงต่อการปะทะมาให้อย่างละเอียด อันนี้ดีมากๆ ช่วยลดโอกาสเฉี่ยวชนโดยไม่ได้ตัดใจ โดยเฉพาะเวลาจอดรถได้เป็นอย่างดี

ส่วนใครที่อยากได้ความสปอร์ตเพิ่มเติมสักหน่อย อยากให้รถดูวิบวับๆ กว่านี้สักนิด ขอแนะนำอัพไปรุ่น AMG Dynamic เลยครับ เพิ่มเงินอีกราว 200,000 บาท คุณจะได้เป็นชุดแต่ง AMG Dynamic รอบคัน ซึ่งช่วยทำให้ตัวรถเนี้ยดูมีความสปอร์ตมากขึ้นอีกระดับหนึ่ง
ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความชอบแล้วล่ะครับว่า ชอบแบบเรียบหรู ดูก็รู้ว่านี่คือ Mercedes-Benz หรืออยากได้แบบวัยรุ่นๆ อีกนิดนึงก็อัพเป็นตัว AMG Dynamic ไปเลย จัดว่าน่าสนใจทั้งคู่ครับ

สำหรับราคาวางจำหน่ายของ Mercedes-Benz A 200 Progressive คันนี้ อยู่ที่ 1,990,000 บาท ท่านที่สนใจก็สามารถไปจับจองเป็นเจ้าของได้แล้ววันนี้ที่ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ Mercedes-Benz ทั่วประเทศครับ

 

อ่าน รีวิว Mercedes-Benz GLA 200 AMG Dynamic 2021 กว้างกว่า สบายกว่า
อ่าน รีวิว Mercedes-Benz A200 AMG Dynamic เครื่องเล็ก แต่แรงเอาเรื่อง
อ่าน Mercedes-Benz GLB 200 Progressive รถอเนกประสงค์ สายลุย ขับสบายทั้งในเมืองและออกทริป

ติดตามข่าวรถยนต์ ราคารถยนต์ รีวิวรถยนต์ และจักรยานยนต์ทุกยี่ห้อ กับเรา Autospinn
แชร์ความคิดเห็นบนเว็บบอร์ด Autospinn คลิกเลย webboard.autospinn.com  
เช็คโปรโมชั่นรถใหม่ เช็คราคารถใหม่ ได้ที่นี่ 
ราคารถมือสอง ซื้อรถมือสอง ขายรถมือสอง เชิญได้เลยที่ one2car

 


ความคิดเห็น


เรียกดูข่าวตามประเภทยานพาหนะ

ค้นหาข่าวโดยยี่ห้อ