รีวิว Mercedes-Benz GLA 200 AMG Dynamic 2021 กว้างกว่า สบายกว่า

Mercedes-Benz GLA 200 AMG Dynamic 2021 ร่างพัฒนาต่อยอดจาก GLA 200 รุ่นก่อนหน้านี้ โดยในรุ่นใหม่นอกจากดีไซน์ใหม่รอบคันแล้ว ยังได้พื้นที่ใช้สอย และความสะดวกสบายที่เหนือกว่ารุ่นเดิม

GLA 200 AMG Dynamic 2021 รีวิว

Mercedes-Benz GLA 200 AMG Dynamic 2021 รถยนต์นั่งอเนกประสงค์รุ่นเริ่มต้นจากค่ายตราดาว จัดเป็นรถยนต์รุ่นยอดนิยมอีกรุ่นหนึ่งของแบรนด์ ด้วยราคาวางจำหน่ายของตัวรถที่เรียกได้ว่าเข้าถึงง่ายกับราคา 2,399,000 บาท มาพร้อมกับดีไซน์อันสวยงามตามสไตล์ Mercedes-Benz ที่เน้นเรื่องของความหรูหรา แต่ก็มีการเติมความเป็นสปอร์ตด้วยชุดแต่ง AMG ในหลายจุดได้อย่างลงตัว ทำให้ Mercedes-Benz GLA 200 AMG Dynamic คันนี้ ดูหรูหรา และดูสมาร์ทสไตล์สปอร์ตได้อย่างลงตัว โดยรถคันนี้เป็นรถประกอบในประเทศไทยทั้งคัน

Mercedes-Benz GLA 200 AMG Dynamic 2021 ถูกพัฒนาขึ้นมาใหม่ทั้งคัน บนรหัสตัวถัง H247 ที่มีการพัฒนาใหม่ให้ตัวรถมีความกว้าง และสูงขึ้นกว่าโมเดลเดิม ส่งผลให้บรรยากาศภายในห้องโดยสารนั้นดูโปร่ง โล่ง สบายมากกว่ารุ่นก่อนหน้าอย่างชัดเจน มาพร้อมกับขุมพลังใหม่เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบเรียง ขนาดความจุกระบอกสูบ 1.3 ลิตร พ่วงด้วยเทอร์โบ พละกำลังสูงสุด 163 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร ที่ 1,620-4,000 รอบ/นาที

การออกแบบภายนอก

ดีไซน์ภายนอกของ Mercedes-Benz GLA 200 AMG Dynamic 2021 ด้วยความที่ตัวรถถูกปรับโฉมใหม่ทั้งคัน อันเนื่องมาจากพื้นฐานของตัวถังรถที่มีความแตกต่างกันเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ทาง Mercedes-Benz ก็เสริมความโดดเด่นของตัวรถให้ดูหรูหราสไตล์สปอร์ตด้วยชุดแต่ง AMG Line โดดเด่นด้วยกระจังหน้าแบบ Diamond Grille ที่ดูหรูหรา โดดเด่น พร้อมโลโก้ Mercedes-Benz ขนาดใหญ่ ติดตั้งอยู่บริเวณด้านหน้ารถ และบนฝากระโปรงหน้า

ไฟหน้าแบบ LED Hi Performance ดีไซน์ใหม่ มาพร้อมกับไฟ DRL เสริมความโดดเด่นในระหว่างการขับขี่ช่วงกลางวันให้มากขึ้นกว่าเดิม โดยตัวไฟหน้านี้มาพร้อมกับระบบเปิดไฟหน้าอัตโนมัติมาแล้ว

ถัดมาด้านข้าง โดดเด่นด้วยล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตจาก AMG แบบ 5 ก้านคู่ ขนาด 19 นิ้ว รัดยาง 235/50 R19 เสริมความหล่อเหลาให้กับตัวรถมากขึ้น มาพร้อมกับระบบเบรกแบบดิสก์เบรก 4 ล้อ

ด้านข้างตัวรถ ตกแต่งด้วยชุดสเกิร์ตข้างสีดำตัดโครเมี่ยม ช่วยเพิ่มความสปอร์ตให้กับตัวรถได้เป็นอย่างดี ส่วนมือจับประตู มีระบบ Keyless-GO มาให้ทั้งคัน

ถัดมาด้านหลัง โดดเด่นด้วยไฟท้ายดีไซน์ใหม่ โดยตัวไฟท้ายออกแบบมาในรูปแบบใกล้เคียงกับรุ่นพี่อย่าง GLC, GLC และ GLE ประตูห้องเก็บสัมภาระขนาดใหญ่ พร้อมปุ่มเปิดจากด้านหลัง

กันชนด้านหลังสไตล์ AMG โดดเด่นด้วยท่อไอเสียคู่ มาพร้อมกับดิฟฟิวเซอร์เป็นอุปกรณ์ตกแต่ง

Mercedes-Benz GLA 200 AMG Dynamic ภายใน

เปิดเข้ามาภายในห้องโดยสาร ตกแต่งภายในแบบ AMG Interior Package โดยมีการเสริมในส่วนของแผงคาร์บอนที่คอนโซล และบริเวณข้างประตูรถ

แผงควบคุมระบบต่างๆ บริเวณคอนโซลถูกปรับปรุงใหม่ทั้งหมดแล้วให้ดูทันสมัยมากขึ้นกว่ารุ่นเดิมอย่างชัดเจน โดดเด่นด้วยไฟ Ambient Light ที่ช่วยเสริมความหรูหราให้กับตัวรถ

ไฟ Ambient lighting สามารถปรับเปลี่ยนได้ถึง 64 เฉดสีด้วยกัน ส่วนนี้ผมค่อนข้างชื่นชอบเป็นการส่วนตัว เพราะเขาตกแต่งห้องโดยสารด้วยการวางตำแหน่งไฟได้ดีจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นบริเวณแผงประตู, คอนโซล และช่องแอร์ ช่วยเสริมความพรีเมี่ยมให้กับตัวรถได้เป็นอย่างดี

เบาะนั่งตอนหน้า เป็นเบาะหนัง Artico เดินด้ายสีแดง สลับกับผ้า Dynamica ที่โอบลำตัวได้กระชับกำลังดี โดยตัวเบาะนั่งคู่หน้าสามารถปรับระดับได้ด้วยระบบไฟฟ้าทุกทิศทาง อีกทั้งยังมีปุ่มตั้งค่าการปรับเบาะนั่งมาให้จำนวน 3 โปรไฟล์ด้วยกันทั้ง 2 ฝั่ง

แผงคอนโซลตัวรถใหม่ทั้งหมดที่ปรับปรุงให้ดูมีความทันสมัยมากขึ้นอย่างชัดเจน โดดเด่นด้วยหน้าจอระบบสัมผัสความคมชัดสูง ขนาดใหญ่ถึง 10.25 นิ้ว เป็นแบบ 2 จอติดกันเป็นชิ้นเดียว รองรับ Apple CarPlay โดยตัวจอจะแบ่งการแสดงผลระหว่างหน้าจอข้อมูลการขับขี่ที่ฝั่งผู้ขับ และหน้าจอควบคุมระบบอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่ฝั่งซ้าย โดยข้อมูลต่างๆ บนหน้าจอนี้สามารถควบคุมได้ผ่าน Touchpad หรือสัมผัสที่จอก็ได้

โดย GLA 200 AMG Dynamic คันนี้ มาพร้อมกับระบบ MBUX (Mercedes-Benz User Experience) เทคโนโลยีอัฉริยะทำหน้าที่เสมือนเพื่อนที่รู้ใจของเรา ตัวระบบสามารถจดจำพฤติกรรมการขับขี่ รวมถึงการใช้อุปกรณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งเบาะนั่ง หรือเพลงโปรดของเรา ระบบนี้ก็สามารถจัดการให้เราได้ โดยระบบนี้เราสามารถสั่งการผ่านทัชแพด, สัมผัสที่หน้าจอ, สั่งการผ่านพวงมาลัย หรือสั่งการด้วยเสียงก็ได้เพียงพูดว่า “เฮ้ เมอร์เซเดส” เพียงเท่านี้คุณก็สามารถเรียกดูเมนูต่างๆ จาก MBUX ได้ง่ายๆ ช่วยอำนวยความสะดวกได้เป็นอย่างดี

นอกจากนี้ ยังมีระบบ Mercedes-Me Connect ที่จะเชื่อมต่อข้อมูลระหว่างโทรศัพท์มือถือกับตัวรถยนต์ของเราได้อย่างละเอียด และยังสามารถสั่งปลดล็อกรถจากระยะไกลได้กระทั่งคุณอยู่ต่างประเทศ ยังสั่งปลดล็อกรถได้เลย

หน้าจอเรือนไมล์ของตัวรถ สามารถปรับเปลี่ยนได้ถึง 4 รูปแบบด้วยกัน ตามความต้องการของผู้ขับขี่ หรือจะคัสต้อมเอาข้อมูลการขับขี่ขึ้นมา, ระบบนำทาง, ระบบความบันเทิงต่างๆ และอื่นๆ อีกมากมาย สามารถเลือกมาแสดงบนหน้าจอนี้ได้เช่นกัน โดยผู้ขับขี่สามารถควบคุมทั้งหมดนี้ได้ผ่านแผงควบคุมบนพวงมาลัยฝั่งขวา

หน้าจอมัลติมีเดียตรงกลางรถ นอกจากจะเป็นหน้าจอสำหรับควบคุมความบันเทิงต่างๆ ในตัวรถ ไม่ว่าจะเป็นวิทยุ, เพลง, Apple CarPlay, ปรับเปลี่ยน Ambient Light ยังใช้เป็นหน้าจอแสดงผลการทำงานของตัวรถอย่างละเอียดได้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นโหมดการขับขี่, สถานะการทำงานของรถ, ระบบความปลอดภัย และอื่นๆ อีกมากมาย สามารถควบคุมการสั่งการผ่านหน้าจอตรงกลางได้ทั้งหมด โดยหน้าจอตรงกลางสามารถควบคุมได้จาก 3 จุดด้วยกัน ได้แก่การสัมผัสที่หน้าจอ, ทัชแพดซ้ายบนพวงมาลัย และทัชแพดขนาดใหญ่ บริเวณตรงกลางของคอนโซลรถ

พวงมาลัย เป็นแบบมัลติฟังก์ชั่น 3 ก้าน ดีไซน์ท้ายตัดเสริมความสปอร์ต โดยแผงควบคุมการทำงานของตัวรถเกือบทั้งหมด สามารถสั่งการบนพวงมาลัยได้เลย ขนาดของพวงมาลัยไม่เล็ก ไม่ใหญ่จนเกินไป มีน้ำหนักค่อนข้างเบามาก เมื่อขับในย่านความเร็วต่ำ ยังสัมผัสได้ถึงความแน่น และแม่นยำของพวงมาลัย และเมื่อขับในย่านความเร็วสูง พวงมาลัยก็ตอบสนองได้ดีเยี่ยม คม หน่วงมือกำลังดี นอกจากนี้ยังติดตั้ง Paddle shift มาให้สำหรับท่านที่ต้องการความสปอร์ต อยากเปลี่ยนเกียร์เอง ก็สามารถทำได้

ส่วนคันเกียร์ของรถคันนี้ จะติดตั้งอยู่บริเวณด้านขวาของพวงมาลัย ลักษณะคล้ายกับก้านปัดน้ำฝน

ตัวช่องแอร์ ถูกออกแบบเป็นทรงกลม ดีไซน์คล้ายกับเครื่องยนต์ Jet ของเครื่องบิน ส่วนแผงคอนโซลตกแต่งด้วยหนังบุนุ่ม เดินด้ายสีแดง และฝั่งผู้โดยสารด้านหน้ามีการตกแต่งด้วยลวดลายคาร์บอน ช่วยเสริมความสปอร์ตให้กับตัวรถได้เป็นอย่างดี

บริเวณด้านใต้คอนโซล เมื่อเปิดแผ่นปิดออกมาจะพบกับที่วางแก้ว 2 ตำแหน่ง และช่องชาร์จโทรศัพท์แบบ USB-C ที่ใช้เป็นช่องเชื่อมต่อ Apple CarPlay

ถัดมาในส่วนของทัชแพดกลาง มีขนาดค่อนข้างใหญ่ ผิวสัมผัสดี ใช้สำหรับควบคุมระบบการทำงานต่างๆ บนหน้าจอแสดงผลของตัวรถ มาพร้อมกับที่รองข้อมือ ทำให้การควบคุมแม่นยำมากยิ่งขึ้น

ช่องเก็บของตรงกลาง เป็นแบบเปิดออก 2 ข้าง สามารถใส่โทรศัพท์ iPhone 12 Pro Max ลงไปได้สบายๆ มาพร้อมกับช่องชาร์จแบตแบบ USB-C อีก 2 ช่อง และบริเวณเพดานหน้ารถ นอกจากไฟอ่านแผนที่แล้ว มาพร้อมกับช่องเก็บแว่น, ปุ่มกดโทรหา Mercedes-Me และปุ่มโทรฉุกเฉิน

2021 GLA 200 กว้างกว่ารุ่นเดิม

พื้นที่โดยสารด้านหลัง สัมผัสได้ถึงความกว้างที่มากขึ้น ระยะห่างระหว่างเบาะหน้ามากขึ้น เพดานรถโปร่งขึ้น สูงกว่ารุ่นเดิมอย่างชัดเจน มาพร้อมกับที่วางแขนตรงกลาง และที่วางแก้วน้ำ 2 จุด

ส่วนระบบอำนวยความสะดวกด้านหลัง ให้ช่องชาร์จ USB-C มา 2 ช่อง พร้อมตำแหน่งวางขวดน้ำที่ข้างประตูทั้ง 2 ฝั่ง

พื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลัง ขนาดความจุที่ 435 ลิตร และเมื่อพับเบาะนั่งด้านหลังจะเพิ่มพื้นที่ความจุได้มากขึ้นเป็น 1,430 ลิตรเลยทีเดียว โดยเบาะนั่งด้านหลังของรถรุ่นนี้เป็นแบบพับแยก 2 ฝั่ง

ระบบความปลอดภัย Mercedes-Benz GLA 200 AMG Dynamic

• ระบบช่วยเบรคอัตโนมัติ Active Brake Assist  ช่วยตรวจจับระยะห่างระหว่างรถยนต์คันหน้าผ่านสัญญาณเรดาร์
• ระบบช่วยนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ Active Parking Assist พร้อมเซ็นเซอร์ช่วยการนำรถเข้าจอด Parktronic
• ระบบควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ
• ระบบเบรค ABS
• ระบบ Traction Control
• ถุงลมนิรภัยรอบคัน
• กล้องมองหลัง
• เซ็นเซอร์รอบคัน
• โหมดการขับขี่ 4 โหมด (Eco, Comfort, Sport, Individual)
• ไฟหน้า LED Hi Performance

ระบบอำนวยความสะดวก

• เบาะนั่งคู่หน้าปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง
• ระบบ MBUX (Mercedes-Benz User Experience)
• ระบบ Mercedes me connect
• เบาะนั่งคู่หน้าปรับไฟฟ้า
• Apple CarPlay / Android Auto

เครื่องยนต์ใหม่ 1.3 ลิตร

เครื่องยนต์ใหม่ใน Mercedes-Benz GLA 200 AMG Dynamic ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบเรียง ขนาด 1,332cc เทอร์โบ พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ มอบพละกำลังสูงสุด 163 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร ที่ 1,620 – 4,000 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ DCT 7 สปีด อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ใน 8.7 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 210 กม./ชม.

Mercedes-Benz GLA 200 AMG Dynamic สเป็คและราคา

มิติรถ 

ลองขับ Mercedes-Benz GLA 200 AMG Dynamic

ในส่วนของการทดสอบขับขี่ Mercedes-Benz GLA 200 AMG Dynamic ผมมีโอกาสทดสอบรถยนต์คันนี้กับระยะทางมากกว่า 1,000 กิโลเมตรบนเส้นทางไฮเวย์เป็นหลัก

สัมผัสที่ได้จากรถคันนี้จัดว่าเป็นรถ SUV ขนาดเริ่มต้นที่ขับสนุกมากๆ โดดเด่นด้วยกำลังจากเครื่องยนต์เบนซิน 1.3 ลิตรเทอร์โบ ที่ให้แรงบิดสูงถึง 250 นิวตันเมตร ตั้งแต่รอบเครื่องยนต์ต่ำ ทำให้อัตราเร่งของรถคันนี้เรียกได้ว่ากดเป็นมาในทุกย่านความเร็ว บอกได้เลยว่าเรื่องของพละกำลังของเครื่องยนต์ 1.3 ลิตรใน GLA 200 รุ่นใหม่นี้ หายห่วง แรงทันใจตอบโจทย์ทุกการขับขี่อย่างแน่นอน

สัมผัสของพวงมาลัยรถค่อนข้างคมมากๆ และมีน้ำหนักค่อนข้างเบา ทำให้การขับขี่ทั้งในเมือง และบนทางด่วนนั้นทำได้ง่ายมากๆ การขับในเมืองที่จำเป็นต้องเลี้ยวซอกแซกเข้าซอยต่างๆ ทำได้ง่ายมาก ไม่กินแรงหมุนพวงมาลัยของผู้ขับขี่เลยแม้แต่น้อย

ส่วนการขับขี่ในย่านความเร็วสูง ตัวพวงมาลัยก็เซ็ตมาได้ดีเยี่ยมมากๆ ให้น้ำหนักที่หนักกำลังดี เหมาะสำหรับการใช้ความเร็วสูงที่ยังต้องการเปลี่ยนช่องทางเดินรถด้วยความแม่นยำ ก็ยังตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี

ช่วงล่างติดรถที่ให้มา จัดอยู่ในเกณฑ์ครอบคลุมการใช้งานทั่วไปทั้งหมดแล้ว โดยสัมผัสของช่วงล่างรถคันนี้จะให้ความนุ่มที่กำลังดี มีฟิลลิ่งความแน่นๆ สไตล์สปอร์ตมาให้บ้างเพียงพอต่อความบันเทิงในการเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง รถคันนี้ก็ยังตอบโจทย์ เพราะแทบจะไม่มีอาการโยนโค้งจนน่ากลัวมากนัก แม้ว่ารถคันนี้จะเป็นตระกูล SUV ก็ตาม

ทัศนวิสัยการมองเห็นของตัวรถ เมื่อเทียบกับรุ่นเดิมแล้วถือว่าพัฒนาดีขึ้นมามากเลยทีเดียว ด้วยความที่ห้องโดยสารมีความโปร่ง โล่งมากขึ้น ทำให้มุมมองการมองเห็นของผู้ขับขี่นั้นสะดวกมากกว่าเดิม และยังตอบโจทย์กับมือใหม่ขับรถ SUV คันแรกด้วยสันบริเวณฝากระโปรงรถที่นูนขึ้นมาตรงกับกึ่งกลางของตัวผู้ขับขี่ ทำให้ผู้ขับขี่สามารถกะระยะหน้ารถได้ง่ายขึ้นอีกด้วย ตอบโจทย์กับมือใหม่เป็นอย่างยิ่ง

เบาะนั่งของรถ อยู่ในระดับที่ค่อนข้างแข็ง ทว่าความแข็งของเบาะนั่งกลับไม่ได้สร้างความปวดเมื่อยใดๆ ให้กับตัวผมเลยแม้แต่น้อย แม้จะใช้ระยะเวลาการขับขี่ในแต่ละครั้งนานกว่า 2 ชั่วโมงก็ตามแต่ ตัวเบาะนั่งที่ว่าแข็ง กลับไม่ได้สร้างความปวดเมื่อยแม้แต่น้อย บอกได้เลยว่าเรื่องเบาะนั่งรอบนี้งานดีจริงๆ

ส่วนเบาะนั่งด้านหลังเรียกได้ว่านั่งสนุก หลับสบาย ด้วยพื้นที่ภายในห้องโดยสารที่โปร่ง โล่งมากขึ้น ทำให้ผู้โดยสารตอนหลังจะ Enjoy ไปกับทุกเส้นทางที่ร่วมไปได้มากกว่าเดิมอย่างแน่นอน

สรุป Mercedes-Benz GLA 200 2021 น่าใช้ไหม?

โดยสรุปแล้วสำหรับ Mercedes-Benz GLA 200 รุ่นปี 2021 เป็นการพัฒนาการครั้งใหม่ของรถยนต์รหัสนี้ที่ดีขึ้นกว่ารุ่นเดิมเป็นอย่างยิ่ง ด้วยห้องโดยสารของตัวรถที่กว้างขวางกว่าเดิมอย่างชัดเจน รวมถึงระบบการทำงานต่างๆ และการเซ็ตรถมาที่ทำได้ดีเยี่ยม วัสดุต่างๆ ที่ติดรถมาเป็นแบบพรีเมี่ยมทั้งคัน จัดเป็นรถ SUV ที่เหมาะสำหรับท่านที่กำลังตัดสินใจซื้อรถยนต์ในพิกัดราคาราว 2 ล้านบาท ที่น่าสนใจเป็นอันดับต้นๆ เลยทีเดียว

และเป็นรถยนต์ SUV ที่ตอบโจทย์ทั้งมือใหม่หัดขับ, มือเก๋าที่หารถคันใหม่, คนที่อยากเสริมภาพลักษณ์ของตนเองด้วยรถยุโรปสักคัน บอกได้เลยว่าการที่ท่านเหล่านี้จะครอบครอง Mercedes-Benz GLA 200 2021 ไม่ผิดหวังแน่นอน ด้วยราคาจำหน่ายที่ 2,399,000 บาท ท่านที่สนใจสามารถสัมผัสและจับจองได้ที่ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ Mercedes-Benz ทั่วประเทศ

ติดตามข่าวรถยนต์ ราคารถยนต์ รีวิวรถยนต์ และจักรยานยนต์ทุกยี่ห้อ กับเรา Autospinn
แชร์ความคิดเห็นบนเว็บบอร์ด Autospinn คลิกเลย webboard.autospinn.com  
เช็คโปรโมชั่นรถใหม่ เช็คราคารถใหม่ ได้ที่นี่ 
ราคารถมือสอง ซื้อรถมือสอง ขายรถมือสอง เชิญได้เลยที่ one2car