รีวิว Isuzu MU-X 2023 ออฟชั่นเพิ่มขึ้น แต่ยังขับดีเหมือนเดิม Share this
รีวิวรถยนต์
โหมดการอ่าน

รีวิว Isuzu MU-X 2023 ออฟชั่นเพิ่มขึ้น แต่ยังขับดีเหมือนเดิม

Champ Autospinn
โพสต์เมื่อ 06 February 2566

ปัจจุบัน รถยนต์อเนกประสงค์ PPV ถือเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ สำหรับผู้ที่ต้องการซื้อไปใช้งาน เพราะเป็นรถที่ใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งบรรทุกคน บรรทุกของ


 

รถยนต์อเนกประสงค์ PPV มีโครงสร้างพื้นฐานมาจากรถกระบะ แต่ถูกออกแบบให้มีพื้นที่ใช้สอยภายใน และมีจำนวนที่นั่งสำหรับผู้โดยสารที่มากกว่า ช่วงล่างที่ถูกออกแบบให้มีความนุ่มนวลกว่ารถกระบะ ทำให้การโดยสารนั่งได้สบายขึ้น อีกทั้งยังสามารถลุยไปได้ทุกที่

สำหรับ Isuzu MU-X ถือเป็นรถ PPV ยอดนิยมอีกหนึ่งรุ่น ที่ต่อยอดมาจาก Isuzu MU-7 รุ่นที่ขายดิบขายดีในยุคปี 2005-2013 ก่อนที่ MU-7 จะเลิกขายและแทนที่ด้วยรุ่น MU-X

Isuzu MU-X โฉมแรก เปิดตัวในไทยช่วงปี 2013 ซึ่งก็ขายดิบขายดีไม่แพ้ MU-7 เลยทีเดียวครับ และหลังจากที่ MU-X ทำตลาดมาจนถึงช่วงปี 2019 ทางอีซูซุก็ได้สร้างเสียงฮือฮาอีกครั้ง ด้วยการเปิดตัว Isuzu MU-X โฉมที่ 2 ที่มาพร้อมหน้าตาอันเฉียบคม ได้ใจสาวกอีซูซุกันไปแบบเต็ม ๆ หลังจากนั้นช่วงเดือนตุลาคม ปี 2022 ที่ผ่านมา ทางอีซูซุได้ทำการไมเนอร์เชนจ์แต่งหน้าทาปากใหม่ พร้อมกับใส่ออฟชั่นให้เข้ากับยุคสมัยมากขึ้น สำหรับคันที่ออโต้สปินน์นำมารีวิวในครั้งนี้ เป็นรุ่นท็อปสุด 3.0 Ultimate 4X4 ราคา 1.639 ล้านบาท ซึ่งราคาเพิ่มขึ้นจากเดิมเล็กน้อยแต่ก็มาพร้อมออฟชั่นที่มากขึ้นด้วย

รับชมรีวิวรูปแบบวีดีโอได้ที่นี่

ภายนอก Isuzu MU-X 3.0 Ultimate 4X4

Isuzu MU-X ในปี 2023 นี้ ได้เพิ่มสีใหม่ สีน้ำเงินกลาเซียร์ ไมก้า (Glacier Blue Mica) และสีเทาไอลาย์ โอเพค (รุ่นพิเศษ) โดยตัดสีน้ำตาลของในรุ่นก่อนออก ทำให้ในปี 2023 นี้ จะมีให้เลือกทั้งหมด 7 สี ได้แก่

  1. น้ำเงินกลาเซียร์ ไมก้า (สีใหม่)
  2. แดงเอทนา ไมก้า
  3. เงินโบฮีเมียน เมทัลลิก (บรอนเงิน)
  4. เงินไอซ์เบิร์ก ไมก้า (เทาดำ)
  5. ดำบาวาเรียน ไมก้า
  6. ขาวมุกโดโลไมท์ (เพิ่มเงิน 12,000)
  7. เทาไอลาย์ โอเพค (เฉพาะรุ่นพิเศษเท่านั้น)

นอกจากสีตัวถังแล้ว ยังมีการปรับเปลี่ยนจุดเล็ก ๆ อีกหลายจุด อย่างเช่นกระจังหน้าสีใหม่ Black Chrome ดูสวยงามดุดัน ลงตัวมากขึ้น

ชุดแต่งรอบคัน ในเฉดสี Magnetite Gray รวมถึงแร็คหลังคา และขอบชายบันไดข้าง

ไฟท้ายโทนสีใหม่เทาดำ LED สไตล์ Winglet Signature เล่นระดับแบบ 3 มิติ

ล้ออัลลอยลายใหม่ Dynamic Rotor Blade สี Magnetite Gray ปัดเงา ขนาด 20 นิ้ว ต่างจากในรุ่นก่อนที่เป็นลายใบพัด

เพิ่มระบบฝาท้ายไฟฟ้า Smart Tailgate เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า ทำงานร่วมกับระบบ Step Sensor เป็นฝาท้ายที่มีลูกเล่นน่าสนใจและใช้งานง่ายเลยทีเดียวครับ เพียงแค่เดินเข้าใกล้เซนเซอร์ด้านท้าย แล้วถอยหลังออกมาประมาณ 2 ก้าว ฝาท้ายก็จะเปิดให้เอง โดยไม่ต้องใช้มือ และไม่ต้องใช้เท้าเตะไปที่ใต้ท้องรถ เวลาปิดฝาท้ายก็เช่นกันใช้วิธีเดียวกับตอนเปิดเลย นอกจากนี้เรายังสามารถเปิดฝาท้ายได้จากปุ่มภายในรถ กดที่กุญแจรีโมท หรือเปิดที่ปุ่มตรงฝาท้ายก็ได้เช่นกัน

ส่วนออฟชั่นอื่น ๆ ของภายนอกยังคงมีให้เหมือนเดิม เช่น ไฟหน้าแบบ Bi LED โปรเจคเตอร์ พร้อมระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ ระบบเปิดไฟสูงอัตโนมัติ ซึ่งระบบนี้ จะใช้กล้อง ADAS ที่อยู่ด้านบนของกระจกหน้าในการตรวจจับ หากทางข้างหน้ามืดไม่มีแสงไฟ ระบบจะเปิดเป็นไฟสูงให้เอง แต่ถ้ามีรถอยู่ด้านหน้า หรือมีรถวิ่งสวนทางมา จะปรับเป็นไฟต่ำให้แบบอัตโนมัติ

ระบบ Walk Away Auto Lock ในกรณีที่เราเดินออกนอกรถโดยลืมล็อค เมื่อเดินห่างจากตัวรถประมาณ 2 เมตร ระบบจะทำการล็อคให้เองแบบอัตโนมัติ

ระบบสตาร์ตรถทางไกลผ่านกุญแจรีโมท เราสามารถใช้กุญแจรีโมทสั่งสตาร์ทรถทางไกลได้ในรัศมี 20 เมตร พร้อมเปิดแอร์เย็นฉ่ำ แต่รถจะยังถูกล็อคประตูเอาไว้เพื่อป้องกันการโจรกรรม เป็นอีกหนึ่งระบบที่ล้ำสมัยเลยทีเดียว

ภายใน Isuzu MU-X 3.0 Ultimate 4X4

ภายในใช้โทนสีใหม่ Macchiato Brown สีน้ำตาลเทาสลับสีน้ำตาลเข้ม โทนสีมีความเป็นวัยรุ่นมากขึ้น เบาะฝั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง เบาะคนนั่งข้างปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง นั่งสบายนุ่มกำลังดี เป็นเบาะหนังที่ใช้เทคโนโลยี COOLMAX ช่วยลดการสะสมความร้อน จากการทดลองนำรถไปจอดตากแดดเป็นเวลานาน พอขึ้นไปนั่งบนเบาะจะมีความรู้สึกร้อนก้นน้อยกว่าเบาะหนังแบบธรรมดาทั่วไป

ภายในยังตกแต่งด้วยวัสดุ Piano Black และ Chrome เป็นการเล่นโทนสีที่ดูเข้มขรึม ส่วนงานประกอบนั้นโดยรวมก็ถือว่าเนี๊ยบใช้ได้เลยครับ

แผงข้างประตูตกแต่งด้วยสี Gold Brass ซึ่งเป็นสีทองอ่อน ๆ และยังมีไฟสร้างบรรยากาศ Ambient Light อีกด้วยครับ 

พวงมาลัยหุ้มหนังพร้อมปุ่มมัลติฟังก์ชัน ปุ่มทางฝั่งซ้ายบนพวงมาลัยสำหรับควบคุมจอเครื่องเล่น ส่วนปุ่มทางด้านขวาสำหรับควบคุมมาตรวัดเรือนไมล์ และมีปุ่มสำหรับตั้งค่า Cruise Control ที่เป็นแบบแปรผัน พร้อมปุ่มเว้นระยะห่างระหว่างรถเรากับคันหน้า

จอเครื่องเล่นแบบทัชสกรีน ขนาดใหญ่ 9 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ Apple CayPlay แบบไร้สาย ใช้งานง่าย เมื่ออยู่ในตำแหน่งเกียร์ถอย ภาพจะตัดเป็นกล้องหลังพร้อมเส้นกะระยะแบบเลี้ยวตามพวงมาลัย ให้ภาพที่คมชัดทั้งกลางวันและกลางคืน ในส่วนของระบบแอร์ ด้านหน้าจะเป็นแบบออโต้ 2 โซน แยกซ้าย-ขวา มีปุ่มสำหรับเปิด-ปิดแอร์ด้านหลัง

หัวเกียร์จับกระชับมือ ปุ่มที่อยู่ฝั่งซ้ายคอนโซลเกียร์สำหรับเปิด-เซนเซอร์ ,ปุ่มเปิด-ปิดระบบ idling Stop ส่วนปุ่มทางฝั่งขวา สำหรับเปิด-ปิด Traction Control และปุ่มควบคุมความเร็วขณะลงทางชัน นอกจากนี้ยังมีระบบ Auto Hold Break รวมถึงเบรกมือไฟฟ้า ให้อีกด้วยครับ

สำหรับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ จะมีเฉพาะในรุ่นเครื่องยนต์ 3.0 รุ่นท็อปสุดเท่านั้น หากเป็นรุ่นย่อยอื่น ๆ จะเป็นระบบขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง

เบาะแถวสองสามารถพับได้เรียบ ขึ้นลงง่าย จากการทดลองนั่งในระยะทางยาว ๆ ถือเป็นเบาะที่นั่งสบาย ฐานเบาะใหญ่นั่งเต็มก้น พนักพิงสามารถปรับเอนได้ มีแอร์เพดาน ปลั๊กไฟ AC 220 v และช่อง USB Type A 2 ช่อง สำหรับชาร์จโทรศัพท์

ในส่วนของเบาะแถวสามนั้น การขึ้นลงทำได้สะดวก เพียงแค่ดึงสลักที่เบาะแถวสอง แล้วก้าวเท้าขึ้นไปนั่งที่เบาะแถวสามได้เลย จากการทดลองนั่งแบบนาน ๆ ต้องยกนิ้วให้เลยครับ เพราะนั่งได้สบาย ขนาดว่าผมเป็นคนตัวสูง แต่นั่งแล้วหัวเข่าไม่ได้ตั้งชันจนเกินไป สามารถนั่งโดยสารได้นานประมาณ 3 ชั่วโมง หากนานกว่านั้นจะเริ่มเวียนหัวนิดหน่อย เพราะตำแหน่งของเบาะหลังอยู่ช่วงซุ้มล้อหลัง และยังมีแอร์ด้านหลังสุดให้อีกด้วยครับ

ระบบช่วงล่าง Isuzu MU-X 2023

ช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระปีกนก 2 ชั้น Double Wishbone พร้อมเหล็กกันโคลง และช่วงล่างด้านหลังแบบ 5-Link Suspension พร้อมเหล็กกันโคลง ให้ความรู้สึกไปทางนุ่ม ไม่แข็งกระด้าง

เครื่องยนต์ Isuzu MU-X 2023

ในรุ่นปี 2023 นี้ จะเป็นการปรับปรุงเพิ่มเติมในส่วนของออปชั่นต่าง ๆ ทั้งภายนอกและภายใน ในส่วนของเครื่องยนต์และเกียร์ยังคงใช้ของเดิม ซึ่งมีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์ 1.9 ลิตร และ 3.0 ลิตร สำหรับคันที่นำมารีวิว จะเป็นรุ่นท็อปสุดใช้เครื่องยนต์ 3.0 ลิตร รหัส 4JJ3-TCX 3.0 ลิตร 2,999 ซีซี 4 สูบ แถวเรียง 16 วาล์ว ดับเบิ้ลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ (DOHC) ระบายความร้อนด้วยน้ำ คอมมอนเรลไดเร็คอินเจ็กชั่น พร้อม VGS Turbo Intercooller ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ที่ 1,600-2,600 รอบต่อนาที รองรับน้ำมัน B20 ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6จังหวะ พร้อม Rev Tronic

แต่ถ้าเป็นรุ่นเครื่อยนต์ 1.9 ลิตร จะใช้รหัสเครื่อง RZ4E-TC 1.9 ลิตร 1,898 ซีซี 4 สูบ แถวเรียง 16 วาล์ว ดับเบิ้ลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ (DOHC) ระบายความร้อนด้วยน้ำ คอมมอนเรลไดเร็คอินเจ็กชั่น พร้อม VGS Turbo Intercooller ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร ที่1,800-2,600 รอบต่อนาที รองรับน้ำมัน B20 ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ พร้อม Rev Tronic

ระบบความปลอดภัย Isuzu MU-X 2023

Isuzu MU-X 2023 มีเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัย ช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS (Advanced Driver Assistance Systems) กล้องหน้าคู่ 3D Imaging Stereo Camera ทำหน้าที่เหมือนดวงตาอัจฉริยะ คอยตรวจจับเส้นถนนและวัตถุด้านหน้าแบบ Real Time พร้อมเรดาร์ 2 จุด และเซนเซอร์ 8 จุดรอบคัน

  • ACC (Full Speed Range Adaptive Cruise Control) ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมฟังก์ชัน Stop and Go
  • FCW (Forward Collision Warning) ระบบแจ้งเตือนก่อนการชนด้านหน้า
  • AEB (Autonomous Emergency Braking) ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ
  • LDW (Lane Departure Warning) ระบบแจ้งเตือนออกนอกเลน
  • AHB (Automatic High Beam) ระบบควบคุมไฟสูงอัตโนมัติ
  • PMM (Pedal Misapplication Mitigation) ระบบตัดกำลังเครื่องยนต์เมื่อเหยียบคันเร่งผิดพลาด
  • MSL (Manual Speed Limiter) ระบบตั้งค่าจำกัดความเร็วสูงสุดด้วยตัวเอง
  • BSM (Blind Spot Monitoring) ระบบแจ้งเตือนจุดอับสายตา
  • RCTA (Rear Cross Traffic Alert) ระบบช่วยเตือนขณะถอยรถยนต์
  • Parking Aid System ระบบเซ็นเซอร์ช่วยจอดรถยนต์
  • MCB (Multi-Collision Brake) ระบบเบรกอัตโนมัติหลังการเกิดอุบัติเหตุ ช่วยลดโอกาสการเกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อน

เทคโนโลยีความปลอดภัยพื้นฐานอื่น ๆ

  • Anti-lock Brake System (ABS) ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรก พร้อม Brake Assist (BA) ระบบเสริมแรงเบรก และ Electronic Brake-force Distribution (EBD) ระบบกระจายแรงเบรก
  • Traction Control System (TCS) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีขณะออกตัว
  • Electronic Stability Control (ESC) ระบบควบคุมการทรงตัวขณะขับขี่
  • Trailer Sway Control (TSC) ระบบควบคุมการส่ายของส่วนพ่วงท้าย
  • Brake Override System (BOS) ระบบลดกำลังเครื่องยนต์เพื่อช่วยเบรก
  • Hill Start Assist (HSA) ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน
  • Hill Descent Control (HDC) ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน
  • โครงสร้างห้องโดยสาร Ultra-High Tensile แกร่งและทนทาน
  • SRS Airbags 6 ตำแหน่ง

ทดสอบขับขี่

สมรรถนะของเครื่องยนต์ 3.0 ลิตร มีอัตราเร่งที่ดีตั้งแต่เริ่มออกตัว แม้ตัวรถจะมีน้ำหนักถึง 2,165 กก. ซึ่งหนักกว่า MU-X รุ่นย่อยอื่น ๆ เพราะรุ่นท็อปสุดต้องแบกน้ำหนักของระบบขับสี่ด้วย แต่พอเราอยู่ในตำแหน่งเกียร์ D พอยกเท้าออกจากเบรก รถก็เคลื่อนที่แบบไร้แรงหน่วง สามารถไต่ระดับไปได้เรื่อย ๆ โดยไม่รู้สึกอืด แต่ก็ไม่ถึงกับพุ่งกระฉูดครับ ในจังหวะที่เร่งแซงจากความเร็ว 80-120 กม./ชม. ก็ทำได้อย่างมั่นใจ ว่าแซงแล้วพ้นรถคันที่อยู่ด้านหน้าได้อย่างแน่นอน และช่วงที่ขับลอยตัวที่ความเร็ว 100-120 กม./ชม. จะใช้รอบเครื่องเพียงแค่พันนิด ๆ พูดง่าย ๆ ก็คือหากขับแบบปกติเครื่องยนต์แทบไม่ต้องเค้นกำลังเลยครับ แต่ถ้าหากเรากดคันเร่งแบบคิกดาวน์ เสียงของเครื่องยนต์จะเข้าห้องโดยสารได้ยินเสียงชัดเจนตามสไตล์รถอีซูซุ หากคุณเคยใช้รถเครื่องยนต์ดีเซลมาก่อนก็น่าจะคุ้นเคยกับเสียงแบบนี้ แต่ถ้าคุณเคยขับแต่รถเครื่องยนต์เบนซิน แล้วมาจับคันนี้ อาจตกใจกับเสียงนิดหน่อยในช่วงแรก ๆ

สำหรับการเก็บเสียงภายนอกนั้น ถือว่าเก็บเสียงได้ดีเป็นที่น่าพอใจครับ ลองขับที่ความเร็วประมาณ 120 กม./ชม. เสียงลมภายนอกไม่ดังเข้าห้องโดยสาร แต่ถ้าใช้ความเร็วมากกว่านั้น ก็จะเริ่มได้ยินเสียงลมเล็ดลอดเข้ามาบ้างเล็กน้อยครับ

การเข้าโค้งที่ความเร็วประมาณ 80 กม./ชม. ตัวรถไม่มีออกอาการใด ๆ ทั้งสิ้น เรายังสามารถควบคุมตัวรถได้อย่างมั่นใจ พวงมาลัยยังคงควบคุมง่าย เพราะโครงสร้างแพลตฟอร์มได้มีการออกแบบให้โครงสร้างตัวถัง แชสซีส์ การวางตำแหน่งเครื่องยนต์ และช่วงล่าง ทำงานร่วมกันเป็นหนึ่งเดียว ใช้โช้คอัพแก๊ส และมีเหล็กกันโคลงที่ใหญ่ ทำให้การทรงตัวทำได้ค่อนข้างดี หากใช้ความเร็วไม่เกิน 120 กม. และเป็นรถที่มีช่วงล่างออกแนวนุ่มแต่ไม่ย้วย ช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบอิสระปีกนก 2 ชั้น Double Wishbone พร้อมคอยล์สปริง ช่วงล่างด้านหลังแบบ 5-Link Suspension ช่วยให้การรับแรงสั่นสะเทือนทำได้อยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ

ในเส้นทางที่มีโค้งคดเคี้ยว ผมทดสอบโดยใช้ความเร็วประมาณ 60 กม./ชม. หากเป็นโค้งที่ไม่ลึกมากนัก ก็สาดโค้งเข้าไปได้เลยไม่ต้องกลัวหลุด แต่ถ้าเป็นโค้งที่ลึกมากเกินไป ระบบควบคุมการทรงตัว หรือ ESC จะเริ่มทำงาน เพื่อช่วยให้เราไม่หลุดโค้ง ซึ่งก็ทำให้มั่นใจได้ว่าเราจะไม่หลุดโค้งได้ง่าย ๆ เพราะมีระบบคอยช่วยเหลืออยู่ นอกจากนี้ยังมีระบบเตือนเมื่อขับออกนอกเลน แต่ระบบนี้จะมีแค่เสียงเตือนแต่ไม่ดึงพวงมาลัยกลับ ต่างจากคู่แข่งที่ดึงพวงมาลัยกลับเข้าเลนให้ด้วย

ต่อด้วยการทดสอบระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมฟังก์ชัน Stop and Go (Full Speed Range Adaptive Cruise Control - ACC) โดยได้ตั้งความเร็วไว้ที่ประมาณ 80 กม./ชม. แล้วขับตามคันหน้าโดยที่เท้าไม่ได้แตะคันเร่งและเบรกเลย ปล่อยให้ระบบทำงานเอง โดยระบบจะใช้กล้อง ADAS ในการตรวจจับและปรับลดความเร็วของรถให้เท่ากับรถคันหน้า เพื่อรักษาระยะห่างอัตโนมัติทุกช่วงความเร็ว รวมถึงหยุดรถและออกตัวตามรถคันหน้าโดยอัตโนมัติ ซึ่งระบบนี้ถือเป็นจุดขายของเจ้า มิวเอ็กซ์ ในโฉมนี้เลยก็ว่าได้

ในส่วนของระบบความปลอดภัยที่ให้มาก็ถือว่าครอบคลุมการใช้งานครับ เช่น ระบบแจ้งเตือนก่อนการชนด้านหน้า ซึ่งระบบนี้จะทำงานควบคู่กับ ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ และ ระบบช่วยเพิ่มแรงเบรก หากเราขับใกล้ชิดกับคันหน้ามากเกินไประบบจะแจ้งเตือนด้วยเสียงและสัญญาณไฟสีแดงบนกระจก แต่ถ้าระบบคำนวณแล้วว่าสุ่มเสี่ยงต่อการชนจะทำการเบรกให้เองแบบอัตโนมัติ นอกจากนี้ยังมีระบบตัดกำลังเครื่องยนต์เมื่อเหยียบคันเร่งผิดพลาด โดยระบบจะตรวจจับน้ำหนักการกดคันเร่ง หากตรวจพบว่ากดคันเร่งโดยไม่ตั้งใจ จะตัดกำลังของเครื่องยนต์ทันทีครับ

สรุปโดยรวม

Isuzu MU-X ในปี 2023 ในเรื่องของการขับขี่นั้น ยังคงทำได้ดีเหมือนเดิม ซึ่งค่ายนี้หลายท่านคงทราบกันดีว่า ไว้ใจได้ในเรื่องความอึด ถึก ทน ใช้งานได้ยาวนาน ซื้อง่ายขายคล่อง หน้าตาดูทันสมัย ราคาก็ถือว่าไม่แรงมากหากเทียบกับค่ายอื่น ในส่วนของออฟชั่น หลัก ๆ แล้วคือการเพิ่มฝาท้ายระบบไฟฟ้าที่แตกต่างจากค่ายอื่น ๆ แต่แอบเสียดายที่ยังไม่ให้กล้องรอบคันเหมือนกับคู่แข่ง ในเรื่องของอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงของรุ่นเครื่องยนต์ 3.0 หากวิ่งในเมือง จะอยู่ที่ราว ๆ 9-10 กม./ล. ถ้าวิ่งออกต่างจังหวัดถนนโล่ง ๆ จะอยู่ที่ราว ๆ 13-14 กม./ล. ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่กำลังมองหารถครอบครัวในราคาที่เป็นธรรม

ราคา Isuzu MU-X 2023

  • 4x2 1.9 Active A/T 1,154,000 บาท
  • 4x2 1.9 Elegant A/T 1,379,000 บาท
  • 4x2 3.0 Elegant A/T 1,424,000 บาท
  • 4x2 1.9 Ultimate A/T ราคา 1,494,000 บาท
  • 4x2 3.0 Ultimate A/T ราคา 1,539,000 บาท
  • 4x4 3.0 Ultimate A/T ราคา 1,639,000 บาท
  • 4x2 1.9 Ultimate Phantom Collection A/T ราคา 1,506,000 บาท (รุ่นพิเศษ)
  • 4x2 3.0 Ultimate Phantom Collection A/T ราคา 1,551,000 บาท (รุ่นพิเศษ)
  • 4x4 3.0 Ultimate Phantom Collection A/T ราคา 1,651,000 บาท (รุ่นพิเศษ)

 

อัปเดตข่าวรถล่าสุด ดูรีวิวรถยนต์ รีวิวรถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ เช็คราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ไปกับ Autospinn

ค้นหารถมือสองทุกรุ่น ทุกแบบ ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน ดูรายละเอียด และราคารถมือสองได้ที่ ตลาดรถมือสอง One2car


ความคิดเห็น


เรียกดูข่าวตามประเภทยานพาหนะ

ค้นหาข่าวโดยยี่ห้อ