MG4 รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นล่าสุดจากแบรนด์ MG ถูกพัฒนาขึ้นบนพื้นฐานโครงสร้างใหม่ที่เกิดมาเพื่อเป็นรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ เข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย 2 รุ่น ด้วยราคาเริ่มต้น 869,000 บาท
MG4
MG4 หรือชื่อเต็ม NEW MG4 ELECTRIC เป็นรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นล่าสุดที่ถูกพัฒนาบนแพลตฟอร์ม NEBULA PURE ELECTRIC PLATFORM นวัตกรรมที่ออกแบบมาเพื่อเป็นรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ สามารถปรับใช้ร่วมกับรถยนต์ไฟฟ้าได้ครอบคลุมหลากหลายเซกเมนต์ หลายขนาด ตั้งแต่รถแฮทช์แบ็ค ซีดานไปจนถึงรถกระบะ รองรับการใช้แบตเตอรี่ได้หลากหลายความจุ
MG4 Electric รถยนต์ไฟฟ้าขับเคลื่อนล้อหลัง หนึ่งเดียวในพิกัดราคา 1 ล้านบาท เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ถูกวิจัยและพัฒนาขึ้นมาเพื่อให้เป็นรถยนต์ไฟฟ้าตั้งแต่ต้น มิได้เป็นการพัฒนาต่อยอดจากรถยนต์สันดาปแต่อย่างใด ส่งผลให้ตัวรถ ฉีกกฎเกณฑ์เดิมๆ ในการพัฒนารถยนต์รูปแบบเก่าๆ
มีการปรับปรุง ปรับตำแหน่ง อุปกรณ์ต่างๆ ของตัวรถใหม่ ให้เหมาะสมกับการใช้พื้นที่ตามสไตล์รถยนต์ไฟฟ้ามากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเรื่องของฐานล้อ ที่ถูกยืดยาวมากเป็นพิเศษถึง 2,705 มม. และมีฐานล้อที่กว้างมากถึง 1,562 มม. เทียบเท่ากับรถยนต์ระดับ C-Segment เลยทีเดียว ทว่า MG นำเสนอ MG4 ออกมาบนพิกัดของตัวถังรถยนต์ B-Segment เท่านั้น
นอกจากนี้ ยังพัฒนาให้ชุดแบตเตอรี่ของรถ ถูกเก็บไว้ในโครงสร้างของตัวรถเลย ส่งผลให้รถมีจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำมาก
และลดปัญหาเรื่อง "แบตห้อย" ไปได้เลย เพราะจุดที่ต่ำที่สุดของรถไม่ใช่แบตเตอรี่อีกต่อไป แต่เป็นชุดช่วงล่าง ซึ่งก็เหมือนกับรถยนต์ปกติทั่วไปแล้ว
ไฮไลท์สำคัญของ MG4 คันนี้คือ "ช่วงล่าง" MG4 ใช้ช่วงล่างด้านหน้าแบบ อิสระแมคเฟอร์สันสตรัท ส่วนด้านหลัง ใช้แบบอิสระ 5 ลิงก์ ผสานเข้ากับโครงสร้างตัวถังใหม่ที่เกิดมาเพื่อเป็นรถยนต์ไฟฟ้า ประกอบกับยางติดรถจากโรงงานที่มีประสิทธิภาพสูง ส่งผลให้รถคันนี้มีประสิทธิภาพการยึดเกาะถนนที่สูงมาก
ซึ่งจากประสบการทดสอบรถยนต์ของผมเอง กล้าตอบว่า "มันให้ประสบการณ์ขับขี่ที่เหนือกว่ารถยนต์ทุกรุ่นในประเทศไทย ในพิกัดราคานี้แน่นอน" เพราะมันเหนือกว่าทั้งด้านการยึดเกาะ และความนุ่มนวลเลย
ขุมพลังของตัวรถ ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 125 kW มอบกำลังสูงสุด 170 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนล้อหลัง แม้ตัวเลขอาจดูไม่หวือหวามาก แต่ด้วยความเป็นรถยนต์ไฟฟ้า ทำให้แรงม้าและแรงบิดของมันทำงานทันทีที่กดคันเร่งจมมิด ประสบการณ์หลังติดเบาะ หาได้จากรถยนต์ไฟฟ้าทุกรุ่น แต่ประสบการ "โดนถีบออกไป" หาได้จากรถยนต์ไฟฟ้าขับเคลื่อนล้อหลังเท่านั้น
MG4 รุ่น X ใช้ไฟหน้า LED Galaxy technology matrix ดีไซน์สปอร์ต เน้นความเฉียบคม มาพร้อมกับระบบเปิด/ปิดไฟสูงอัตโนมัติ
กระจังหน้าแบบปิดทึบ ตามสไตล์ของรถยนต์ไฟฟ้า โดยดีไซน์โดยรวมของ MG4 จะเน้นไปที่ความสปอร์ต โฉบเฉี่ยว
มาพร้อมไฟเลี้ยว LED ติดอยู่บริเวณด้านข้าง วางเป็นแนวตั้ง ส่วนช่องด้านล่าง เป็นส่วนของช่องรับอากาศไปยังระบบระบายความร้อนต่างๆ ของตัวรถ อาทิ ชุดเครื่องปรับอากาศ, ชุดระบายความร้อนมอเตอร์ และแบตเตอรี่
มองจากด้านข้างตัวรถ จะเห็นแนวหลังคาที่ยกตัวสูงขึ้นด้านหน้า และค่อยๆ ลาดลงไปด้านหลัง จะไม่ได้ลาดลงเยอะไปซะทีเดียว แม้ตัวรถดูมีมิติที่เหมือนจะเล็ก ทว่าขนาดจริงของมันใกล้เคียงกับ Honda HR-V 2023 เลยทีเดียว
อีกจุดเด่นนั่นคือฐานล้อของตัวรถที่ยาวมากๆ โดยมันมีฐานล้อยาวมากถึง 2,705 มม. ซึ่งสังเกตุได้อย่างชัดเจนว่าระยะห่างของล้อจากกันชนหน้า-หลัง สั้นมากๆ ทำให้มันเป็นรถที่เลี้ยวได้ง่ายมากๆ
ล้อติดรถของ MG4 ใช้ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว พร้อมฝาครอบ Aero Cover รัดยาง Continental Max Contract MC6 ขนาด 215/50 R17
ดีไซน์ด้านหลัง MG4 รุ่น X ถือเป็นไฮไลท์สำคัญของรถคันนี้เลย โดดเด่นด้วยไฟท้าย LED แบบ 3 มิติ ที่ลากยาวมาบรรจบที่โลโก้ MG ตรงกลาง และมาพร้อมกับสปอยเลอร์ท้ายบริเวณหลังคารถ ซึ่งออปชั่น 2 ชิ้นนี้ มีเฉพาะรุ่นท็อปเท่านั้น โดยส่วนตัวผู้เขียนมองว่า 2 ชิ้นนี้แหละ ที่ช่วยทำให้ดีไซน์ของ MG4 ดูดีมากเป็นพิเศษ
ส่วนประตูห้องเก็บสัมภาระตอนท้าย เป็นระบบเปิด/ปิดด้วยมือ
บริเวณด้านล่างของส่วนท้ายรถ MG4 ถูกออกแบบให้ปิดทึบ เพื่อเน้นด้านอากาศพลศาสตร์โดยเฉพาะ ลดลมหวนที่จะเกิดขึ้นบริเวณท้ายรถ มาพร้อมกับเซ็นเซอร์เตือนการถอยชน
MG4 ภายใน
ภายในห้องโดยสารของ MG4 ถูกออกแบบโดยเน้นความมินิมอล ลดปุ่มกดที่ไม่ได้ใช้งานบ่อยๆ เอาไปไว้ในหน้าจอแทน โดดเด่นด้วยหน้าจอมัลติมีเดียขนาด 10.25 นิ้ว ที่ทำหน้าที่ควบคุมการตั้งค่าต่างๆ ของตัวรถไว้อย่างครบครัน ทั้งระบบความบันเทิง, ระบบปรับอากาศ และการควบคุมการขับขี่
เรือนไมล์ ใช้หน้าจอขนาด 7 นิ้ว บอกข้อมูลการขับขี่พื้นฐานครบครัน
พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นขนาดใหญ่แบบ 2 ก้าน ปรับได้ 4 ทิศทาง
แป้นเกียร์ไฟฟ้าแบบหมุน ตามสไตล์ของรถยนต์ไฟฟ้าจาก MG
กระจกมองหลังแบบตัดแสงอัตโนมัติ พร้อมกล่องเก็บแว่นบนเพดาน
MG4 รุ่น X ให้เบาะนั่งแบบทูโทน สีขาวสลับดำ ตัดด้วยสีส้ม
เบาะนั่งด้านหลัง สามารถพับเรียบได้แบบ 60:40 เพื่อเพิ่มพื้นที่บรรทุกสัมภาระ
สเปค MG4
มอเตอร์ | มอเตอร์แม่เหล็กถาวร เดี่ยว ขนาด 125 kW |
---|---|
พละกำลังสูงสุด | 170 แรงม้า |
แรงบิดสูงสุด | 250 นิวตันเมตร |
ระยะทางขับขี่สูงสุด / 1 การชาร์จ มาตรฐาน NEDC | 425 กิโลเมตร |
ระบบขับเคลื่อน | RWD ขับเคลื่อนล้อหลัง |
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม | 8 วินาที |
ความเร็วสูงสุด | 170 กม./ชม. |
แบตเตอรี่ | ลิเธียมไอออน LFP |
พลังงานไฟฟ้าทั้งหมด (kWh) | 51 |
แรงดันไฟฟ้า (V) | 400 |
รองรับการชาร์จ AC Type 2 (kW) | 6.6 |
รองรับการชาร์จ DC CCS 2 (kW) | 80 |
พวงมาลัย | พวงมาลัยไฟฟ้า |
ระบบกันสะเทือนหน้า / หลัง | อิสระแม็กเพอร์สันสตรัท / อิสระ 5 ลิ้งก์ |
ระบบเบรคหน้า/หลัง | ดิสก์เบรก พร้อมช่องระบายความร้อน / ดิสก์เบรก |
ขนาดยางล้อ | 215/50 R17 |
มิติตัวรถ MG4
ขนาดตัวรถภายนอก ยาว x กว้าง x สูง (มม.) | 4,287x 1,836 x 1,516 |
---|---|
ระยะฐานล้อ (มม.) | 2,705 |
ระยะห่างจากพื้น (มม.) | 117 |
น้ำหนักรถเปล่า (กก.) | 1,650 |
พื้นที่เก็บสัมภาระ MG4
ช่องเก็บของด้านหน้า (Frunk) | - |
---|---|
พื้นที่เก็บสัมภาระ | 363 ลิตร |
พื้นที่เก็บสัมภาระ เมื่อพับเบาะหลังทั้งหมด | 1,177 ลิตร |
ระบบความปลอดภัย MG4 X
- เบรกมือไฟฟ้า
- ระบบป้องกันรถไหลโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง AVH
- ระบบป้องกันล้อล็อก และระบบกระจายแรงเบรก
- ระบบเสริมแรงเบรก
- ระบบความคุมการทรงตัว
- ระบบควบคุมเบรกขณะเข้าโค้ง
- ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี
- ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน
- ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ
- ไฟสัญญาณเตือนเมื่อเบรกฉุกเฉิน
- ระบบตรวจสอบแรงดันลมยาง
- ระบบเตือนการชน พร้อมระบบช่วยเบรก
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน
- ระบบเตือนมุมอับสายตา
- ระบบช่วยเบรกขณะถอย
- ISOFIX
- ถุงลมรอบคัน
- กล้อง 360 องศา แบบ 3 มิติ
- เซ็นเซอร์ถอยหลัง
- กุญแจ Immobilizer
สิ่งอำนวยความสะดวก MG4 X
- V2L ระบบปล่อยกระแสไฟฟ้าออกสู่ภายนอก
- พวงมาลัยปรับ 4 ทิศทาง
- เบาะคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง
- แท่นชาร์จไร้สาย
- ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ
- กระจกมองหลังตัดแสง
- กรอง PM 2.5
ขับ MG4 ขึ้นเขาใหญ่
การทดสอบขับขี่ MG4 เราทดสอบในภารกิจ Khaoyai Challenge ของเรา ขับจากกรุงเทพ ไปยังอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จากฝั่งปราจีนบุรี มุ่งหน้าโคราช รวมระยะทางกว่า 250 กิโลเมตร ผ่านเส้นทางทั้งการขับในเมือง, ทางด่วน, ทางไกล และขึ้น-ลงเขา ครบทุกรูปแบบการใช้งาน รวมไปถึงการชาร์จแบตเตอร์รี่ DC Fastcharge จะใช้งานแล้วเป็นอย่างไร Software ของตัวรถ ทำงานได้ดีขนาดไหน มีจุดไหนน่าสังเกตุบ้าง
สัมผัสแรกที่ได้จากรถคันนี้ มันเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ขับดีที่สุดเท่าที่เคยพบมาในพิกัดราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท ไฮไลท์สำคัญของรถรุ่นนี้นั่นคือช่วงล่างของตัวรถที่ถูกสร้างมาได้ยอดเยี่ยมอย่างน่าอัศจรรย์ มีความสามารถในการยึดเกาะที่ดีเยี่ยมเกินราคา มิหน่ำซ้ำยังมอบความนุ่มนวลได้อย่างไม่น่าเชื่อว่าจะพบเจอกับรถยนต์ที่มีการยึดเกาะถนนที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้
โดยปกติแล้ว รถยนต์ที่มีลักษณะช่วงล่างที่เน้นการยึดเกาะถนน มักจะมาพร้อมกับความแข็งกระด้างเป็นของแถม ทว่า MG4 นอกจากมอบสมรรถนะการยึดเกาะที่ยอดเยี่ยมแล้ว มันยังมอบความนุ่มนวลได้เป็นอย่างดีด้วย การซับแรงกระแทกจากการขับผ่านเส้นทางที่ไม่เรียบเนียน หลุม ท่อ บ่อ ลูกระนาด เจ้าช่วงล่างของ MG4 เอาอยู่ทั้งหมด ลดแรงสั่นสะเทือนเข้ามาในห้องโดยสารได้อย่างน่าประทับใจเป็นอย่างยิ่ง
การขับเคลื่อนล้อหลัง ถือเป็นจุดเด่นของรถคันนี้ โดยปกติแล้วรถเก๋งขับเคลื่อนล้อหลัง เรามักจะพบกับรถสปอร์ตซะมากกว่า แต่ MG4 ให้สิ่งนี้มาแล้วเรียบร้อย ทุกครั้งที่กดคันเร่งเข้าไป เราจะสัมผัสได้ถึงแรงผลักจากด้านหลังอย่างชัดเจน แตกต่างจากรถยนต์ขับเคลื่อนล้อหน้า ที่เราจะรู้สึกถูกลากออกไปมากกว่า
กลับกัน เวลาเรายกคันเร่ง เพื่อปั่นไฟฟ้ากลับเข้าสู่แบตเตอรี่ ก็จะเป็นอาการเหมือนกับ "โดนดึงกางเกง" ที่โดยปกติแล้วเราจะเจอกับอาการหน้าทิ่ม ในรถยนต์ขับเคลื่อนล้อหน้านั่นเอง
MG4 การกินไฟ
ด้านอัตราการบริโภคพลังงาน และระบบจัดการพลังงานของ MG4 เรามองว่ามีข้อสังเกตที่สำคัญอยู่ เพราะมันเป็นรถยนต์ไฟฟ้าขนาด B-Segment ทว่ากลับมีอัตราการใช้พลังงานที่มากกว่า 160 Wh/km. เลยทีเดียว ซึ่งหากเปรียบเทียบกับรถยนต์ไฟฟ้าพิกัด B-SUV ที่มีขนาดใหญ่กว่า พบว่า MG4 มีอัตราบริโภคพลังงานที่สูงกว่าราวๆ 10-15% เลยทีเดียว
ทั้งนี้ ใน Software ของ MG4 มีการระบุทั้งหมดว่ารถมีการใช้ไฟฟ้าไปกับอะไรบ้าง พบว่ามีการใช้ไฟฟ้าไปกับระบบขับเคลื่อนแทบทั้งหมด
การชาร์จ MG4
ในส่วนของการชาร์จ MG4 เราทดสอบการชาร์จ DC ที่สถานีชาร์จของ PTT EV Station+ ที่ตู้ชาร์จ DC กำลัง 120 kW ได้ผลการทดสอบมาดังนี้
ช่วง 17-60% รับไฟฟ้าที่ 71.6 kW
ช่วง 61-70% รับไฟฟ้าที่ 60kW ลดลงเรื่อยๆ ถึง 40 kW
ช่วง71-80% รับไฟฟ้าที่ 40kW ลดลงเรื่อยๆ ถึง 32 kW
ช่วง 81-90% ขึ้นไป รับไฟฟ้าที่ 24 kW ลดลงเรื่อยๆ ถึง 14 kW
ช่วง 91-98% รับไฟฟ้าที่ 14 kW ลดลงเรื่อยๆ ถึง 7 kW
ช่วง 98-100% รับไฟฟ้าที่ 7kW
ส่วนระยะเวลาการชาร์จจาก 17 - 80% ใช้เวลา 40 นาที และจาก 81 - 100% ใช้เวลาอีก 40 นาที
จุดเด่น MG4
- ช่วงล่างดีที่สุดในงบประมาณไม่เกิน 1 ล้านบาท
- ขับขี่ได้สนุกที่สุดในงบ สามารถเอาไปขับเล่นในสนามแข่งได้เลย
- Software พัฒนามาเพื่อการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าแบบเข้าใจผู้ใช้ได้ดี
- ดีไซน์สะดุดตา โฉบเฉี่ยวทั้งคัน
- ออปชั่นครบๆ ในงบประมาณที่คุ้มค่า
MG4 ข้อสังเกต
- โหมดการขับขี่ ควรทำเป็นเมนูแยกออกมาในหน้าแรก หรือควรมีคีย์ลัด เพราะตอนนี้ต้องกดเข้าเมนูค่อนข้างลึกกว่าจะเจอ
- ใช้ไฟฟ้าค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับขนาดตัวรถ
- ไม่มีราวจับในห้องโดยสาร
- ไม่น่าตัดปุ่ม KERS ออกไปใส่ในจอ (ปุ่มปรับระดับการหน่วง เพื่อปั่นไฟฟ้ากลับเข้าแบตเตอรี่)
สรุป MG4 เหมาะกับใคร
MG4 เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่เหมาะสำหรับคนที่มองหารถยนต์ไฟฟ้าทรง Hatchback ในงบประมาณไม่เกิน 1 ล้าน ที่ต้องมีดีไซน์สปอร์ต ฟังก์ชั่นต่างๆ มากันแบบครบๆ และที่สำคัญ "ช่วงล่างที่ดี" เพราะนี่ถือเป็นรถยนต์ที่มีช่วงล่างดีที่สุดในงบประมาณไม่เกิน 1 ล้านบาท ณ ตอนนี้ เรียกได้ว่าทำมาได้ดีกว่ารถยนต์ทุกรุ่นในงบเท่ากันอย่างแน่นอน
อีกกลุ่มหนึ่งที่เหมาะ นั่นคือกลุ่มเน้นความสนุกสนานในการขับรถยนต์ เพราะ MG4 จัดเป็นรถยนต์ที่ขับสนุกที่สุดแล้วในราคานี้ ด้วยช่วงล่างที่คุ้มค่าเกินราคา พละกำลังที่ถือว่ามาไวทันใจ ทว่าเรื่องที่น่าเสียดายคือ "อัตราบริโภคพลังงานไฟฟ้า" ที่สูงไปหน่อยเมื่อเทียบกับขนาดตัวรถ ส่งผลให้มันสามารถขับขี่ด้วยระยะทางจริงได้ราวๆ 250 กิโลเมตรเท่านั้น
แต่ถ้าใช้คันเร่งเนียนๆ ไม่ซิ่งเยอะมาก 1 ชาร์จไปได้เกิน 300 กิโลเมตรอย่างแน่นอนครับ
อัปเดตข่าวรถล่าสุด ดูรีวิวรถยนต์ รีวิวรถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ เช็คราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ไปกับ Autospinn
ค้นหารถมือสองทุกรุ่น ทุกแบบ ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน ดูรายละเอียด และราคารถมือสองได้ที่ ตลาดรถมือสอง One2car
ความคิดเห็น