MG 4 X-Power รถยนต์ไฟฟ้าสุดแรง ที่ต่อยอดพื้นฐานขึ้นมาจาก MG 4 รุ่นมาตรฐานที่จัดจำหน่ายในประเทศไทย โดดเด่นด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ พละกำลังสูงถึง 435 แรงม้า กับอัตราเร่งสุดเร้าใจ 0-100 กม./ชม. ใน 3.8 วินาที
MG 4 X-Power
MG 4 X-Power คือรถยนต์ไฟฟ้าระดับ B-Segment ที่ต่อยอดพื้นฐานขึ้นมาจาก MG 4 รุ่นมาตรฐาน ที่มีความโดดเด่นในเรื่องของประสิทธิภาพการขับขี่อันเหนือชั้นที่สุดในคลาสเดียวกัน โดยรหัส X-Power จะเพิ่มเติมในเรื่องของความแรงมากยิ่งขึ้นไปอีกเกินเท่าตัว ด้วยการอัพเกรดพละกำลังของตัวรถเป็น 435 แรงม้า แรงบิด 600 นิวตันเมตร ด้วยขุมพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ขับเคลื่อน 4 ล้อ ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ต่ำสุดเพียง 3.8 วินาทีเท่านั้น และยังมีการอัพเกรดเรื่องของช่วงล่าง, ระบบเบรก, ระบบระบายความร้อนเพิ่มเติมให้มีประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมมากกว่าเดิม
โดยรถยนต์ไฟฟ้าที่ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. แล้วได้ตัวเลขต่ำกว่า 4 วินาทีในไทยมีเพียงไม่กี่รุ่นเท่านั้น อาทิเช่น BYD Seal Performance, Tesla Model 3 Performance, Tesla Model Y Performance, BMW i4 M50, BMW i5 M60 เป็นต้น แต่ความน่าสนใจของ MG 4 X-Power นั่นคือการเปิดราคาจำหน่ายเพียง 1,119,900 บาท ซึ่งต่ำกว่า BYD Seal Performance มากกว่า 300,000 บาทเลยทีเดียว
MG 4 X-Power ยังคงถูกสร้างบนพื้นฐานเดียวกับ MG 4 รุ่นมาตรฐานทุกประการ ตัวรถถูกพัฒนาบนแพลตฟอร์ม NEBULA PURE ELECTRIC PLATFORM นวัตกรรมที่ออกแบบมาเพื่อเป็นรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ สามารถปรับใช้ร่วมกับรถยนต์ไฟฟ้าได้ครอบคลุมหลากหลายเซกเมนต์ หลายขนาด ตั้งแต่รถแฮทช์แบ็ค ซีดาน ไปจนถึงรถกระบะ รองรับการใช้แบตเตอรี่ได้หลากหลายความจุ
MG 4 เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ถูกวิจัยและพัฒนาขึ้นมาเพื่อให้เป็นรถยนต์ไฟฟ้าตั้งแต่ต้น มิได้เป็นการพัฒนาต่อยอดจากรถยนต์สันดาปแต่อย่างใด ส่งผลให้ตัวรถ ฉีกกฎเกณฑ์เดิมๆ ในการพัฒนารถยนต์รูปแบบเก่าๆ
มีการปรับปรุง ปรับตำแหน่ง อุปกรณ์ต่างๆ ของตัวรถใหม่ ให้เหมาะสมกับการใช้พื้นที่ตามสไตล์รถยนต์ไฟฟ้ามากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเรื่องของฐานล้อ ที่ถูกยืดยาวมากเป็นพิเศษถึง 2,705 มม. และมีฐานล้อที่กว้างมากถึง 1,562 มม. เทียบเท่ากับรถยนต์ระดับ C-Segment เลยทีเดียว ทว่า MG นำเสนอ MG 4 ออกมาบนพิกัดของตัวถังรถยนต์ B-Segment เท่านั้น
นอกจากนี้ ยังพัฒนาให้ชุดแบตเตอรี่ของรถ ถูกเก็บไว้ในโครงสร้างของตัวรถเลย ส่งผลให้รถมีจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำมาก
และลดปัญหาเรื่อง "แบตห้อย" ไปได้เลย เพราะจุดที่ต่ำที่สุดของรถไม่ใช่แบตเตอรี่อีกต่อไป แต่เป็นชุดช่วงล่าง ซึ่งก็เหมือนกับรถยนต์ปกติทั่วไปแล้ว
ไฮไลท์สำคัญของ MG4 คันนี้คือ "ช่วงล่าง" MG4 ใช้ช่วงล่างด้านหน้าแบบ อิสระแมคเฟอร์สันสตรัท ส่วนด้านหลัง ใช้แบบอิสระ 5 ลิงก์ ผสานเข้ากับโครงสร้างตัวถังใหม่ที่เกิดมาเพื่อเป็นรถยนต์ไฟฟ้า ประกอบกับยางติดรถจากโรงงานที่มีประสิทธิภาพสูง ส่งผลให้รถคันนี้มีประสิทธิภาพการยึดเกาะถนนที่สูงมาก
ขุมพลังของตัวรถ ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ขับเคลื่อน 4 ล้อ ด้านหน้าใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 150 kW มอบกำลังสูงสุด 204 แรงม้า ด้านหลังใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 170 kW มอบพละกำลังสูงสุด 231 แรงม้า โดยตัวรถมีพละกำลังรวมอยู่ที่ 435 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 600 นิวตันเมตร และด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ทำให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ของรถยนต์ไฟฟ้าคันนี้อยู่เพียง 3.8 วินาทีเท่านั้น
แบตเตอรี่ ใช้เป็นลิเธียมไอออน NMC ความจุ 64 kWh รองรับระยะทางขับขี่ได้สูงสุด 480 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC
MG4 รุ่น X ใช้ไฟหน้า LED Galaxy technology matrix ดีไซน์สปอร์ต เน้นความเฉียบคม มาพร้อมกับระบบเปิด/ปิดไฟสูงอัตโนมัติ
กระจังหน้ามีการตกแต่งใหม่ให้ดูสปอร์ตมากยิ่งขึ้น มาพร้อมไฟเลี้ยว LED ติดอยู่บริเวณด้านข้าง วางเป็นแนวตั้ง ส่วนช่องด้านล่าง เป็นส่วนของช่องรับอากาศไปยังระบบระบายความร้อนต่างๆ ของตัวรถ อาทิ ชุดเครื่องปรับอากาศ, ชุดระบายความร้อนมอเตอร์ และแบตเตอรี่ สามารถเปิด/ปิดได้โดยอัตโนมัติ
มองจากด้านข้างตัวรถ จะเห็นแนวหลังคาที่ยกตัวสูงขึ้นด้านหน้า และค่อยๆ ลาดลงไปด้านหลัง จะไม่ได้ลาดลงเยอะไปซะทีเดียว แม้ตัวรถดูมีมิติที่เหมือนจะเล็ก ทว่าขนาดจริงของมันใกล้เคียงกับ Honda HR-V 2023 เลยทีเดียว
อีกจุดเด่นนั่นคือฐานล้อของตัวรถที่ยาวมากๆ โดยมันมีฐานล้อยาวมากถึง 2,705 มม. ซึ่งสังเกตุได้อย่างชัดเจนว่าระยะห่างของล้อจากกันชนหน้า-หลัง สั้นมากๆ ทำให้มันเป็นรถที่เลี้ยวได้ง่ายมากๆ
ล้อติดรถของ MG 4 X-Power ใช้ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว รัดยาง Bridgestone Turanza EV ขนาด 235/45 R18
ช่วงล่าง ถูกอัพเกรดให้มีความเฟิร์มมากยิ่งขึ้นถึง 20% ส่วนระบบเบรก ถูกอัพเกรดให้มีระยะเบรกที่สั้นลงกว่าเดิมค่อนข้างมาก และระบายความร้อนได้ดีขึ้น
ดีไซน์ด้านหลัง MG 4 รุ่น X ถือเป็นไฮไลท์สำคัญของรถคันนี้เลย โดดเด่นด้วยไฟท้าย LED แบบ 3 มิติ ที่ลากยาวมาบรรจบที่โลโก้ MG ตรงกลาง และมาพร้อมกับสปอยเลอร์ท้ายบริเวณหลังคารถ ซึ่งออปชั่น 2 ชิ้นนี้ มีเฉพาะรุ่นท็อปเท่านั้น โดยส่วนตัวผู้เขียนมองว่า 2 ชิ้นนี้แหละ ที่ช่วยทำให้ดีไซน์ของ MG 4 ดูดีมากเป็นพิเศษ ส่วนประตูห้องเก็บสัมภาระตอนท้าย เป็นระบบเปิด/ปิดด้วยมือ
บริเวณด้านล่างของส่วนท้ายรถ MG4 ถูกออกแบบให้ปิดทึบ เพื่อเน้นด้านอากาศพลศาสตร์โดยเฉพาะ ลดลมหวนที่จะเกิดขึ้นบริเวณท้ายรถ มาพร้อมกับเซ็นเซอร์เตือนการถอยชน
MG 4 Xpower ภายใน
ภายในห้องโดยสารของ MG4 ถูกออกแบบโดยเน้นความมินิมอล ลดปุ่มกดที่ไม่ได้ใช้งานบ่อยๆ เอาไปไว้ในหน้าจอแทน โดดเด่นด้วยหน้าจอมัลติมีเดียขนาด 10.25 นิ้ว ที่ทำหน้าที่ควบคุมการตั้งค่าต่างๆ ของตัวรถไว้อย่างครบครัน ทั้งระบบความบันเทิง, ระบบปรับอากาศ และการควบคุมการขับขี่
เรือนไมล์ ใช้หน้าจอขนาด 7 นิ้ว บอกข้อมูลการขับขี่พื้นฐานครบครัน
พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นขนาดใหญ่แบบ 2 ก้าน ปรับได้ 4 ทิศทาง
แป้นเกียร์ไฟฟ้าแบบหมุน ตามสไตล์ของรถยนต์ไฟฟ้าจาก MG
กระจกมองหลังแบบตัดแสงอัตโนมัติ พร้อมกล่องเก็บแว่นบนเพดาน
MG 4 X-Power ให้เบาะนั่งหุ้มหนัง โดยตรงกลางใช้หนังแบบอาคานทาร่า พร้อมแผงประตูหุ้ม อาคานทาร่า
เบาะนั่งด้านหลัง สามารถพับเรียบได้แบบ 60:40 เพื่อเพิ่มพื้นที่บรรทุกสัมภาระ โดยพื้นที่เก็บสัมภาระ มีความจุ 363 ลิตร และสามารถเพิ่มได้เป็น 1,165 ลิตร เมื่อพับเบาะหลังทั้งหมด
สเปค MG 4 X-Power
มอเตอร์ | มอเตอร์แม่เหล็กถาวร 2 ด้านหน้า 150 kW ด้านหลัง 170 kW |
---|---|
พละกำลังสูงสุด | 435 แรงม้า |
แรงบิดสูงสุด | 600 นิวตันเมตร |
ระยะทางขับขี่สูงสุด / 1 การชาร์จ มาตรฐาน NEDC | 480 กิโลเมตร |
ระบบขับเคลื่อน | AWD ขับเคลื่อน 4 ล้อ |
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม | 3.8 วินาที |
ความเร็วสูงสุด | 200 กม./ชม. |
แบตเตอรี่ | ลิเธียมไอออน NMC |
พลังงานไฟฟ้าทั้งหมด (kWh) | 64 |
แรงดันไฟฟ้า (V) | 400 |
รองรับการชาร์จ AC Type 2 (kW) | 11 |
รองรับการชาร์จ DC CCS 2 (kW) | 140 |
พวงมาลัย | พวงมาลัยไฟฟ้า |
ระบบกันสะเทือนหน้า / หลัง | อิสระแม็กเพอร์สันสตรัท / อิสระ 5 ลิ้งก์ |
ระบบเบรคหน้า/หลัง | ดิสก์เบรก พร้อมช่องระบายความร้อน / ดิสก์เบรก |
ขนาดยางล้อ | 235/45 R18 |
มิติตัวรถ MG 4 X-Power
ขนาดตัวรถภายนอก ยาว x กว้าง x สูง (มม.) | 4,287x 1,836 x 1,516 |
---|---|
ระยะฐานล้อ (มม.) | 2,705 |
ระยะห่างจากพื้น (มม.) | 117 |
น้ำหนักรถเปล่า (กก.) | 1,800 |
พื้นที่เก็บสัมภาระ MG 4 X-Power
ช่องเก็บของด้านหน้า (Frunk) | - |
---|---|
พื้นที่เก็บสัมภาระ | 363 ลิตร |
พื้นที่เก็บสัมภาระ เมื่อพับเบาะหลังทั้งหมด | 1,165 ลิตร |
ออปชั่น MG 4 X-Power
- ระบบคันเร่งแบบ One Pedal
- โหมดการขับขี่ 5 แบบ Eco, Normal, Sport, Snow, Individual
- เบรกมือไฟฟ้า
- ระบบป้องกันรถไหลโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง AVH
- ระบบป้องกันล้อล็อก และระบบกระจายแรงเบรก
- ระบบเสริมแรงเบรก
- ระบบความคุมการทรงตัว
- ระบบควบคุมเบรกขณะเข้าโค้ง
- ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี
- ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน
- ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ
- ไฟสัญญาณเตือนเมื่อเบรกฉุกเฉิน
- ระบบตรวจสอบแรงดันลมยาง
- ระบบเตือนการชน พร้อมระบบช่วยเบรก
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน
- ระบบเตือนมุมอับสายตา
- ระบบช่วยเบรกขณะถอย
- ISOFIX
- ถุงลมรอบคัน
- กล้อง 360 องศา แบบ 3 มิติ
- เซ็นเซอร์ถอยหลัง
- กุญแจ Immobilizer
สิ่งอำนวยความสะดวก MG 4 X-Power
- V2L ระบบปล่อยกระแสไฟฟ้าออกสู่ภายนอก กำลัง 2.2kW
- พวงมาลัยปรับ 4 ทิศทาง
- เบาะคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง
- แท่นชาร์จไร้สาย
- ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ
- กระจกมองหลังตัดแสง
- กรอง PM 2.5
MG 4 X-Power ราคา
ราคาจำหน่ายของ MG 4 X-Power จะเปิดออกมาไม่เกิน 1,200,000 บาท ท่านที่สนใจสามารถสัมผัสตัวจริงได้ที่งา MG Everyday electric ตั้งแต่วันที่ 13-19 มีนาคม ที่เซนทรัลลาดพร้าว โดยจะเปิดราคาอย่างเป็นทางการในวันที่ 25 มีนาคม 2567 ในงาน Motor Show 2024
อัปเดตข่าวรถล่าสุด ดูรีวิวรถยนต์ รีวิวรถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ เช็คราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ไปกับ Autospinn
ค้นหารถมือสองทุกรุ่น ทุกแบบ ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน ดูรายละเอียด และราคารถมือสองได้ที่ ตลาดรถมือสอง One2car
ความคิดเห็น