“Mercedes-Benz Driving Events 2023” รวมทุกรุ่น ปลดปล่อยพลังที่สนามช้าง Share this

“Mercedes-Benz Driving Events 2023” รวมทุกรุ่น ปลดปล่อยพลังที่สนามช้าง

วรัญญู ยอดพรหม
โพสต์เมื่อ 12 March 2566

เมอร์เซเดส-เบนซ์ ยกทัพยนตรกรรมขั้นสูงกว่า 18 รุ่น บุกสนามช้างฯ ชวนลูกค้าและสื่อมวลชนมาประชันความแรงแบบเต็มรูปแบบในกิจกรรม “Mercedes-Benz Driving Events 2023”


Mercedes-Benz Driving Events 2023


กิจกรรมประจำปี จัดอย่างต่อเนื่องสำหรับ "Mercedes-Benz Driving Events 2023" ถือเป็นงานใหญ่รวมรถทุกรุ่นที่มีจัดจำหน่ายในประเทศไทย  นำทัพด้วยรถสปอร์ตโรดสเตอร์ในตำนานอย่าง Mercedes-AMG SL 43 และรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% รุ่น EQS 500 4MATIC AMG Premium พร้อมด้วยยนตรกรรมระดับเวิลด์คลาสอีกมากมายที่พร้อมส่งกำลังแรงม้าสู่พื้นแทร็กชั้นนำระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น A200 AMG Dynamic,C 350 e AMG Dynamic, S 580 e AMG Premium, GLA 200 AMG Dynamic, Mercedes-AMG CLS 53 4MATIC+, Mercedes-AMG GLC 43 4MATIC Coupe, Mercedes-AMG GLE 53 4MATIC+ ฯลฯ

โดยกิจกรรม  ในครั้งนี้ลูกค้าและสื่อมวลชนจะได้รับเชิญ เพื่อสัมผัสประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ กับการสัมผัสยนตรกรรมทุกรุ่น ประกบคู่ไปกับทีมผู้ฝึกสอนมืออาชีพของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่คอยให้คำแนะนำเพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ และให้ข้อมูลรวมถึงเทคนิคต่างๆ ที่สามารถดึงสมรรถนะขั้นสุดของรถยนต์แต่ละรุ่นออกมาได้อย่างดีเยี่ยม ผ่านการขับขี่จริงบนสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์


นอกจากความโดดเด่นของยนตรกรรมจากแบรนด์เมอร์เซเดส-เบนซ์แล้ว ผู้เข้าร่วมทดสอบทุกคนยังได้รับประสบการณ์การแข่งขันเต็มรูปแบบราวกับเป็นนักแข่งมืออาชีพ โดยเริ่มจากการให้ผู้ฝึกสอนถ่ายทอดเทคนิคการขับขี่และสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับเทคโนโลยีและระบบความปลอดภัยขั้นสูงต่างๆ ที่ถูกติดตั้งอยู่ในยนตรกรรมของเมอร์เซเดส-เบนซ์ เทคนิคการรีดขุมพลังแรงม้าและแรงบิดอย่างมีประสิทธิภาพ การควบคุมการทรงตัว (Handling) ทื่สอดคล้องกับการสร้างความเข้าใจในระบบช่วงล่าง (Suspension) ของรถยนต์แต่ละรุ่น การทดลองเข้าโค้ง (Cornering) ด้วยความเร็วที่คล่องตัวและเหมาะสม รวมถึงการจำลองกลิ่นอายของการแข่งขันบนสนามแข่งร่วมกับผู้ฝึกสอนมืออาชีพ

โดยตลอดทั้งวันของกิจกรรม “Mercedes-Benz Driving Events 2023” เริ่มต้นด้วยการทดสอบที่แบ่งออกเป็น 3 สถานี ซึ่งจำลองสถานการณ์การขับขี่ในรูปแบบที่แตกต่างกัน และปิดท้ายด้วยการทดลองการแข่งขันเสมือนจริง โดยมีรายละเอียดของสถานีต่างๆ ดังนี้

                                                                                                                

สถานีที่ 1 “Brake and Avoiding” การจำลองสถานการณ์ที่เสี่ยงต่ออุบัติเหตุและจำเป็นต้องใช้การเบรกฉุกเฉินเข้ามาช่วยเพื่อหลีกเลี่ยงการชนสิ่งขีดขวางต่างๆ โดยมีระบบความปลอดภัยของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่ทำงานผสานกันอย่างระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวของรถ ESP® และระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS เข้ามาช่วยเหลือ โดยผู้เข้าร่วมทดสอบจะต้องขับขี่ด้วยความเร็วในช่วง 80-120 กม./ชม. และทดสอบความเร็วในการตอบสนองด้วยการเบรกและหักหลบสิ่งกีดขวางเมื่อได้รับสัญญาณจากผู้ฝึกสอน สำหรับรถยนต์ที่ใช้ทดสอบในสถานีนี้ ได้แก่ GLC 220 d AMG Dynamic, GLC 300 e 4MATIC AMG Dynamic, GLE 300 d 4MATIC AMG Dynamic, GLE 350de 4MATIC Exclusive, S 350 d Exclusive และ S 580 e AMG Premium

ความสำคัญของสถานีเบรกฉุกเฉิน เป็นการทดสอบทั้งในเรื่องตัวรถและผู้ขับขี่เป็นการฝึกเพื่อให้ชินกันสถานะการ เพื่อเกิดเหตุไม่คาดคิด ซึ่งเป็นการเตรียมตัวเบื่องต้นเพราะถ้าเวลาเกิดเหตุการจริงอาจจะทำให้ตกใจ แต่ในการทดสอบรถยนต์ที่มีระบบปลอดภัยที่ดี จะทำให้ช่วยให้ควบคุมรถได้ง่ายมากขึ้น 

สถานีที่ 2 “Motokhana” หัวใจสำคัญของสถานีนี้คือการควบคุมรถให้มีความเสถียรและคล่องตัว ในสถานการณ์ที่มีอุปสรรคและสิ่งกีดขวางมากมายตลอดเส้นทาง ผู้เข้าร่วมทดสอบจะต้องรีดเค้นทักษะการขับขี่ขั้นสูงเพื่อที่จะผ่านบททดสอบนี้ และทำเวลาให้ดีที่สุด โดยที่ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยในระหว่างการทดสอบ สำหรับรถยนต์ที่ใช้ทดสอบในสถานีนี้ ได้แก่ A 200 AMG Dynamic, C 220 d AMG Dynamic, C 220 d Avantgarde, C 350 e AMG Dynamic, GLA 200 AMG Dynamic และ GLC 220 d

"จิมคาน่า" เป็นการฝึกทักษะในการควบคุมรถเป็นอย่างดีสำหรับผู้ขับขี่ ที่มือสมัครเล่นหรือผู้ใช้รถทั่วไป และในการจำลองสนามทดสอบนี้ ทุกคนจะได้เปลี่ยนรถในการขับขี่ซึ่งรถแต่ละรุ่นจะมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน ซึ่งจะเป็นการแสดงให้เห็นว่ารถในแต่ละรุ่นควบคุมได้ยากง่ายต่างแต่งกันขนาดไหน
 

 

สถานีที่ 3 “Corner Theory” สถานีสุดท้ายจะเป็นการฝึกการเข้าโค้ง บนเส้นทางที่คดเคี้ยวของสนามแข่ง เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการแข่งขัน เพราะการเข้าโค้งถือเป็นส่วนสำคัญที่ส่งผลต่อการทำเวลาในการแข่งขัน โดยผู้เข้าร่วมกิจกรรมจะต้องขับขี่ผ่านทางโค้งจำนวน 5 โค้ง ซึ่งรูปแบบของโค้งจะมีความท้าทายที่แตกต่างกัน ผู้เข้าร่วมการทดสอบต้องใช้ทักษะในการควบคุมรถและมีจังหวะในการเบรกที่เหมาะสม และเพื่อความปลอดภัย ในแต่ละช่วงที่เป็นทางโค้ง จะมีการวางสิ่งกีดขวางเพื่อเป็นสัญลักษณ์ที่จะแนะนำขั้นตอนการเข้าโค้งอย่างนุ่มนวลและรวดเร็วที่สุด สำหรับรถยนต์ที่ใช้ทดสอบในสถานีนี้ ได้แก่ EQS 450+ AMG Premium, EQS 500 4MATIC AMG Premium, Mercedes-AMG CLS 53 4MATIC+, Mercedes-AMG GLC 43 4MATIC Coupe, Mercedes-AMG GLE 53 4MATIC+ และ Mercedes-AMG SL 43

สถานีสุดท้าย กับการวิ่งจริงบนสนามแข่งเพียง 5 โค้งในสนาม เป็นการแสดงประสิทธิภาพของตัวรถออกมาอย่างเต็มที่ ซึ่งเหมือนเดิมกับการเปลี่ยนรถในการวิ่งบนสนาม รถที่หลากหลายและมีสมรรถนะต่างกันอย่างชัดเจน มีทั้งรถไฟฟ้า รถกลุ่ม AMG และพระเอกกับ SL 43 เริ่มจาก รถไฟฟ้าอย่าง EQS 500 แม้ว่าจะมีแรงม้าสูงแต่น้ำหนักมากเมื่อวิ่งในสนามอาจจะทำได้ไม่มีในทางโค้งด้วยน้ำหนักที่มากแต่ในทางตรงรถไฟฟ้าไม่มีการรอรอบทำให้ออกตัวได้เร็วมากกว่ารถสันดาป กลุ่ม AMG ถือเป็นรถที่เหมาะสมกับสนามแข่งที่สุดเพราะทุกอย่างจะใช้ได้เต็มประสิทธิภาพและแสดงออกมาอย่างชัดเจนเมื่ออยู่ในสนามแข่งทั้งอัตราเร่งและช่วงล่างที่ดีในการเข้าโค้ง

สุดท้ายกับพระเอก SL 43   ถือว่าเป็นรถที่ทุกคนอยากจะทดสอบเพราะถือว่าใหม่มากเปิดตัวได้ไม่นาน ทางทีมงานได้ให้ทดสอบเพีบง 1 รอบเท่านั้น กดคันเร่งออกตัวไปอย่างรวดเร็วถึงทางโค้ง instructor บอกให้เลี้ยวได้เลยในความเร็วที่สูงกว่าทุกคัน ว้าวววว เลี้ยวได้จริง ในความเร็วที่หลายคันทำไม่ได้ พร้อมทั้งรถไม่เสียอาการอะไรเลย ซึ่งแสดงให้เห็นว่า SL 43 เป็นรถที่ทำให้รู้สึกว่าเครื่องเท่านี้แรงไม่พอเพราะด้วยการเกาะถนนที่ดีจนรู้สึกว่าอยากได้ความแรงมากกว่านี้

 

 

หลังจากเสร็จสิ้นการทดสอบทั้ง 3 สถานี ผู้ฝึกสอนจะนำเข้าสู่การจำลองการแข่งขันสุดท้าทาย
ที่เปรียบเสมือนบทพิสูจน์สุดท้ายของกิจกรรม เริ่มต้นด้วยรอบ Lead & Follow ที่จะมีการแบ่งกลุ่มการขับขี่ และใช้รถทดสอบของเมอร์เซเดส-เบนซ์ที่มีสมรรถนะใกล้เคียงกัน เพื่อให้ผู้เข้าร่วมทดสอบได้แสดงศักยภาพการขับขี่อย่างเท่าเทียม โดยมีผู้ฝึกสอนคอยนำทางเพื่อสร้างความคุ้นเคยกับเส้นทางในการแข่ง ก่อนที่จะเข้าสู่โหมดการแข่งขันที่เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมทดสอบได้รับประสบการณ์จริง บนสถานการณ์จริง ที่มีการจับเวลาการแข่งขันเพื่อหาผู้ที่สามารถนำยนตรกรรมขั้นสูงของเมอร์เซเดส-เบนซ์ เข้าสู่เส้นชัยด้วยเวลาที่เร็วที่สุด


เมื่อสิ้นสุดการแข่งขัน ผู้เข้าร่วมกิจกรรมทุกท่านจะได้รับประกาศนียบัตรที่ได้รับการรับรองจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย เพื่อตอกย้ำความเอ็กซ์คลูซีฟในการเป็นส่วนหนึ่งของ “Mercedes-Benz Driving Events 2023” กิจกรรมการทดสอบรถยนต์และการฝึกทักษะขั้นสูงของเมอร์เซเดส-เบนซ์

 

สำหรับงาน Mercedes-Benz Driving Events 2023 ทางเมอร์เซเดส-เบนซ์ได้ร่วมมือกับ กู๊ดเยียร์ (Goodyear) ในฐานะของพันธมิตรทางธุรกิจที่มีบทบาทเป็นผู้ที่สนับสนุนยางรถยนต์สำหรับรถทดสอบของเมอร์เซเดส-เบนซ์ โดย Goodyear ได้นำ Mercedes-Benz Original Tyres ที่มีการพัฒนาและออกแบบมาเพื่อยนตรกรรมขั้นสูงของเมอร์เซเดส-เบนซ์โดยเฉพาะ มาใช้ในกิจกรรมดังกล่าว


 


ความคิดเห็น


เรียกดูข่าวตามประเภทยานพาหนะ

ค้นหาข่าวโดยยี่ห้อ