Mitsubishi Xpander Cross 2023 ในโฉมนี้ไม่ใช่แค่การแต่งหน้าทาปากใหม่ แต่ยังเพิ่มระบบ AYC (Active Yaw Control) ระบบที่จะช่วยให้การเข้าโค้งของคุณปลอดภัยมากขึ้น
รถยนต์ 7 ที่นั่ง ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่กำลังได้รับความนิยม เพราะใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งบรรทุกคน บรรทุกของ ซึ่งรถแต่ละค่ายต่างก็มีข้อดี ข้อด้อยที่แตกต่างกันไป Mitsubishi Xpander Cross ก็เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่เข้ามาทำตลาดในไทยได้พักใหญ่ เจาะกลุ่มผู้ที่ต้องการรถครอบครัวสายลุย โดย Mitsubishi Xpander Cross 2023 โฉมใหม่ล่าสุดนี้ ถือเป็นรุ่น Minor Change ที่ได้ปรับปรุงหน้าตาให้หล่อเหลาเข้ากับยุคสมัยมากขึ้น พร้อมเพิ่มเติมระบบ AYC (Active Yaw Control) ระบบควบคุมเสถียรภาพการเข้าโค้ง ในส่วนของช่วงล่าง ได้มีการปรับจูนใหม่ วันนี้ออโต้สปินน์ได้มีโอกาสขับทดสอบบนเส้นทางจังหวัดเชียงราย ขับทั้งทางเรียบ และทางลุย มีขึ้นเขา ลงเขา รวมถึงได้ทดสอบระบบ AYC ด้วย เลยขอใช้พื้นที่ตรงนี้เพื่อเล่าสู่กันฟังครับ
รับชมรีวิวรูปแบบวีดีโอได้ที่นี่
Mitsubishi Xpander Cross 2023 มิติตัวถัง
- ความกว้าง 1,790 มม. (ลดลงจากรุ่นเดิม 10 มม.)
- ความยาว 4,595 มม. (เพิ่มขึ้นจากรุ่นเดิม 95 มม.)
- ความสูง 1,750 มม.
- ระยะต่ำสุดถึงพื้น 220 มม.
รีวิว Mitsubishi Xpander Cross 2023 ดีไซน์ภายนอก
ด้านหน้ามาในดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยว ไฟหน้าแบบ LED เปลี่ยนใหม่ยกชุด ด้านในเป็นโคม 3 ดวง ทำหน้าที่เป็นไฟต่ำ 2 ดวง และไฟสูง 1 ดวง พร้อมไฟเดย์ไทม์รันนิ่ง และไฟตัดหมอกที่ด้านล่างสุด สำหรับกันชนหน้าและกันชนหลังได้มีการปรับใหม่ให้ดูลงตัวมากขึ้น รับเข้ากับชุดกระจังหน้าสีดำเงา และชื่อรุ่นคำว่า Xpander Cross บนฝากระโปรงหน้า และเพิ่มระบบปัดน้ำฝนแบบอัตโนมัติ
ดีไซน์ด้านข้างมีการตกแต่งแผงข้างประตู และซุ้มล้อใหม่ โดยตกแต่งในรูปแบบ ครอสดีไซน์ (CROSS Design)
ที่ด้านบนติดแร็คราวหลังคา กระจกมองข้างปรับและพับด้วยไฟฟ้ามีไฟเลี้ยวให้ในตัว มือเปิดประตูสีเงินโครเมียม
ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้วดีไซน์ใหม่ รัดด้วยยางขนาด 205/55 R17 สำหรับระบบช่วงล่างได้มีการปรับเซ็ตใหม่โดยมีการเพิ่มขนาดของกระบอกโช้คให้ใหญ่ขึ้น เพื่อรองรับกับการใช้งานที่ดีมากยิ่งขึ้นช่วยลดอาการเฟด รวมถึงเพิ่มขนาดแกนและสปริงให้ใหญ่ขึ้นเพื่อช่วยทรงตัวในขณะทำความเร็ว ในส่วนของเหล็กค้ำโช้ค จริงๆแล้วใส่มาให้ตั้งแต่ในรุ่นแรกแล้ว แต่ถูกซ่อนเอาไว้ข้างใน
ด้านท้ายมาในดีไซน์ที่ดูโฉบเฉี่ยว ไฟท้ายถูกออกแบบเป็นรูปตัว T แต่น่าเสียดายที่ในรุ่นปี 2023 นี้ ยังไม่มีกล้องมองรอบคันมาให้ มีให้แค่กล้องถอยเท่านั้น รวมถึงฝากระโปรงท้ายก็ยังไม่ใช่แบบไฟฟ้า
รีวิว Mitsubishi Xpander Cross 2023 ดีไซน์ภายใน
ภายในห้องโดยสารสีทูโทน ดำ-น้ำเงิน เบาะแถว 1 และ 2 หุ้มด้วยหนังสังเคราะห์พร้อมคุณสมบัติสะท้อนความร้อน Heat Guard ส่วนเบาะแถว 3 จะหุ้มด้วยหนังสังเคราะห์แบบธรรมดา
พวงมาลัยแบบสี่ก้านหุ้มหนังพร้อมปุ่มมัลติฟังก์ชั่นรูปแบบเดียวกับที่อยู่ใน Pajero Sport และมีปุ่มตั้ง Cruise Control แต่ยังไม่ใช้แบบแปรผัน
มาตรวัดแอลซีดีขนาด 8 นิ้ว รูปแบบเดียวกับที่อยู่ใน Pajero Sport สามารถดูการทำงานของระบบ AYC (Active Yaw Control) ได้ที่หน้าจอนี้
จอเครื่องเล่นขนาด 9 นิ้ว รองรับทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto เมื่ออยู่ในตำแหน่งเกียร์ถอย หน้าจอจะตัดเป็นภาพกล้องด้านหลัง พร้อมเส้นกะระยะ แบบไม่หมุนเลี้ยวตามพวงมาลัย
แอร์แบบออโต้พร้อมระบบกรอง PM 2.5 ซึ่งแอร์ของ Mitsubishi Xpander ทุกรุ่น จะมีตู้แอร์ 2 ตู้ แยกหน้า-หลัง
ด้านหน้ามีช่องจ่ายไฟ 12 V. หนึ่งช่อง และช่อง USB-A สองช่อง
ที่คอนโซลเกียร์จะมีปุ่ม Auto Hold และปุ่มเบรกมือไฟฟ้า
กระจกที่มองไปด้านหลังเป็นแบบตัดแสงออโต้
เบาะแถวสอง ผมสูง 175 ซม. นั่งแล้วศีรษะไม่ติดเพดาน ยังเหลือช่องว่างอีกเยอะมากครับ รวมไปถึงที่วางเท้าก็ยังเหลือพื้นที่อีกเหลือเฟือ เบาะสามารถปรับเอนได้ และพับได้เรียบ มีแอร์เพดานที่ใช้ร่วมกับเบาะแถวสาม และมีช่อง USB-A ,USB-C อย่างละหนึ่งช่อง
เบาะแถวสาม ก้าวขึ้น-ลงได้ง่าย สามารถปรับเอน และพับได้เรียบ ที่ผนังด้านข้างมีช่องจ่ายไฟ 12 V. รวมถึงช่องวางแก้วน้ำ จากการทดสอบนั่งที่เบาะแถวสาม ถือว่าเป็นเบาะที่สามารถนั่งได้จริงครับ เหมาะสำหรับการนั่งโดยสารที่ใช้เวลาไม่เกิน 2 ชั่วโมง ถ้านั่งนานกว่านั้นจะเริ่มรู้สึกเวียนหัว เพราะตำแหน่งเบาะจะตรงกับล้อหลังพอดี ทำให้รับรู้ถึงแรงสะเทือนเมื่อเจอรอยต่อถนนหรือทางขรุขระ
เครื่องยนต์ Mitsubishi Xpander Cross 2023
เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ MIVEC DOHC ขนาด 1,499 ซีซี กำลังสูงสุด 105 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 141 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที พร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติ ECO-Dynamic CVT
ทดสอบขับขี่ Mitsubishi Xpander Cross 2023
สำหรับการทดสอบขับขี่ในครั้งนี้ เราอยู่กันที่จังหวัดเชียงราย ทดสอบหลากหลายสภาพถนน มีทั้งทางเรียบ ทางลุย ขับขึ้น-ลงดอยช้าง ขับบนทางฝุ่น พร้อมทั้งมีสเตชั่นที่ทางมิตซูบิชิได้จัดเตรียมไว้สำหรับทดสอบระบบ Traction Control และทดสอบระบบ AYC (Active Yaw Control)
การทดสอบแรกเราอยู่บนถนนทางเรียบ ช่วงแรกของการขับออกตัว เมื่ออยู่ในตำแหน่งเกียร์ D พอยกเท้าออกจากเบรก รถก็พร้อมที่จะเคลื่อนแบบไม่รู้สึกหน่วง เมื่อไต่ระดับเรื่อย ๆ จนมาถึงที่ความเร็วประมาณ 80 กม./ชม. จากนั้นผมได้คิกดาวน์ อัตราเร่งถือว่ามาดีใช้ได้เลยครับ เกียร์ระบบ CVT เปลี่ยนได้สมูท พวงมาลัยน้ำหนักกำลังดี ช่วงล่างที่ได้มีการปรับเซ็ตมาใหม่เอาอยู่ แม้จะอยู่ที่ความเร็ว 160 กม./ชม. ก็ตาม
แต่ถ้าเกิดเราคิกดาวน์ตั้งแต่จอดออกตัว ความรู้สึกจะคนละเรื่องกันเลยครับ เพราะเสียงของเครื่องยนต์จะดังโหยหวนนำหน้ามาก่อน แล้วความเร็วจะตามมาทีหลัง เพราะรุ่นนี้ตัวถังค่อนข้างใหญ่ตามสไตล์รถครอบครัว และใช้เครื่องยนต์เพียงแค่ 1.5 ลิตร จึงไม่ค่อยเหมาะกับการขับซิ่งตั้งแต่ออกตัว
สำหรับการขับขึ้นเขา (ดอยช้าง) เราสามารถใช้เกียร์ D ไต่ขึ้นไปได้เลยครับ กำลังของเครื่องยนต์มีมากพอที่จะแบกตัวถัง และผู้โดยสารผู้ร่วมทริปอีก 3 คน ได้แบบสบาย แทบไม่ต้องใช้เกียร์ L ช่วยเลยล่ะครับ ส่วนเกียร์ L จะได้ใช้จริงก็ตอนที่ขับลงเขาแบบชัน ๆ เพื่อช่วยหน่วงตัวรถแทนการเหยียบเบรก
สำหรับช่วงล่าง ด้านหน้าเป็นแบบแม็คเฟอร์สันสรัท คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง และเหล็กค้ำที่หัวโช้ค ส่วนด้านหลังเป็นแบบ ทอร์ชั่นบีม เมื่อขับบนทางเรียบจะให้ความรู้สึกเฟิร์มไม่ย้วย แต่จะเห็นผลได้อย่างชัดเจนเมื่อวิ่งบนทางขรุขระ ช่วงล่างซับแรงสะเทือนได้ดีเลยทีเดียวครับ และรุ่นนี้ได้มีการปรับจูนพวงมาลัยใหม่ให้คืนตัวได้มากขึ้น
ทดสอบระบบ Traction Control
สำหรับการทดสอบระบบ Traction Control หรือระบบป้องกันการลื่นไถล ด้วยการจอดรถคาอยู่บนเนินที่มีเศษใบไม้และดินทราย หากรถที่ไม่มีระบบนี้ เมื่อเติมคันเร่งบนถนนลื่น ตัวรถจะออกอาการลื่นไถลจนหมุนขวางลำ แต่สำหรับเจ้า Xpander Cross คันนี้ ระบบจะเข้ามาช่วยทำงานทันทีเมื่อรถมีอาการลื่นไถล โดยระบบจะปรับแรงหมุนของล้อข้างซ้ายและขวาให้สมดุลกัน ทำให้สามารถขับผ่านเส้นทางลื่นไปได้แบบปลอดภัย จากการทดสอบถือว่าระบบTraction Control ใน Xpander Cross ทำงานได้สมูทเลยทีเดียวครับ
ทดสอบระบบ AYC (Active Yaw Control)
โดยปกติของรถยนต์ขับเคลื่อนล้อหน้า หากเราขับเข้าโค้งแบบแรง ๆ หรือเข้าโค้งหักศอกด้วยความเร็ว มักจะเกิดอาการหน้าดื้อ ทำให้หลุดโค้ง หรือบางทีก็รถหมุน ซึ่งระบบ AYC นี้จะเข้ามาช่วยทำให้การเข้าโค้งทำได้สมูทยิ่งขึ้น โดยระบบนี้จะทำงานร่วมกับ G Sensor หากตรวจจับได้ว่ารถมีแรงเหวี่ยงที่มากเกินไป ระบบ AYC จะเริ่มทำงาน โดยจะเริ่มทำงานที่ความเร็ว 15 กม./ชม. แต่มีข้อแม้อยู่ว่าเราจะต้องเหยียบคันเร่งอยู่ตลอดเวลา และห้ามเหยียบเบรก ซึ่งการทดสอบในครั้งนี้จะขับเข้าโค้งแบบหักศอกที่ความเร็ว 40 กม./ชม. บนทางฝุ่นที่เป็นดินแดงและลื่น จากการทดสอบ ผมสามารถขับเข้าโค้งได้แบบนิ่ง ๆ โดยที่รถไม่มีอาการลื่นไถล
ซึ่งผู้ขับขี่สามารถดูการทำงานได้ที่จอมาตรวัดเรือนไมล์ จะมีแถบไล่ระดับจาก 1-5 ไล่จากน้อยไปมาก แต่ระบบนี้จะได้ใช้จริงก็ต่อเมื่อเป็นเหตุฉุกเฉินที่ต้องสาดโค้งแบบแรง ๆ เช่นหักหลบสิ่งกีดขวางกะทันหัน หรือช่วงขับเข้าโค้งแล้วถนนเปียกลื่นจนรถเริ่มเสียอาการ
สรุปโดยรวม ก็ถือว่า Mitsubishi Xpander CROSS 2023 เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ต้องการรถครอบครัวสักคันไว้ใช้งาน ในเรื่องของการขับขี่นั้นไม่ได้แรงจนหลังติดเบาะ แต่เป็นรถที่สามารถไต่ระดับไปได้เรื่อย ๆ ตามสไตล์รถครอบครัว และด้วยความสูงจากพื้น 220 มม. ทำให้รุ่นนี้สามารถขับลุยไปในเส้นทางที่ขรุขระ เป็นหลุมบ่อ ได้อย่างปลอดภัย มีระบบความปลอดภัยที่ครอบคลุมการใช้งาน และยังมาพร้อมดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยวทันสมัย
สำหรับราคาจำหน่ายของ Mitsubishi Xpander CROSS 2023 อยู่ที่ 946,000 บาท ปรับเพิ่มขึ้นจากรุ่นเดิม 7,000 บาท มี 4 สีให้เลือก คือ
- สีเขียว Green Bronze Metallic (เพิ่ม 10,000 บาท)
- สีขาวมุก Quartz White Pearl (เพิ่ม 10,000 บาท)
- สีเงิน Blade Silver
- สีเทา Graphite Gray
(พร้อมสีทูโทนอีก 2 สไตล์ คือ สีเขียวหลังคาดำ Green Bronze Metallic with Black Roof และสีขาวหลังคาดำ Quartz White Pearl with Black Roof เพิ่มเงิน 10,000 บาท)
อัปเดตข่าวรถยนต์ ดูรีวิวรถยนต์ รีวิวรถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ เช็คราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ไปกับ Autospinn.com
ซื้อขายรถมือสอง ทุกรุ่น ทุกแบบ ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน ดูรายละเอียด และราคารถมือสองได้ที่ ตลาดรถ One2car
ความคิดเห็น