รีวิว Ford Mustang 5.0 V8 GT หล่อ เท่ ดุดัน แต่ซดน้ำมันไม่เกรงใจใคร Share this
รีวิวรถยนต์
โหมดการอ่าน

รีวิว Ford Mustang 5.0 V8 GT หล่อ เท่ ดุดัน แต่ซดน้ำมันไม่เกรงใจใคร

Champ Autospinn
โพสต์เมื่อ 12 May 2566

Ford Mustang 5.0L V8 GT แม้จะซดน้ำมันราวกับว่าถังรั่ว แต่ถ้าแลกกับความหล่อ และความสนุกในการขับขี่ที่ได้นั้น บอกเลยว่าคุ้ม


Ford Mustang (ฟอร์ด มัสแตง) เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่มีประวัติยาวนานตั้งแต่ปี 1964 แม้เวลาจะผ่านมากว่า 60 ปี แต่ความนิยมก็ไม่ได้ลดน้อยลงเลย จากเดิมที่ผลิตเฉพาะพวงรุ่นมาลัยซ้าย แต่ด้วยความนิยมที่มีอย่างแพร่หลาย ทางฟอร์ดจึงยอมผลิตมัสแตง รุ่นพวงมาลัยขวาในช่วงปี 2015 เพื่อสนองความต้องการของลูกค้าในประเทศต่าง ๆ รวมถึงลูกค้าชาวไทย แต่ถึงกระนั้น การที่ลูกค้าชาวไทยจะได้เจ้า "ม้าป่า" มาครอบครอง ส่วนใหญ่จะต้องซื้อผ่านโชว์รูมผู้นำเข้าอิสระ เพราะช่วงนั้นทางฟอร์ดประเทศไทย ยังไม่ได้นำรุ่นนี้เข้ามาจำหน่าย

ต่อมาช่วงปี 2018 ทางฟอร์ดประเทศไทย ได้นำ Ford Mustang เข้ามาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นการนำเข้าแบบทั้งคัน CBU โดยมีให้เลือก 2 รุ่น คือ

  • Mustang 2.3L EcoBoost
  • Mustang 5.0L V8 GT

บทความนี้ ออโต้สปินน์ได้มีโอกาสนำรุ่น 5.0L V8 GT มาทดสอบเลยอยากใช้พื้นที่ตรงนี้เพื่อเล่าสู่กันฟังครับ

รับชมรีวิว Mustang 5.0L V8 GT รูปแบบวีดีโอได้ที่นี่

ภายนอก Ford Mustang 5.0L V8 GT

รูปลักษณ์ภายนอกของ Ford Mustang มาในตัวถังแบบ 2 ประตู หน้ายาวท้ายสั้น หลังคาทรงลาด ที่ดูปราดเปรียว ตามสไตล์ American Muscle ไฟหน้าแบบ LED Projector พร้อมไฟ LED Day Time Running Lights แถบไฟ 3 ขีด และกระจังหน้าขนาดใหญ่พร้อมโลโก้รูปม้า ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของ

ในรุ่น 5.0L V8 GT จะได้ล้อแม็กซ์ขนาด 19 นิ้ว

  • ล้อคู่หน้ากว้าง 9 นิ้ว ยาง 255/40ZR19 คาลิปเปอร์ Brembo 6 สูบ
  • ล้อคู่หลังกว้าง 9.5 นิ้ว ยาง 275/40ZR19

บั้นท้ายที่ดูโอ่อ่ายื่นออกข้าง ให้ความรู้สึกทรงพลัง พร้อมไฟท้าย LED แถบ 3 ขีด และโลโก้ GT ที่ด้านท้าย

Mustang 5.0L V8 GT จะมีท่อไอเสีย 4 ท่อ ท่อด้านในฝั่งซ้ายและขวา จะมีแผ่นเหล็ก ทำหน้าที่เป็นวาล์วเปิด-ปิด ซึ่งรุ่นนี้จะสามารถปรับเสียงท่อได้ 4 ระดับคือ

  • Quiet : วาล์วจะปิดสุด เสียงท่อจะเงียบ
  • Normal : วาล์วจะเปิดเล็กน้อย เสียงจะเริ่มดังขึ้น
  • Sport : วาล์วจะเปิดเกือบสุด เสียงดังเพิ่มขึ้นจาก Normal
  • Track : วาล์วจะเปิดสุด ทำให้เสียงดังสุดถ้าเทียบกับในโหมดอื่น ๆ

โดยปกติแล้ว การสตาร์ทเครื่องยนต์ครั้งแรก จะสตาร์ทด้วยโหมด Normal ซึ่งเสียงจะค่อนข้างดัง อาจเป็นการรบกวนเพื่อนบ้าน ทางฟอร์ดจึงได้แก้ปัญหาตรงจุดนี้ด้วยการใส่ฟังก์ชัน Quiet Start โดยผู้ใช้งานสามารถเข้าไปตั้งเวลาได้เอง ว่าจะให้สตาร์ทในโหมด Quiet เวลาไหน

ภายใน  Ford Mustang 5.0L V8 GT

แม้จะเป็นรถ 2 ประตู แต่พื้นฐานมาจากทางฝั่งอเมริกา จึงมีภายในที่กว้างขวาง เบาะตอนหน้าเป็นแบบปรับไฟฟ้า แต่จะเป็นไฟฟ้าแบบครึ่งตัวเฉพาะเบาะนั่ง ส่วนพนักพิงปรับเอนด้วยมือ นั่งแล้วรู้สึกกระชับ ไม่อึดอัด ขับทางไกลไม่เมื่อย

เบาะตอนหลังมีที่นั่งมาให้ 2 ที่ ลักษณะเป็นหลุม มีจุดยึดเพื่อติดตั้ง Car Seat และเบาะหลังสามารถพับได้ เมื่อพับเบาะแล้วก็จะได้พื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายเพิ่มขึ้น สามารถใส่ของที่เป็นทรงยาวได้ ถือเป็นรถ 2 ประตูที่มีความอเนกประสงค์เลยทีเดียว

แผงปุ่มกดต่าง ๆ มากมาย โดยส่วนตัวผมค่อนข้างชอบกับปุ่มเยอะ ๆ แบบนี้ นอกจากจะดูเท่แล้ว ยังใช้งานได้ง่ายกว่าการที่เอาปุ่มไปซ่อนรวมไว้ที่หน้าจอ มีปุ่มสำหรับเลือกโหมดการขับขี่ต่าง ๆ จอเครื่องเล่นขนาด 8 นิ้ว พร้อม Bluetooth และ Wi-Fi รองรับ Apple CarPlay และ Andriod Auto มีระบบโทรออกฉุกเฉิน เมื่อรถเกิดอุบัติเหตุจนถุงลมนิรภัยทำงาน ระบบ SYNC ™ 3 จะโทรออกไปยังหน่วยแพทย์ฉุกเฉิน 1669 โดยอัตโนมัติ เพื่อแจ้งพิกัดให้ทราบและเปิดสายให้คุยกับเจ้าหน้าที่

ระบบเครื่องเสียง Bang & Olufsen ลำโพงรอบคัน 12 จุด พร้อมซับวูฟเฟอร์ที่ด้านท้าย หลังจากที่ได้ทดลองใช้งาน ต้องบอกเลยว่าเสียงดีมาก อารมณ์เหมือนเรานั่งอยู่ตรงกลาง ที่รายล้อมไปด้วยเสียงเพลง

อีกฟีดเจอร์ที่น่าสนใจก็คือ สามารถเปลี่ยนสี Display หน้าจอ และเปลี่ยนสีไฟ Ambient Light ในรถได้ มีฟังก์ชั่นต่าง ๆ มากมายใน Track App เช่น จับเวลาความเร็วจาก 0-100 ,จับเวลาและระยะเบรกจาก 100-0 ,Line Lock ระบบช่วยเบิร์นยาง เรียกได้ว่าเป็นรถที่พร้อมลงแข่งในสนามเลยทีเดียว

เครื่องยนต์ขนาด 5.0 V8 Ti-VCT 8 สูบ 449 แรงม้า แรงบิด 529 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติแบบ 10 สปีด

มีโหมดการขับขี่ 5 โหมดหลัก ได้แก่

  • Normal Mode เป็นโหมดขับขี่ทั่วไป เหมาะกับทุกสภาพถนน อัตราเร่งในโหมดนี้ ถือว่าทำได้ดี กดคันเร่งปุ๊บมาปั๊บ แทบไม่ต้องรอรอบ
  • Snow / Wet Mode ในโหมดนี้ การตอบสนองของคันเร่ง ค่อนข้างช้าลงแบบรู้สึกได้ เหมาะกับการขับขี่ในทางลื่น เพื่อป้องกันล้อหมุนฟรี
  • Sport+ Mode เป็นโหมดที่ผมชอบมาก กดคันเร่งเมื่อไหร่ พร้อมที่จะพุ่งทะยานออกไปทันที ลากรอบได้สูงขึ้น คันเร่งไว อัตราเร่งมาดีมาก
  • Track Mode ในโหมดนี้ ระบบควบคุมการทรงตัวจะถูกปิดการทำงาน คันเร่งจะมีความไวขึ้น ซึ่งโหมดนี้ต้องใช้ทักษะในการควบคุมรถกันพอตัว ไม่เหมาะสำหรับมือใหม่
  • Drag Strip Mode เป็นโหมดที่เหมาะสำหรับทางตรง รถจะออกตัวได้เร็วกว่าปกติ เกียร์เปลี่ยนไวขึ้น ซึ่งเป็นการเปลี่ยนเกียร์ที่ไวแต่รอบเครื่องไม่ตกเลย

ในส่วนของพวงมาลัย ก็สามารถปรับน้ำหนักได้เช่นกัน มีอยู่ทั้งหมด 3 โหมด คือ

  • Comfort Steering พวงมาลัยจะเบา เหมาะสำหรับการใช้งานในเมือง
  • Normal Steering เป็นน้ำหนักพวงมาลัยแบบปกติ ตึงมือกว่า Comfort
  • Sport Steering พวงมาลัยจะหนักขึ้น เหมาะสำหรับการขับขี่ที่ต้องใช้ความเร็ว

ในส่วนของช่วงล่าง ด้านหน้าเป็นแบบแมคเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังเป็นแบบอิสระอินทิกรัลลิงค์ พร้อมคอยล์สปริงและเหล็กกันโคลง ทางผู้ผลิตเซ็ทมาได้อย่างลงตัว ให้ความรู้สึกเฟิร์มกำลังดี ไม่นิ่มยวบยาบ เพื่อรองรับขุมพลัง 5.0 ลิตร 449 แรงม้า และแรงบิดที่มากถึง 529 นิวตันเมตร และด้วยความที่เจ้าคันนี้เป็นรถขับหลัง จึงมีการเพิ่มหน้ากว้างของล้อหลังให้มากกว่าล้อหน้า ทำให้การขับขี่รู้สึกมั่นใจ นอกจากนี้ในชุด Performance Package เค้าก็ให้ในส่วนของเฟืองท้าย ที่เป็นแบบ Limited Slip Differential หากล้อข้างใดข้างนึงในเพลาเดียวกันหมุนเร็วกว่าปกติ ระบบก็จะสั่งให้ลดแรงของล้อนั้น ๆ และส่งกำลังไปยังอีกล้อที่หมุนแบบปกติแบบอัตโนมัติ

สำหรับการขับขี่นั้น ด้วยพลังเครื่องยนต์ 5.0 V8 NA ขับหลัง เป็นรถที่ได้ความดิบ และความแรงแบบไม่ต้องพึ่งเทอร์โบ ในรุ่น 5.0 เป็นรถที่ต้องใช้สกิลการขับพอสมควร แม้จะมีระบบต่าง ๆ คอยช่วยเหลือ แต่ถ้ารถยังตั้งลำไม่ตรงแล้วเติมคันเร่งมั่ว ได้หมุนอยู่กลางถนนแน่นอน ในส่วนของอัตราเร่ง สั่งได้ดั่งใจ ไม่ว่าคุณจะอยู่ในโหมดการขับขี่ไหนก็พร้อมจะพุ่งทะยานได้ทุกเมื่อ ถือเป็นรถที่ขับสนุกมากรุ่นนึงเลยทีเดียว อีกหนึ่งจุดเด่นของ 5.0 V8 คือเสียงคำรามของเครื่องยนต์ ที่ถ่ายทอดออกผ่านท่อไอเสีย แม้ว่าจะอยู่ในโหมดที่เงียบสุด แต่ด้วยพลังของเครื่อง 5.0 V8 มันก็ไม่สามารถเก็บความเงียบได้เหมือนรถเครื่องเล็ก ๆ ขับเข้าหมู่บ้านตอนดึก ต้องค่อย ๆ คลาน เดี๋ยวชาวบ้านแตกตื่น

อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง ที่ลองใช้งานจริง

  • ถ้าขับห้าวหน่อย มีเท่าไหร่ใส่หมด ได้ 4 กม./ล.
  • ขับในเมืองแบบที่คนปกติเค้าขับกัน ได้ 6.5 กม./ล.
  • ขับนอกเมือง ถนนโล่ง ไม่มีรถติดเลย ถ้าเท้าเบาหน่อยก็ 10+ กม./ล. ถ้ากดแบบโหด ๆ บ้างบางครั้งก็ 8-9 กม./ล.

สรุปโดยรวม Ford Mustang 5.0L V8 GT ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ สำหรับผู้ที่ต้องการความดิบของเครื่องยนต์ และเสียงคำรามที่แผดออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติ อีกทั้งยังเป็นรถสมรรถนะสูงที่มีราคาไม่แรงมาก หากเทียบกับรุ่นเครื่องยนต์ 5.0 ลิตร ของค่ายอื่น ที่มีจำหน่ายในประเทศไทยตอนนี้

ราคา Ford Mustang 2023

  • Mustang 2.3L EcoBoost ราคา 3,799,000 บาท
  • Mustang 5.0L V8 GT ราคา 4,999,000 บาท

อัปเดตข่าวรถยนต์ ดูรีวิวรถยนต์ รีวิวรถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ เช็คราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ไปกับ Autospinn.com

ซื้อขายรถมือสอง ทุกรุ่น ทุกแบบ ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน ดูรายละเอียด และราคารถมือสองได้ที่ ตลาดรถ One2car


ความคิดเห็น


เรียกดูข่าวตามประเภทยานพาหนะ

ค้นหาข่าวโดยยี่ห้อ