สถาบันยานยนต์ ร่วมมืออาร์เอ็กซ์ เทรดเด็กซ์ จัดสัมมนาด้านยานยนต์ในงาน “แมนูแฟกเจอริ่ง เอ็กซ์โป” (Manufacturing Expo) 2023 และสัมมนา “ออโตโมทีฟ ซัมมิท” (Automotive Summit) 2023 ระหว่างวันที่ 21-22 มิถุนายนนี้ ที่ไบเทค บางนา และเชื่อว่ารัฐบาลใหม่เดินหน้านโยบายความเป็นกลางทางคาร์บอน ดันไทยขึ้นแท่นฮับอีวี
สถาบันยานยนต์ เชื่อรัฐบาลใหม่เดินหน้านโยบายความเป็นกลางทางคาร์บอน ดันไทยขึ้นแท่นฮับอีวี
ดร. เกรียงศักดิ์ วงศ์พร้อมรัตน์ ผู้อำนวยการสถาบันยานยนต์ ได้กล่าวถึงภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ของโลกว่า ข้อมูลเดือนมกราคม-เมษายน 2566 ระบุว่า ทั่วโลกมีปริมาณจำหน่ายยานยนต์ 27.5 ล้านคัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ร้อยละ 9 สะท้อนถึงตลาดยานยนต์ทั่วโลกที่กำลังฟื้นตัว และปัญหาการขาดแคลนชิ้นส่วนเพื่อการผลิตเริ่มคลี่คลาย คาดการณ์ว่าในปี พ.ศ. 2566 จะมียอดขายรถยนต์ทั่วโลก 86.05 ล้านคัน (ข้อมูลจาก LMC Automotive)
สถานการณ์ยานยนต์ 4 เดือนแรก
ส่วนภาพรวมในไทยปี พ.ศ. 2566 คาดการณ์ปริมาณผลิต 1.95 ล้านคัน ขายในประเทศ 0.90 ล้านคัน และส่งออก 1.05 ล้านคัน และในเดือน มกราคม-เมษายน 2566 มีปริมาณการผลิต 625,423 คัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 5 ตลาดรถยนต์ในประเทศมีปริมาณ 276,603 คัน ลดลงร้อยละ 6 เนื่องจากการเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อของสถาบันการเงิน
อันเป็นผลจากหนี้ครัวเรือนอยู่ในอัตราสูงและอัตราดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาขึ้นเพิ่มขึ้น ปริมาณจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้า 19,347 คัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 1,206 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ในขณะที่ตลาดส่งออกมีปริมาณ 353,632 คัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 18 เป็นผลจากฐานต่ำของปีที่แล้ว เนื่องจากปัจจัยด้านอุปทาน ที่ขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์และชิ้นส่วนเพื่อการผลิต
ปัจจัยภายนอกที่มีผลต่อตลาดส่งออก
ปัจจัย ที่จะมีผลกระทบต่อปริมาณผลิต จำหน่ายและส่งออก ว่าจะเป็นไปตามเป้าหมายหรือไม่ ขึ้นอยู่กับปัจจัยทั้งภายนอกและภายในประเทศ “สำหรับปัจจัยภายนอกประเทศนั้น สถานการณ์ตลาดส่งออก คาดการณ์ว่า ตลาดหลักคือ อาเซียนและตะวันออกกลางจะยังเติบโต ร้อยละ 4 และ 6 ตามลำดับ (ข้อมูลจาก IHS Markit) เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวจากสถานการณ์โควิด-19 ในขณะที่ตลาดออสเตรเลียจะทรงตัว
เนื่องจากกำลังซื้อของผู้บริโภคในประเทศเริ่มชะลอตัวจากหนี้ภาคครัวเรือน อย่างไรก็ดี ในกลุ่มตลาดหลัก คือ ออสเตรเลียและอาเซียน ภาครัฐมีนโยบายส่งเสริมการใช้งานยานยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น โดยมีทั้งมาตรการด้านอุปสงค์และอุปทาน ทำให้การเติบโตของตลาดส่วนหนึ่งจะมาจากกลุ่มยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งยังไม่ใช่ผลิตภัณฑ์หลักที่ประเทศไทยส่งออก จึงอาจทำให้เสียโอกาสการส่งออกบางส่วน
นอกจากนี้ ในไตรมาส 1 ปี พ.ศ. 2566 การส่งออกรถยนต์จากจีนมีจำนวน 1.07 ล้านคัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 58 มากกว่าการส่งออกของญี่ปุ่นที่มีจำนวน 950,000 คัน เนื่องจากความนิยมในยานยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และความสามารถการแข่งขันของผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าของจีนเพิ่มขึ้นมาก ผู้ผลิตรถยนต์ต่างประเทศที่ตั้งโรงงานในจีนเริ่มพิจารณาปรับลดการลงทุน
เนื่องจากไม่สามารถแข่งขันด้านต้นทุนกับผู้ผลิตรถยนต์ของจีนได้ ผลดังกล่าว อาจจะทำให้การส่งออกรถยนต์ไฟฟ้ามายังประเทศไทยมากขึ้น ทั้งรถยนต์ของจีนและรถยนต์ของต่างประเทศที่ลงทุนในจีน
เชื่อรัฐบาลใหม่เดินหน้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน
ส่วนปัจจัยภายในประเทศนั้น ขึ้นอยู่กับว่า นโยบายของรัฐบาลชุดใหม่จะมีทิศทางการส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์อย่างไร แต่เชื่อว่า นโยบายของรัฐยังคงมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon neutral) ซึ่งรวมถึงอุตสาหกรรมยานยนต์ ทำให้คาดว่าภาครัฐน่าจะมีมาตรการส่งเสริมยานยนต์คาร์บอนต่ำด้วยเช่นเดียวกัน
เพราะการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าและเทคโนโลยีที่เกี่ยวเนื่อง เป็นเทรนด์โลก หากไทยต้องการเป็นศูนย์กลางการผลิตอันดับต้นๆ ในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จำเป็นต้องรักษาฐานการผลิต แม้ว่าค่าแรงที่รัฐบาลใหม่ประกาศนั้นจะสูงถึงวันละ 450 บาท แต่เชื่อว่า ฝีมือและความรู้ ความสามารถของแรงงานก็น่าจะเป็นปัจจัยในการขับเคลื่อนเรื่องนี้ด้วย ไม่ใช่เฉพาะค่าแรงเพียงอย่างเดียว
ปัจจุบันมีผู้ผลิตยานยนต์จากจีนลงทุนในไทย 4 ราย ได้แก่
- SAIC (กำลังการผลิต 100,000 คันต่อปี)
- GWM (กำลังการผลิต 80,000 คันต่อปี)
- BYD (กำลังการผลิต 150,000 คันต่อปี)
- NETA (กำลังการผลิต 20,000 คันต่อปี)
ที่เหลืออยู่ระหว่างจัดตั้งธุรกิจ 2 ราย ได้แก่ GAC Aion และ Chang An Automobile และมีแผนลงทุน 1 ราย ได้แก่ Chery Automobile (ปี 2024) ซึ่งเป็นโอกาสการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศ แต่ยังมีประเด็นความท้าทายคือ เงื่อนไขการค้าการลงทุนระหว่างประเทศเปลี่ยนแปลงไป มาตรการกีดกันการทางการค้าระหว่างประเทศมีน้อยลง เช่น ข้อกำหนดการใช้ชิ้นส่วนในประเทศ ประกอบกับผู้ผลิตชิ้นส่วนจากจีนมีความสามารถทางเทคโนโลยีสูงกว่าและต้นทุนการผลิตต่ำกว่า ซึ่งจะส่งผลต่อความสามารถแข่งขันของผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ในประเทศ
Manufacturing Expo
วราภรณ์ ธรรมจรีย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อาร์เอ็กซ์ เทรดเด็กซ์ จำกัด (RX Tradex เดิมชื่อ รี้ด เทรดเด็กซ์) ผู้นำด้านการจัดงานแสดงสินค้าแห่งอาเซียน เปิดเผยว่า ในทุกๆ ปีช่วงเดือนมิถุนายน อาร์เอ็กซ์ เทรดเด็กซ์ จะจัดงาน Manufacturing Expo ขึ้นให้เป็นเวทีกลางให้ผู้ประกอบการในหลายอุตสาหกรรมได้พบกับเทคโนโลยี องค์ความรู้ และเครือข่ายทางธุรกิจใหม่ๆ ในมหกรรมเครื่องจักรและเทคโนโลยีเพื่อการผลิตและอุตสาหกรรมสนับสนุนที่ครบครันที่สุดในอาเซียน โดยรวมเอางานแสดงเครื่องจักรและเทคโนโลยีเฉพาะทางถึง 8 งานไว้ในมหกรรมเดียว ซึ่งในปีนี้จะนับเป็นปีที่ 13 ของ Manufacturing Expo และกำหนดจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 21 – 24 มิถุนายน นี้ ที่ฮอลล์ 98 – 104 ไบเทค บางนา
ความครบครันของงาน Manufacturing Expo นั้นเกิดมาจากการรวมตัวกันของงานแสดงเฉพาะทางที่แสดงนวัตกรรมใหม่ๆ สำหรับหลากหลายวงการ ทั้งการผลิตพลาสติก, แม่พิมพ์และการขึ้นรูป, ชิ้นส่วนยานยนต์, การเตรียมพื้นผิว ชุบเคลือบ และทำสีชิ้นส่วน, การแสดงหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติเพื่อภาคการผลิตและภาคบริการ, การผลิตและประกอบอิเล็กทรอนิกส์, การก่อสร้าง บริหารจัดการ และบำรุงรักษาโรงงานและอาคาร และการผลิตสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มสำหรับหลากหลายสาขาอุตสาหกรรม
อัปเดตข่าวรถยนต์ ดูรีวิวรถยนต์ รีวิวรถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ เช็คราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ไปกับ Autospinn.com
ซื้อขายรถมือสอง ทุกรุ่น ทุกแบบ ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน ดูรายละเอียด และราคารถมือสองได้ที่ ตลาดรถ One2car
ความคิดเห็น