BYD Dolphin รถไฟฟ้า100% เปิดตัว 2 รุ่น Extended Range และ Standard Range ครั้งแรกกับการทดสอบบนถนนเมืองไทย พร้อมเปิดราคาอย่างเป็นทางการ 6 กรกฎาคม 2023 พร้อมส่งมอบ 17 กรกฎาคม 2023 เป็นต้นไป พร้อมโชว์รูม-ศูนย์บริการ ครบ 60 แห่งทั่วประเทศ
รีวิว BYD Dolphin
เป็นที่หน้าจับตามองเป็นอย่างมากสำหรับ BYD Dolphin รถไฟฟ้า100% อีกหนึ่งรุ่นที่อาจจะสร้างปรากฏการณ์ได้เหมือนรุ่นพี่อย่าง atto3 ได้หรือไม่คงต้องรอดูแต่ปัจจัยหลักคือราคานั้นเองและคาดการกันว่า ราคาในรุ่นเริ่มต้น Standard 6xx,xxx บาท | Extended 8xx,xxx บาท โดยประมาณ และจุดที่ต่างหลักๆทั้งสองรุ่นคือ
BYD Dolphin Extended Range มอเตอร์ 204 แรงม้า แบต 60.5 kWh วิ่งไกล 490 km. ชาร์จ DC 80 kW
BYD Dolphin Standard Range มอเตอร์ 95 แรงม้า แบต 44.9 kWh วิ่งไกล 410 km. ชาร์จ DC 60 kW
Dimension มิติตัวถัง
- ยาว 4,290 มิลลิเมตร
- กว้าง 1,770 มิลลิเมตร
- สูง 1,570 มิลลิเมตร
- ระยะฐานล้อ wheelbase 2,700 มิลลิเมตร
- ระยะต่ำสุดถึงพื้น ground clearance 130 มิลลิเมตร
- ที่เก็บสัมภาระด้านท้าย 345 – 1,310 ลิตร (เมื่อพับเบาะหลัง)
ขุมพลัง BYD Dolphin
รุ่น Standard Range แบตเตอรี่ 44.9 kWh
ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า Permanent Magnet Synchonous Motor พละกำลังสูงสุด 95 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 180 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ BYD Blade Battery (LFP) ขนาด 44.9 kWh ขับเคลื่อนล้อหน้า Front-Wheel Drive
ตัวเลขเคลมจากโรงงาน
- อัตราเร่ง 0-100 km/h ภายใน 12.3 วินาที
- Top Speed ความเร็วสูงสุด 160 km/h
- วิ่งระยะทางสูงสุด 410 km. (มาตรฐาน NEDC)
หัวชาร์จแบบ Type 2 / CCS Combo พร้อมระบบจ่ายไฟฟ้าจากตัวรถ VTOL Mobile Power Supply Function 3.3 kW
รองรับการการชาร์จไฟฟ้า
- กระแสสลับ AC รองรับสูงสุด 6.6 kW ใช้เวลา 0-100% ภายใน 6 ชั่วโมง 45 นาที
- กระแสตรง DC Fast Charging รองรับสูงสุด 60 kW จาก 30-80% ภายใน 30 นาที
รุ่น Extended Range แบตเตอรี่ 60.5 kWh
ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า Permanent Magnet Synchonous Motor พละกำลังสูงสุด 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 310 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ BYD Blade Battery (LFP) ขนาด 60.5 kWh ขับเคลื่อนล้อหน้า Front-Wheel Drive
ตัวเลขเคลมจากโรงงาน
- อัตราเร่ง 0-100 km/h ภายใน 7.0 วินาที
- Top Speed ความเร็วสูงสุด 160 km/h
- วิ่งระยะทางสูงสุด 490 km. (มาตรฐาน NEDC)
- หัวชาร์จแบบ Type 2 / CCS Combo พร้อมระบบจ่ายไฟฟ้าจากตัวรถ VTOL Mobile Power Supply Function 3.3 kW
รองรับการการชาร์จไฟฟ้า
- กระแสสลับ AC รองรับสูงสุด 6.6 kW ใช้เวลา 0-100% ภายใน 9 ชั่วโมง
- กระแสตรง DC Fast Charging รองรับสูงสุด 80 kW จาก 30-80% ภายใน 30 นาที
ทดลองขับ BYD Dolphin
การทดสอบในครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกบนถนนเมืองไทยจำนวนรถในการทดสอบมากถึง 30 คัน มีทั้งสองรุ่น แต่จำนวนสีไม่ครบ เส้นทางในการทดสอบ กรุงเทพฯ-พัทยา ไปกลับประมาณ300กว่ากิโลเมตร ทีมงานได้รุ่นในการทดสอบเป็น Standard Range แบตเตอรี่ 44.9 kWh สีม่วงภายในทูโทน ภายนอกอาจจะไม่ต้องพูดกันมากเพราะหลายท่านเห็นหน้าตากันแล้ว ส่วนตัวก็ต้องบอกว่าไม่ชอบด้านหน้าเพราะมันดูแปลกๆในส่วนด้านหลังถือว่าผ่านแต่ในเวลากลางคืนเส้นไฟ LED ต่างๆทั้งด้านหน้าและหลังถือว่าทำออกมาได้ดี
จุดที่สักเกตว่าเป็นรุ่น Standard คือ ล้อขนาด16" สีตัวรถกับหลังคาเป็นสีเดียวกันทั้งคัน มาถึงภายในจุดแรกที่เห็นกับเบาะนั่งปรับมือ หน้าจอหรือออฟชั่นการขับขี่ต่างๆเหมือนกันหมด
การขับขี่สำหรับ BYD Dolphin รุ่น Standard Range เดินทางออกจากเส้นบางนาถนนด้านล่างซึ่งเป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่าสภาพถนนแย่แค่ไหนจากรถบรรทุกช่วงล่างในรุ่น Standard ด้านหน้า MacPherson Strut พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลัง Torsion Beam ช่วงล่างรองรับแรงสั่นสะเทือนต่างๆจากพื้นถนนทำออกมาได้เป็นอย่างดี เรียกว่าการสั่นสะเทือนเมื่อผ่านเส้นทางที่ไม่ดีแรงสะเทือนเข้าห้องโดยสารน้อยมากๆ วิ่งเข้ามอเตอร์เวย์ ทางเรียบขึ้นสามารถทำความเร็วเพิ่มขึ้นได้ พลังจากมอเตอร์ 95 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 180 นิวตันเมตร เพียงพอต่อการใช้งาน ความเร็วอาจจะไม่ได้ขึ้นอย่างรวดเร็วแต่สามารถทำความเร็วได้อย่างต่อเนื่องทำให้รู้สึกเหมือนรถเครื่องยนต์ 1.8 ลิตรได้ กดคันเร่งอาจจะไม่ได้หลังติดเบาะแต่เมื่อมองที่หน้าปัดความเร็วของรถขึ้นไม่หยุด ช่วงล่างกับความเร็วสูงถือว่าเอาอยู่ขึ้นสะพานด้วยความเร็วอาการดีดท้ายรถน้อยมากถือว่าผ่าน พวงมาลัยคุมได้ง่ายน้ำหนักดี
การเก็บเสียงดีมากสำหรับรถขนาดเล็กความเร็วต้องเกินประมาณ 120km ถึงจะได้ยินแบบชัดๆเป็นสิ่งที่ดีสำหรับรถไฟฟ้าเพราะต้องการความเงียบ วิ่งถึงโรงแรมระยะทางประมาณ 164km ค่าเฉลี่ยหนึ่งการชาร์จวิ่งจริงได้ประมาณ 320km ถือว่ารับได้เพราะต้องยอมรับว่ารถไฟฟ้าถ้าวิ่งจริงจากตัวเลขที่แจ้งนั้นอาจจะไม่ได้เพราะมีปัจจัยแวดล้อมเยอะและในการทดสอบครั้งนี้วิ่งทางไกลเป็นส่วนใหญ่ทำให้การชาร์จไฟกลับน้อย
วันที่สองทดสอบในรุ่น Extended Range แบตเตอรี่ 60.5 kWh เดินทางกลับกรุงเทพฯ หน้าภายนอกแทบจะไม่แตกต่างกันจุดเด่นที่ต่างกันคือ สีตัวรถแบบทูโทน ล้อขนาด17" ภายในเบาะไฟฟ้าคู่หน้าพร้อมระบบปรับอากาศที่เบาะ ที่ชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย Wireless Charger 15W หลังคากระจก Panoramic พร้อมม่านบังแดด ซึ่งเป็นจุดหลักๆที่มองเห็น
แบตเตอรี่ 60.5 kWh พร้อมพละกำลังสูงสุด 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 310 นิวตันเมตร ต้องทดสอบ 0-100 กันก่อนเลยตัวเลขที่ทำได้ในโหมด Sport ทำได้ 7 วินาทีตามที่โรงงานเคลม ได้แบบสบายๆ สิ่งที่ดีของ Dolphin คือการออกแบบให้พลังงานจากมอเตอร์เดินทางสู่ล้อเมื่อเรากดคันเร่งทุกครั้ง มีความละเอียดเหมือนคุณขับรถเครื่องสันดาบเพราะโดยปกติแล้วรถไฟฟ้า เมื่อเรากดคันเร่งหลังจะติดเบาะช่วงแรกแล้วก็จากไปแต่สำหรับ Dolphin ทั้งสองรุ่นจะค่อยๆปล่อยพลังงานออกมาแบบต่อเนื่องแบบกดคันเร่งแล้วมองที่จอจะรู้สึกว่าความเร็วขึ้นแบบต่อเนื่องไม่มีวันหยุด ซึ่งทำให้การขับขี่สบายเพราะถ้ากดคันเร่งเบาแล้วรถกระชากออกตลอดเวลาทำให้คนนั่งเวียนหัวได้
ดังนั้นความต่างระหว่าง Extended และ Standard นั้นชัดเจนถ้าแบบทันใจก็ต้อง Extended ถ้าไม่มองหน้าปัดความเร็วก็เกินทุกครั้งเพราะความเร็วขึ้นไวมากต่อเนื่องตัวรถนิ่งด้วยช่วงล่างที่เป็นแบบ ด้านหน้า MacPherson Strut พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลัง Torsion Beam ด้านหลังแบบอิสระ Multi-Link ซึงให้ความนุ่นนวลกว่าอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ควบคุมรถได้ง่ายขึ้นอีกแต่ถ้าถามความต่างก็ต้องบอกว่าเล็กน้อยในรุ่น Standard อาจจะรู้สึกแข็งกว่านิดหน่อย ไม่ได้แตกต่างขนาดรถคนละคัน การเก็บเสียงพอกัน อัตราการกินไฟเมื่อถึงกรุงเทพฯ มากกว่าเพราะทีมงานกดคันเร่งเพลินไปหน่อย ถึงกรุงเทพฯ ด้วยระยะทาง127km ทำให้หนึ่งการชาร์จวิ่งได้ประมาณ 380km จริงๆแล้วถ้าวิ่งแบบปกติใช้งาน 400กว่ากิโลเมตร ทำได้แน่นอน
ระบบความปลอดภัย
- ระบบเบรกป้องกันล้อล็อค Anti-lock Braking System : ABS
- ระบบกระจายแรงเบรก Electronic Brake Force Distribution : EBD
- ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว Electronic Stability Program : ESP
- ระบบป้องกันการลื่นไถล Traction Control System : TCS
- ระบบเบรกอัตโนมัติ Automatic Emergency Braking System : AEB
- ระบบเตือนการชนด้านหน้า Front Collision Warning : FCW
- ระบบเตือนเปลี่ยนเลน Lane Departure Warning : LDW
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องจราจร Lane Keeping Assist : LKA
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน Adaptive Cruise Control with Stop & Go
- ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ High Beam Assist : HMA
- ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง
- ระบบเตือนแรงดันลมยาง Tire Pressure Monitoring System
- ระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัย เบาะนั่งคู่หน้า
- จุดยึดเบาะนั่งเด็ก ISOFIX
- กล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา
สรุปรีวิว BYD Dolphin
สำหรับ BYD Dolphin ทั้งสองรุ่นแตกต่างกันในเรื่อง แบตเตอรี่และพละกำลังอย่างชัดเจน ในส่วนของช่วงล่างที่แตกต่างกันนั้น ถ้าไม่บอกว่าต่างกันก็อาจจะไม่รู้ก็ได้เพราะจุดที่ทำให้รู้สึกได้จริงๆ คือ Extended นุ่มกว่าแต่ในส่วนStandard นั้นจะแข็งกว่าเล็กน้อย ในส่วนของออฟชั่นและหน้าตานั้นเป็นส่วนเล็กน้อยเท่านั้น
การขับขี่ต่างๆถือว่าดีเกินคาดในการใช้งานจริงบนถนนและถ้าเทียบกับคู่แข่งรถไฟฟ้าโดยตรงก็ต้องเป็น ORA Good Cat , MG 4 Electric ทุกคันมีคาแรคเตอร์ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ถ้าหน้าตาที่โดดเด่นแตกต่างคงต้องเป็น ORA Good Cat แต่อาจจะเสียเปรียบในเรื่องการขับขี่เพราะออกมาก่อนใคร ถ้าเน้นสมรรถนะ MG 4 Electric จะโดดเด่นและเป็นรถไฟฟ้าขับหลังด้วย แต่สุดท้ายคงต้องรอดูราคาค่าตัวว่าจะเป็นไปตามคาดหรือไม่
สีตัวถัง BYD Dolphin
Standard Range มีให้เลือก 4 สี
- สีม่วง Flora Purple ภายใน น้ำตาล/ดำ
- สีครีม Coastal Cream ภายใน น้ำตาล/ดำ
- สีเทา Alaskan Grey ภายใน เทา/ดำ
- สีชมพู Coral Pink ภายใน ชมพู/เทา
Extended Range มีให้เลือก 4 สี
- สีขาว หลังคาเทา Surge White | Grey Roof ภายใน ดำ/เทา
- สีฟ้า หลังคาเทา Atoll Blue | Grey Roof ภายใน ฟ้า/เทา
- สีชมพู หลังคาเทา Coral Pink | Grey Roof ภายใน ชมพู/เทา
- สีเทา หลังคาดำ Atlantis Grey | Black Roof ภายใน ดำ/เทา
อัปเดตข่าวรถล่าสุด ดูรีวิวรถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ ตรวจสอบราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ไปกับ Autospinn
ค้นหารถมือสองทุกรุ่น ทุกแบบ ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน ดูรายละเอียด และราคารถมือสองได้ที่ ตลาดรถ One2car
ความคิดเห็น