Skill Driving Experience สำนักสอนขับรถที่ควรเรียน Share this
รีวิวรถยนต์
โหมดการอ่าน

Skill Driving Experience สำนักสอนขับรถที่ควรเรียน

Paknam536
โดย Paknam536
โพสต์เมื่อ 26 July 2566

ผู้ใช้งานรถยนต์จำนวนไม่น้อย มีความเชื่อว่าตัวเองขับรถเป็นอยู่แล้ว แต่เรากล้าพูดได้เลยว่าทักษะของคนจำนวนไม่น้อย อยู่ในระดับ "ขับได้" เพราะอย่างที่เราเห็นกันบ่อยๆ อุบัติเหตุเกิดขึ้นจากผู้ขับขี่ไม่สามารถควบคุมรถได้ จะดีกว่าไหมถ้าเรามีทักษะแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินเหล่านั้นได้? เพราะนี่แหละถึงจะเรียกได้ว่าคุณ "ขับรถเป็น"


ขับได้ กับ ขับเป็น ไม่เหมือนกัน

รถยนต์ ยานพาหนะสำหรับการเดินทางยอดนิยมของคนไทย เพราะมันช่วยทำให้ชีวิตของคุณสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น โดยคนที่เป็นผู้ขับรถยนต์นั้นมักจะมีความเข้าใจว่าการที่เราสามารถควบคุมพวงมาลัย, คันเร่ง, เบรก, เกียร์,เลี้ยวรถ, จอดรถ, เดินหน้า-ถอยหลังได้ ก็มักจะอนุมานไปแล้วว่าขับรถเป็น

กระทั่งการเรียนเพื่อไปสอบใบขับขี่ แม้ว่าคุณจะผ่านการสอบใบขับขี่ มีความรู้เรื่องข้อกฎหมายมาแล้ว ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี แต่ทักษะเหล่านี้มีไว้เพื่อเพียงพอสำหรับให้คุณ "ขับรถได้" เท่านั้น

 

 

ทว่า ในสถานการณ์ฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้น คุณลองจินตนาการดูว่า คุณขับรถมาด้วยความเร็ว 100 กม./ชม. ปรากฎว่ารถคันหน้าเกิดเบรกกระทันหันในระยะเพียงแค่ 100 เมตร หากคุณเห็นแล้วเหยียบเบรกทันทีแบบ 100% ของแป้นเบรก คุณจะหยุดรถพอดีที่ท้ายรถของคันข้างหน้า...ทว่าสิ่งที่เราพบกันโดยปกติคือหลายๆ คนจะไม่กล้าเหยียบเบรกเต็ม 100% เพราะมักจะค่อยๆ ไล่กำลังเบรกเข้าไป ซึ่งจะทำให้คุณหยุดรถไม่ทัน

หรือในกรณีที่มีสิ่งกีดขวางอยู่ในโค้งอับสายตา หากคุณมาด้วยความเร็วขณะเข้าโค้ง และพบว่ามีรถจอดอยู่ในโค้ง เป็นคุณจะหักหลบ หรือเหยียบเบรก?

 

 

กระทั่งในกรณีที่มีรถจอดอยู่บนถนน หรือมีสิ่งกีดขวางอยู่บนเลนที่คุณอยู่อาทิเช่น ซากยางของรถบรรทุกที่ระเบิดอยู่บนถนน บอกเลยว่าถ้าคุณเผลอไปชนมันเข้า รถของคุณเสียหายอย่างแน่นอน 100% เอาว่า หากคุณขับรถมาด้วยความเร็วเพียง 90 กม./ชม. การหักหลบนั้นบอกเลยว่าอันตรายมาก หากคุณมีทักษะไม่เพียงพอ เพราะหากคุณทำผิดวิธี รถอาจเสียหลักได้เลย

สถานการณ์เหล่านี้ คือสิ่งที่ผู้ใช้รถใช้ถนนส่วนใหญ่เชื่อว่าต้องเคยเจออย่างแน่นอน

 

 

Skill Driving Experience by IMC

ทางสื่อสากลเล็งเห็นว่า สาเหตุของอุบัติเหตุบนท้องถนนที่สร้างความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สินจํานวนมาก ส่วนหนึ่งเกิดจากผู้ขับขี่ไม่มีทักษะ และประสบการณ์ในการควบคุมบังคับรถในสถานการณ์ฉุกเฉินอย่างเพียงพอ จึงทำให้เกิดโครงการ Skill Driving Experience ขึ้นมา

อันเป็นโครงการฝึกอบรมทักษะการขับรถยนต์ในขั้นสูงขึ้น โดยอ้างอิงจากสถานการณ์จริงที่คุณมักจะได้พบเจอกับการขับรถจริงๆ บนท้องถนน เอามาเรียนรู้ และฝึกฝนวิธีแก้ไขสถานการณ์เหล่านั้นอย่างถูกต้องและปลอดภัย เป็นทักษะติดตัวคุณเพื่อนำไปใช้งานได้จริงบนท้องถนน เพื่อทำให้คุณ "ขับรถเป็น และปลอดภัย"

โดยรถยนต์ที่ใช้ในการเรียนการสอนจะมีครบทุกรูปแบบ ทั้งรถยนต์ขับเคลื่อนล้อหน้า, ล้อหลัง และขับเคลื่อน 4 ล้อ เพื่อให้คุณทำความรู้จักกับระบบขับเคลื่อนต่างๆ ว่ามันมีลักษณะการทำงานที่แตกต่างกันอย่างไร มีจุดเด่น/จุดด้อยตรงไหนบ้าง

โดยรถยนต์ที่ใช้ในการฝึกอบรมนี้มีหลากหลายรุ่น จากหลากหลายแบรนด์ ทั้ง Audi, BMW, Mercedes-Benz และ Subaru

 

 

เนื้อหาการเรียนการสอนใน 1 วัน จัดว่าเข้มข้น เน้นเรื่องของการใช้งานจริง โดยจะเริ่มต้นจากการบรรยายภาคทฤษฎีในห้องเรียนก่อน ใช้ระยะเวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมง ซึ่งถือว่าเป็นส่วนสำคัญ

โดยทางครูผู้สอน จะให้เรามองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับรถยนต์นั้นล้วนแล้วเป็นกฎฟิสิกส์ทั่วไปที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ โดยเฉพาะเรื่องของจุดศูนย์ถ่วงของรถที่สามารถถ่ายเทไปได้ทุกทิศทาง ประกอบกับเรื่องของการยึดเกาะของยางรถยนต์ ที่ส่งผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพการขับขี่

สิ่งที่พื้นฐานที่สุดของการเรียนการสอนนี้คือจะให้คุณ "ปรับท่านั่งและพวงมาลัยให้ถูกต้องตามหลัก" หลายๆ คนอาจมองว่าเป็นท่านั่งที่ไม่สบาย ดูแน่นๆ อึดอัด แต่ต้องบอกว่านี่คือท่านั่งที่ถูกต้องตามหลักการ เพราะมันจะทำให้คุณควบคุมรถได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยล้วนๆ

 

 

ส่วนภาคปฎิบัติ สำหรับบุคคลทั่วไปประกอบด้วย 3 สถานี ได้แก่

  • Oversteering : แก้ไขอาการรถหมุน
  • Understeering and Emergency Brake : แก้ไขอาการหลุดโค้งและการเบรคฉุกเฉิน
  • Emergency Handling : เรียนรู้การควบคุมอาการรถเวลาเสียหลัก

 

 

การปรับเบาะนั่งรถยนต์อย่างถูกต้อง

การปรับเบาะนั่งรถยนต์อย่างถูกต้อง มีอยู่ 4 ข้อหลัก ได้แก่

  1. ปรับความสูงเบาะให้สูงที่สุด แต่ต้องเหลือพื้นที่เหนือศีรษะไว้ เพื่อให้มองเห็นระยะตัวรถรอบคันได้ชัดเจน โดยเฉพาะหน้ารถ โดยทั่วไปจะให้เหลืออย่างน้อย 1 ฝ่ามือ
  2. ปรับระยะขา ด้วยวิธีการปรับเบาะเข้า-ออก ซึ่งเป็นการปรับระยะขา เพื่อทำให้เราสามารถเหยียบเบรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ วิธีปรับ ให้เรานั่งให้สะโพกแนบตัวเบาะลึกที่สุด และสามารถเหยียบเบรคแบบ 100% ได้โดยขาไม่ตึง หัวเข่ายังงออยู่ และสะโพกไม่ขยับ
  3. ปรับพนักพิงหลัง เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพที่ดีที่สุด ต้องปรับให้ตั้งตรงที่สุด โดยที่เรายังนั่งสบายอยู่
  4. ปรับตำแหน่งหัวหมอน ให้ตำแหน่งหูของเราอยู่กึ่งกลางหัวหมอน เมื่อมองจากด้านข้าง การปรับแบบนี้เมื่อถูกชนจากด้านหลัง หัวหมอนจะช่วยรองรับแรงกระแทกให้ศีรษะเราได้

การปรับพวงมาลัยรถยนต์อย่างถูกต้อง

การปรับพวงมาลัยรถยนต์อย่างถูกต้อง หลักคือเราต้องสามารถบังคับได้มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยให้จับพวงมาลัยที่ตำแหน่ง 3 กับ 9 นาฬิกา เมื่อจับแล้วแขนทั้ง 2 ข้างต้องสามารถงอได้ แขนไม่ตึง และต้องมองเห็นเรือนไมล์อย่างชัดเจน

 

 

สำหรับทักษะการขับขี่นั้น ขอแนะนำให้ท่านไปสัมผัสด้วยตัวเองด้วยการลงทะเบียนเรียน โดยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ ที่นี่

อัปเดตข่าวรถยนต์ ดูรีวิวรถยนต์ รีวิวรถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ เช็คราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ไปกับ Autospinn.com

ซื้อขายรถมือสอง ทุกรุ่น ทุกแบบ ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน ดูรายละเอียด และราคารถมือสองได้ที่ ตลาดรถ One2car

 


ความคิดเห็น


เรียกดูข่าวตามประเภทยานพาหนะ

ค้นหาข่าวโดยยี่ห้อ