อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อเนื่องจากมีปัจจัยเสี่ยงมากมายบนท้องถนน แต่ตัวเราเองสามารถมีพฤติกรรมการขับขี่รถที่ถูกต้องเพื่อลดความเสี่ยงลงได้
ทีมงาน Autospinn ขอนำเสนอ 6 พฤติกรรมควรหลีกเลี่ยงเมื่อนั่งอยู่หลังพวงมาลัยเพื่อเพิ่มความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของเราและผู้โดยสาร
1. แซงซ้าย
การขับรถแซงซ้ายสุ่มเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุและเป็นพฤติกรรมขับขี่ที่ผิดกฎหมาย เราไม่สามารถเห็นได้ว่าเลนซ้ายมีสิ่งกีดขวางใดอยู่บ้าง ซึ่งอาจเป็นได้ทั้งคนขี่จักรยาน รถจอดเสีย คนรอข้ามถนนและอื่นๆ อีกมากมาย ดังจะเห็นได้จากวีดีโอที่เรานำมาฝากกันซึ่งรถกระบะแซงซ้ายทำให้ชนเข้ากับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กำลังช่วยเหลือรถที่จอดเสีย (ขอขอบคุณเวบไซต์ youlike)
2. ขับจี้ท้ายคันหน้า
ควรเว้นระยะให้เหมาะสม ยิ่งคุณขับเร็วเท่าใดก็ควรเว้นระยะห่างจากคันหน้ามากเท่านั้น ระยะห่างดังกล่าวควรเพียงพอต่อการหยุดรถได้ทันท่วงที โดยในความเป็นจริงแล้ว การชนท้ายเป็นอุบัติเหตุที่มีความเสี่ยงเกิดขึ้นได้น้อยมากถ้าเราเว้นระยะห่างเพียงพอ ไม่ว่ารถคันหน้าจะมีพฤติกรรมขับขี่ที่เลวร้ายเพียงใดก็ตาม เราสามารถหลีกเลี่ยงได้เสมอถ้าไม่ขับจี้ท้ายมากเกินไป
3. ไม่เปิดไฟเลี้ยว
การเปิดไฟเลี้ยวเป็นการส่งสัญญาณบอกให้เพื่อนร่วมท้องถนนรู้ว่าเรากำลังจะมุ่งหน้าไปทิศทางใด ทั้งการเปลี่ยนเลน เลี้ยวเข้าซอยหรือจอดข้างทาง ควรเปิดไฟเลี้ยวทุกครั้งและควรเปิดล่วงหน้าอย่างน้อย 30 – 40 เมตรก่อนเปลี่ยนเลน (หรือมากกว่านี้ตามความเร็วที่ใช้)
4. ใช้ความเร็วสูงกว่ากฎหมายกำหนด
ควรขับรถตามที่กฎหมายกำหนดหรือใช้ความเร็วอย่างเหมาะสมตามสถานการณ์ การใช้ความเร็วราว 110 กม./ชม. บนถนนหลวงจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยและประหยัดน้ำมันกว่าการทะยานด้วยความเร็ว 140 – 150 กม./ชม. ซึ่งเมื่อเกิดสิ่งไม่คาดฝัน ความเสียหายมักรุนแรงขึ้นตามไปด้วย ขณะเดียวกัน ควรลดความเร็วลงเมื่อขับผ่านชุมชนหรือเขตโรงเรียน
5. เมาแล้วขับ/ง่วงแล้วขับ
หลายฝ่ายกำลังรณรงค์กันอย่างแข็งขันว่าเมาแล้วขับ = ฆาตกร เพราะไม่เพียงเป็นเรื่องผิดกฎหมายเท่านั้นแต่ยังเป็นความเสี่ยงขั้นร้ายแรงเมื่อดื่มสุราจนเมามายแล้วมาขับรถ ซึ่งสร้างความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สินมาแล้วนับไม่ถ้วนตามที่เราได้เห็นกันในข่าวเกือบทุกวัน ขณะเดียวกัน ความง่วงก็เป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุจากอาการ “หลับใน” มากมายเช่นกัน ดังนั้น ควรหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเหล่านี้
6. ใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ
แอพฯ ที่รองรับการพูดคุยหรือ “แชต” ไม่เพียงเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการสนนทนาของผู้คนไปอย่างสิ้นเชิงเท่านั้น แต่ยังเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดอุบัติเหตุด้วย เพราะมีผู้ขับจำนวนไม่น้อยที่พิมพ์ข้อความขณะขับรถหรือคุยโทรศัพท์พร้อมกับกุมพวงมาลัย นำไปสู่การขาดสมาธิซึ่งแม้เพียงชั่วขณะก็อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงได้
ความคิดเห็น