New Haval Jolion Sport เป็นรุ่นย่อยใหม่ในดีไซน์แบบ ALL-BLACK ที่ดูดุดัน หากคุณชอบสไตล์รถเดิมที่ตกแต่งมาจากโรงงาน บอกเลยว่าคันนี้ตอบโจทย์แน่นอน
Haval Jolion (โจไลอ้อน) เปิดตัวในไทยครั้งแรกช่วงปลายปี 2021 ในตอนนั้นมีให้เลือก 3 รุ่นย่อยคือ TECH, PRO และ ULTRA กับราคาเริมต้น 879,000-999,000 บาท แต่ด้วยช่องว่างระหว่างราคาของทั้ง 3 รุ่นที่ไม่ห่างกันมากนัก จึงทำให้ลูกค้าที่ซื้อโจไลอ้อนกว่า 80% เลือกเป็นรุ่น Ultra ด้วยเหตุนี้เอง GWM จึงตัดรุ่น TECH และ PRO ออก ปัจจุบันเหลือไว้แค่รุ่น Ultra เท่านั้น
ล่าสุด GWM ได้เปิดตัว Haval Jolion Sport ซึ่งเป็นรุ่นย่อยใหม่เข้ามาเสริมทัพ หวังช่วงชิงส่วนแบ่งการตลาดรถยนต์กลุ่ม C-SUV นอกจากจะเป็นรุ่นย่อยใหม่แล้ว ยังมาพร้อมดีไซน์ด้านหน้าแบบใหม่ รวมถึงชิ้นส่วนหลายจุดทั้งภายนอกและภายในใช้เป็นสีดำ เพิ่มความโดดเด่น และดุดันมากขึ้น
รับชมรีวิวรูปแบบวีดีโอได้ที่นี่
มิติตัวรถ Haval Jolion Sport
- กว้าง 1,874 มม.
- ยาว 4,472 มม.
- สูง 1,626 มม.
- ระยะฐานล้อ 2,700 มม.
ดีไซน์ภายนอก Haval Jolion Sport
โดดเด่นด้วยกระจังหน้าแบบใหม่ Black Symmetric สีดำเงา และโลโก้ HAVAL แบบใหม่ ในส่วนของไฟหน้าก็เป็นแบบใหม่เช่นกัน LED เต็มระบบ ซึ่งไฟหน้าแต่ละข้างด้านในจะมีทั้งหมด 4 ดวง ทำหน้าที่เป็นไฟต่ำ 2 ดวง และ เป็นไฟสูง 2 ดวง พร้อม Daytime Running Light ดีไซน์ใหม่แบบล้ำสมัยที่ให้ความรู้สึกสปอร์ต
อุปกรณ์ตกแต่งแบบ ALL BLACK เช่น กระจกมองข้าง, Roof Rail และ Shark Fin เพื่อเพิ่มความสปอร์ต
ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ต ขนาด 18 นิ้ว สีดำทั้งวง จะต่างจากรุ่น Ultra ที่เป็นสีทูโทน
ไฟท้าย LED เต็มระบบ ไฟเบรกดวงที่สามแบบ LED ชุดดิฟฟิวเซอร์ดีไซน์ใหม่ ในรุ่นนี้กล้องรอบคันโดนตัดออก จะมีให้แค่กล้องหลังเท่านั้น พร้อมเซนเซอร์ถอย 3 จุด
ดีไซน์ภายใน Haval Jolion Sport
HAVAL JOLION Sport โดดเด่นด้วยการออกแบบภายใน ภายใต้แนวคิด “Futuristic” กว้างขวาง สะดวกสบาย ตกแต่งแบบ ALL-BLACK ตัดด้วยเส้นสายสีเงิน เบาะหนังสังเคราะห์ดีไซน์สปอร์ต ฝั่งคนขับสามารถปรับไฟฟ้าได้ 6 ทิศทาง
ที่วางแขนด้านหน้า พร้อมช่องวางแก้วน้ำ
พวงมาลัยหุ้มหนัง พร้อมปุ่มมัลติฟังก์ชันสำหรับควบคุมจอแสดงผล และจอเครื่องเล่นตรงกลาง
หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบดิจิทัลขนาด 7 นิ้ว
หน้าจอมัลติมีเดียแบบสัมผัสขนาด 10.25 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay, Android Auto, Bluetooth และ MP3 มีลำโพงจำนวน 6 ตัว พร้อมระบบปรับระดับเสียงอัตโนมัติตามความเร็วรถ
เมื่ออยู่ในตำแหน่งเกียร์ถอย กล้องด้านหลังจะแสดงภาพมาที่จอกลาง พร้อมเส้นกะระยะที่หมุนเลี้ยวตามพวงมาลัย
ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ แยกอิสระซ้าย-ขวา ซึ่งการปรับอุณหภูมิและระดับความแรงลม จะต้องเข้ามาปรับที่หน้าจอเครื่องเล่นตรงกลาง
เกียร์แบบ Electronic Shifter ชุดเกียร์ไฟฟ้า ดีไซน์หรู พร้อมสีพิเศษแบบ High-gloss
เบาะหลังนุ่มกำลังดี นั่งโดยสารทางไกลไม่รู้สึกเมื่อย พนักพิงพับได้แบบ 60:40 เมื่อพับลงไปแล้วจะเรียบ ช่วยเพิ่มพื้นที่ในการเก็บสัมภาระได้อีกเยอเลยล่ะครับ นอกจากนี้ยังมีแอร์ด้านหลังให้ด้วย ส่วนที่วางแขนด้านหลังโดนตัดออก
ช่องต่อ USB สำหรับผู้โดยสารด้านหน้าและหลัง และช่องต่อ USB สำหรับกล้องบันทึกภาพ
เมื่อมองในภาพรวมของภายใน จะเห็นได้ว่าปุ่มต่าง ๆ ในรถจะมีอยู่น้อยมากครับ เพราะเป็นการรวบรวมปุ่มทั้งหมดไปไว้ที่จอ รวมถึงโหมดการขับขี่ด้วย นั่นเท่ากับว่าเวลาเราจะตั้งค่าต่าง ๆ เกี่ยวกับระบบในรถ เราจะต้องควบคุมผ่านที่ตัวหน้าจอกลางเป็นหลัก ใช้งานแรก ๆ อาจจะงง ไม่รู้ว่าเมนูไหนอยู่ตรงไหน แต่พอใช้งานไปสักพักก็จะเริ่มชิน แต่โดยส่วนตัวผมไม่ค่อยชอบให้ซ่อนปุ่มเลย เพราะจังหวะที่รีบ ๆ อาจทำให้จิ้มผิดจิ้มถูกได้
เครื่องยนต์ Haval Jolion Sport
Haval Jolion Sport ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังรวมสูงสุด 190 แรงม้า แรงบิดรวมสูงสุด 375 นิวตันเมตร ระบบเกียร์แบบ DHT ที่สร้างขึ้นเพื่อรองรับระบบการขับเคลื่อนที่หลากหลายของรถยนต์ไฮบริด
ระบบช่วงล่าง Haval Jolion Sport
- ระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระแมคเฟอร์สันสตรัท (MacPherson Strut)
- ระบบช่วงล่างด้านหลังแบบทอร์ชันบีม (Vertical Arm Torsion Beam)
ระบบการช่วยเหลือผู้ขับขี่และระบบความปลอดภัย
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (CC) ช่วยควบคุมรถให้อยู่ตามความเร็วที่กำหนด ช่วยให้ผู้ขับขี่ได้ขับได้อย่างสบายมากยิ่งขึ้น
- กล้องแสดงภาพขณะถอยหลัง เพื่อช่วยเพิ่มมุมมองในการถอยหลังให้ชัดขึ้น
- ถุุงลมนิรภัยคู่หน้าและด้านข้าง เพื่อปกป้องผู้โดยสารเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ในกรณีที่ถุงลมนิรภัยทำงาน ประตูจะถูกปลดล็อกโดยอัตโนมัติ และรถยนต์จะโทรติดต่อศูนย์ช่วยเหลือฉุกเฉิน พร้อมทั้งสามารถส่งตำแหน่งเพื่อขอความช่วยเหลือได้
- ระบบช่วยลงทางลาดชัน (HDC) และ ระบบช่วยออกตัวบนทางชัน (HSA)
- ระบบตรวจความดันลมยาง (TPMS) โดยรถจะทำการวัดแรงดันลมยางอย่างต่อเนื่องและเตือนผู้ขับขี่หากมีแรงดันลมยางล้อใดลดลง
- ระบบช่วยเตือนความเมื่อยล้าขณะขับขี่ (DFM) เมื่อผู้ขับขี่ขับรถด้วยความเร็วเฉลี่ยเกิน 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ต่อเนื่องมากกว่า 4 ชั่วโมง ระบบจะแจ้งเตือนและแนะนำให้หยุดพัก ระบบจะเตือนด้วยภาพและเสียงนาน 20 วินาที ทุกๆ 10 นาที
- ระบบไฟกระพริบเมื่อเบรกรถกระทันหัน (ESS) เมื่อมีการเบรกแบบกระทันหัน ระบบจะเปิดไฟกระพริบเพื่อแจ้งเตือนรถคันหลัง ให้ชะลอความเร็ว
- ระบบช่วยชะลอความรุนแรงของการเกิดการชนซ้ำครั้งที่ 2 (SCM) โดยรถจะพยายามรักษาเสถียรภาพเอาไว้เพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อน
- เซนเซอร์กะระยะด้านหลัง 3 จุด
- Auto Break Hold ระบบเบรกมือไฟฟ้า พร้อมฟังก์ชั่นหยุดอัตโนมัติขณะรถหยุุดนิ่ง
- ระบบล็อกประตูอัตโนมัติเมื่อถึงความเร็วที่กำหนด
- ระบบควบคุุมเสถียรภาพการทรงตัวของรถ (VSS)
- ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล (TCS)
แต่เนื่องจาก Jolion Sport ได้ตัดกล้องที่อยู่ด้านบนของกระจกหน้าออกไป จึงทำให้ระบบความปลอดภัยที่พ่วงกับกล้องตัวนี้ต้องโดนตัดออกไปด้วย เช่น ระบบแจ้งเตือนก่อนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก ,ระบบรักษาตัวรถให้อยู่ในเลน ,ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน ,ระบบช่วยรักษาระยะให้อยู่กลางเลน ,ระบบช่วยเลี่ยงการเข้าใกล้รถใหญ่จากด้านข้าง ,Adaptive Cruise Control โดนตัดออก มีให้แค่ Cruise Control แบบธรรมดา
และยังมีระบบอื่น ๆ ที่โดนตัดออกไปอีกด้วยเช่น RCTA ,RCTB ,Blind Spot ,ระบบจอดรถอัจฉริยะ 3 รูปแบบ เป็นต้น
ทดสอบการขับขี่ Haval Jolion Sport
แม้เครื่องยนต์จะแค่ 1.5 ลิตร แต่ด้วยความที่เป็นรถไฮบริด จึงได้แรงม้าและแรงบิดจากมอเตอร์ไฟฟ้าเข้ามาช่วย ส่งผลให้มีแรงม้ารวมสูงสุด 190 แรงม้า และแรงบิดรวมสูงสุด 375 นิวตันเมตร ซึ่งมันก็เพียงพอที่จะทำให้พุ่งทะยานจากความเร็ว 0-100 กม./ชม. โดยใช้เวลาเพียง 8.9 วินาที ในโหมดสปอร์ต ถือว่าแรงใช้ได้เลยทีเดียว แต่มีข้อแม้อยู่ว่าแบตเตอรี่จะต้องมีไฟเหลืออยู่นะครับ ถ้าเมื่อไหร่ที่ไฟในแบตหมด ความแรงจะลดลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ต้องกังวลไปว่าไฟในแบตเตอรี่มันจะหมดไปได้ง่าย ๆ เพราะเจ้าคันนี้มีเทคโนโลยีคันเร่งอัจฉริยะ (Intelligent Single Pedal) หรือที่เราเรียกกันว่า One Pedal สามารถเร่งหรือชะลอความเร็วได้เพียงคันเร่งเดียว จังหวะที่ยกคันเร่งตัวรถจะรู้สึกหน่วงราวกับว่าเราแตะเบรกเบา ๆ ซึ่งความหน่วงที่เกิดขึ้นนี้ นอกจากจะลดการใช้เบรกได้แล้ว มอเตอร์จะปั่นไฟเข้าไปเก็บในแบตได้ไวขึ้นอีกด้วย จากการทดสอบเรื่องอัตราเร่ง ก็ต้องถือว่าเป็นรถที่ขับสนุก อัตราเร่งดี เร่งแซงได้ทันใจแบบไม่ต้องลุ้นเลยล่ะครับ
โหมดการขับขี่ 4 โหมด จากการทดสอบ มีความแตกต่างดังนี้
- โหมดประหยัด (ECO) คันเร่งจะรู้สึกหน่วงกว่าโหมดอื่น ๆ เพราะเน้นประหยัด
- โหมดมาตรฐาน (Normal) คันเร่งไวกว่าโหมด Eco เป็นการขับแบบปกติทั่วไป คันเร่งตอบสนองตามเท้า
- โหมดสปอร์ต (Sport) คันเร่งไว รอบจัดขึ้น เหยียบคันเร่งในน้ำหนักเท่ากันแต่รถจะพุ่งแรงกว่าโหมดอื่น ๆ
- โหมดพื้นหิมะ (Snow) จะเหมาะสำหรับการใช้งานบนถนนลื่น โดยระบบจะใช้เกียร์สูง เพื่อลดการฟรีของล้อ
นอกจากนี้ ยังมีโหมดสำหรับการขับลุยน้ำ โดยโหมดนี้เครื่องยนต์จะทำงาน 100% และจะตัดการทำงานของระบบไฮบริดเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น
เครื่องแรง แล้วช่วงล่างเอาอยู่มั้ย ?
ช่วงล่างของ Haval Jolion จะออกแนวเฟิร์มแต่ไม่ถึงกับกระด้าง ซึ่งจะต่างจากรุ่นพี่ Haval H6 ที่ออกไปทางนุ่ม เมื่อต้องใช้ความเร็วในการเข้าโค้ง หรือต้องสาดโค้งแรง ๆ ให้ความรู้สึกมั่นใจในระดับนึง ช่วงความเร็วต่ำเก็บอาการของหลุมต่าง ๆ ได้ดี ในความเร็วสูงตัวรถนิ่งควบคุมได้ง่าย จังหวะที่ขับจั้มคอสะพานตัวรถไม่มีอาการดีดให้รู้สึกเสียว
ในเรื่องของการเก็บเสียงนั้นอยู่ในเกณฑ์ที่พอรับได้ จะเริ่มได้ยินเสียงลมเล็ดลอดเข้ามาที่ความเร็วประมาณ 100 กม./ชม. แนะนำว่าถ้าซื้อรุ่นนี้ไปแล้ว ควรเอาไปแปะแผ่นแดมป์เก็บเสียงเพิ่มอีกนิด จะดีขึ้นเยอะเลย
สรุปโดยรวม
Haval Jolion Sport ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ชื่นชอบในดีไซน์การตกแต่งแนวนี้ ใช้โทนสีที่เหมาะกับผู้ชายมากขึ้น ต่างจากรุ่น Ultra ที่ใช้โทนสีหวานไปหน่อย
สำหรับออพชั่นต่าง ๆ หากไปเทียบกับรุ่น Ultra จะเห็นได้ว่ารุ่น Sport โดนตัดออพชั่นออกไปเยอะมาก ซึ่งทาง GWM ได้ให้เหตุผลว่า ได้ทำการสอบถามความต้องการจากทางลูกค้าหลายคน ซึ่งมีบางส่วนอยากให้ตัดออพชั่นที่ไม่จำเป็นออก แต่ผมมองว่าออพชั่นที่ตัดออกไปนั้นมันเยอะเกิน จนเหลือแค่ระบบความปลอดภัยขั้นพื้นฐานเท่านั้น
ถ้าถามผมว่าคุ้มไหมกับออพชันที่ได้ ผมเองก็ยังไม่สามารถตอบได้ครับ เพราะทาง GWM ยังไม่เปิดราคาของรุ่นนี้ ถ้าราคาไม่ข้าม 8 แสน ก็ถือว่าสมน้ำสมเนื้อกับออพชั่นที่ได้ เอาเป็นว่าวันที่ 25 กรกฎาคม 2566 นี้ เรามาลุ้นราคาไปพร้อม ๆ กันครับ
HAVAL JOLION Sport มีให้เลือก 4 สี ได้แก่
- สีดำ (Sun Black)
- สีเทา (Ayers Gray)
- สีขาว (Hamilton White)
- สีแดง (Burgundy Red)
ส่วนภายในจะมีให้เลือกแค่สีดำสีเดียว
อัปเดตข่าวรถล่าสุด ดูรีวิวรถยนต์ รีวิวรถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ เช็คราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ได้ที่ Autospinn.com
ซื้อขายรถมือสองออนไลน์ ต้องที่ ตลาดรถมือสอง One2car ซื้อรถง่าย ขายรถไว ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน
ความคิดเห็น