McLaren Artura ซูเปอร์คาร์ตัวแรง ที่มาพร้อมขุมพลัง 3.0 V6 Plug-in Hybrid Share this
รีวิวรถยนต์
โหมดการอ่าน

McLaren Artura ซูเปอร์คาร์ตัวแรง ที่มาพร้อมขุมพลัง 3.0 V6 Plug-in Hybrid

Champ Autospinn
โพสต์เมื่อ 12 September 2566

McLaren Artura อีกหนึ่งรุ่นที่น่าจับตามอง มาพร้อมดีไซน์โหดดิบ กับขุมพลัง 3.0 V6 Plug-in Hybrid


หากพูดถึงแบรนด์ดังอย่าง McLaren คงทราบกันดีว่าเป็นรถสมรรถนะสูง ที่มีดีเอ็นเอมาจากรถแข่ง Formula 1 โดยทุกรุ่นของ McLaren จะเน้นน้ำหนักตัวรถที่เบาด้วยการใช้โครงสร้างจากคาร์บอนไฟเบอร์ อีกทั้งยังเป็นรถที่เน้นความแรงตามแบบฉบับของรถซูเปอร์คาร์ และรุ่นที่น่าจับตามองที่สุดในตอนนี้คงหนีไม่พ้น McLaren Artura นอกจากราคาที่เข้าถึงได้ง่ายกว่ารุ่นอื่น ๆ แล้ว ยังมาพร้อมดีไซน์โหดดิบ เป็นรถที่มีหลายคาแรกเตอร์รวมไว้ในคันเดียว ได้ทั้งความสุภาพด้วยการวิ่งเงียบ ๆ ในโหมดไฟฟ้า 100% แต่ถ้าวันไหนรู้สึกเกรี้ยวกราดอยากปลดปล่อยก็ปรับเป็นโหมด Track รับรองว่าดึงหน้าหงาย แรงสะใจแน่นอน

รับชมรีวิวรูปแบบวีดีโอได้ที่นี่

McLaren Artura ใช้เครื่องยนต์เบนซิน รหัส M630 V6 สูบ ทำมุม 120 องศา (เป็น V6 Production เครื่องแรกของโลกที่กางขนาดนี้) อัดอากาศด้วยเทอร์โบ Mono-scroll สองตัว วางระหว่างฝาสูบ ความจุเครื่องยนต์ 3.0 ลิตร 2,993 ซีซี. กำลังสูงสุด 585 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 585 นิวตันเมตร

มอเตอร์ไฟฟ้า แบบ Axial Flux E-Motor ให้กำลังสูงสุด 95 แรงม้า แรงบิด 225 นิวตันเมตร ซึ่งมีน้ำหนักเพียงแค่ 15 กิโลกรัม และแบตเตอรี่ Li-On ความจุ 7.4 kWh น้ำหนักแบตเตอรี่ 78 กิโลกรัม

เมื่อเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าทำงานร่วมกันจะมีพละกำลังสูงสุด 680 แรงม้า ที่ 7,500 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 720 นิวตันเมตรที่ 2,250 รอบต่อนาที เรดไลน์ที่ 8,500 รอบต่อนาที ส่งกำลังผ่านเกียร์คลัตช์คู่เดินหน้า 8 จังหวะ SSG-Seamless Shift Gearbox ไม่มีเกียร์ถอยหลัง (ใช้มอเตอร์ในการขับเคลื่อนถอยหลัง) กำลังทั้งหมดถ่ายลงสู่ล้อคู่หลัง ใช้เฟืองท้ายแบบ E-Differential แบบใหม่ที่ไม่เคยใช้มาก่อนในรุ่นอื่น

อัตราเร่ง McLaren Artura

  • จาก 0-100 กม./ชม. ใช้เวลา 3.0 วินาที
  • จาก 0-200 กม./ชม. ใช้เวลา 8.3 วินาที (ช้ากว่า 720S 0.5 วินาที)
  • ความเร็วสูงสุด 330 กม./ชม.
  • ความเร็วสูงสุดในโหมด EV 130 กม./ชม.

มิติตัวถัง McLaren Artura

  • ยาว 4,539 มม.
  • กว้าง 1,913 มม.
  • สูง 1,193 มม.
  • ระยะฐานล้อ 2,640 มม.
  • น้ำหนักตัวรถ(ไม่รวมของเหลว) 1,395 กก.

McLaren Artura สร้างขึ้นบนแพลตฟอร์มใหม่ล่าสุด ที่ชื่อว่า McLaren Carbon Fibre Lightweight Architecture (MCLA) เป็นแพลตฟอร์มที่สามารถปรับเปลี่ยน เพื่อใช้กับรถรุ่นอื่นได้มากกว่าแพลตฟอร์มรุ่นแรก โดย Artura ตัวโครงสร้างทำจาก Carbon Fibre Monocoque ข้อดีก็คือ มีน้ำหนักเบา แข็งแรง ช่วยให้การเข้าโค้งแบบรุนแรง หรือขับเปลี่ยนเลนแบบกะทันหัน ตัวรถจะเคลื่อนที่ไปเป็นก้อนเดียวกัน ไม่บิดตัวจนทำให้รถเสียอาการ

นอกจากนี้ ช่องว่างด้านหลังของ Monocoque ได้ออกแบบให้มีพื้นที่สำหรับวางแบตเตอรี่ไฮบริด และป้องกันรอบด้านด้วย Carbon Fibre Safety Cell ซึ่งติดตั้งให้อยู่บน Carbon Fibre SMC Floor ในตำแหน่งต่ำที่สุด ช่วยให้ตัวรถมีจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำ ได้เสถียรภาพการขับขี่ที่ดียิ่งขึ้น

ดีไซน์ภายนอก ออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ โดยทุกส่วนที่เราเห็นเป็นจุดเว้าโค้ง ไม่ใช่แค่เพื่อความสวยงามเพียงอย่างเดียว แต่ถูกออกแบบให้ลู่ลม โดยอากาศที่ไหลผ่าน จะวิ่งไปตามส่วนเว้าโค้งและช่วยกดตัวรถให้มีความมั่นคง รวมถึงกันชนหน้า และซุ้มล้อหลังจะมีช่องรับอากาศเพื่อไประบายความร้อน

ในส่วนของไฟหน้า ด้านในจะเห็นเป็นโคมเล็ก ๆ 6 โคม และเมื่อหมุนเลี้ยวพวงมาลัยกลุ่มไฟจะเข้มตามทิศทางที่เลี้ยวเพื่อช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่ตอนกลางคืน

ใต้ฝากระโปรงหน้าเป็นช่องสำหรับเก็บสัมภาระ ส่วนตำแหน่งของเครื่องยนต์จะวางอยู่ที่กลางรถ

มีเซนเซอร์ และกล้องรอบคัน ส่วนกล้องที่อยู่ด้านบนของกระจกหน้าจะทำหน้าที่ตรวจจับเส้นแบ่งเลนถนน  และรถยนต์ ทำงานให้กับระบบความปลอดภัยหลายระบบของเจ้าคันนี้

ล้อคู่หน้าและคู่หลัง จะมีขนาดที่ไม่เท่ากัน ด้านหน้ามีขนาด 19 นิ้ว รัดด้วยยาง Pirelli P Zero 235/35 ZR19 พร้อมจานเบรกเซรามิก ขนาด 390 มม. คาลิปเปอร์ 6 พอท ส่วนล้อด้านหลังจะมีขนาด 20 นิ้ว รัดด้วยยาง 295/35 ZR 20 พร้อมจานเบรกเซรามิกขนาด 380 มม. คาลิปเปอร์หลัง 4 พอท

เหตุผลที่ล้อด้านหลังใหญ่กว่า และกว้างกว่า เพื่อรองรับกับสมรรถนะแรงม้าและแรงบิด เพราะรุ่นนี้เป็นขับหลัง และยางที่ใช้เป็นยางพิเศษ Cyber Tire ที่ผลิตมาสำหรับ Artura เท่านั้น เซนเซอร์วัดแรงดันลมยางจะฝังอยู่ในเนื้อยาง และจะสื่อสารกับตัวรถผ่านบลูทูธ นั่นเท่ากับว่าเมื่อยางเสื่อมสภาพ หรือดอกยางหมด คุณจะต้องนำรถมาเปลี่ยนยางที่ศูนย์ McLaren เท่านั้น ถ้าเปลี่ยนใส่ยางอื่น ระบบ TPMS ก็จะไม่สามารถใช้งานได้

ระบบช่วงล่างจากเดิมที่เป็นแบบ Double Wishbones หน้า-หลัง แต่สำหรับ Artura จะใช้ด้านหน้าเป็นแบบ Double Wishbones ส่วนด้านหลังเป็นแบบ 5 link รวมถึงเปลี่ยนจุดยึดโช้คอัพใหม่ นอกจากนี้ยังสามารถปรับระดับความสูงด้านหน้าได้ 40 มม. สำหรับการขับผ่านเนินสูง แต่จะใช้ความเร็วได้ไม่เกิน 60 กม./ชม.

การเข้า-ออกตัวรถก็ไม่ยากมากครับ ประตูเป็นแบบปีกนกมีน้ำหนักเบา ช่วงที่เปิดประตูจะกินพื้นที่ออกข้างตัวรถประมาณ 45 ซม. ภายในห้องโดยสารนั่งแล้วไม่อึดอัด มีเนื้อที่กว้างขวางพอสมควร คนที่ขายาวไม่ต้องกังวล เพราะสามารถนั่งเหยียดขาได้แบบสบาย เบาะปรับไฟฟ้าทรงสปอร์ตนั่งแล้วโอบกระชับ ออพชั่นภายใน หลัก ๆ แล้วก็จะมีปุ่มสำหรับปรับโหมดช่วงล่าง และโหมดการขับขี่ ปุ่มเปิด-ปิดระบบความปลอดภัย รวมถึงจอกลางที่เป็นแบบแท็บเล็ตรองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay

ทดสอบขับ McLaren Artura

McLaren Artura สามารถขับได้ด้วยโหมด EV ไกลสูงสุด 30 กม.ต่อการชาร์จไฟเต็มหนึ่งครั้ง แต่การขับด้วยโหมด EV จะใช้ความเร็วสูงสุดได้แค่ 130 กม./ชม. เท่านั้น และอัตราเร่งในโหมดนี้ไม่มีอะไรหวือหวามากครับ ไปได้แบบเรื่อย ๆ ไม่ถึงกับแรงจนหลังติดเบาะ เหมาะสำหรับการขับรถเข้า-ออกหมู่บ้านตอนกลางคืนเพื่อไม่ให้เพื่อนบ้านแตกตื่น หรือเอาไว้ใช้ตอนรถติดเพื่อช่วยประหยัดน้ำมัน ซึ่งจุดประสงค์หลักของการใช้เป็นเครื่องไฮบริด เพื่อที่ต้องการแรงม้าที่มาจากมอเตอร์ไฟฟ้า แต่ได้ความประหยัดในโหมดการขับขี่ EV เป็นของแถม

เมื่อคุณปรับโหมดการขับขี่เป็น Comfort จะเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องยนต์กับมอเตอร์ไฟฟ้า เสียงของเครื่องยนต์และท่อไอเสียจะดังคำรามให้ความรู้สึกเร้าใจ คันเร่งตอบสนองไว กดคันเร่งนิดเดียวตัวรถพุ่งแบบไม่ทันตั้งตัว เอาจริงแล้วผมว่าโหมดนี้ก็เพียงพอกับการใช้งานแล้วครับ

แต่ถ้าความแรงในโหมด Comfort ยังไม่สะใจพอ ให้ปรับโหมดขับขี่เป็น Sport รอบเครื่องยนต์ในโหมดนี้จะกวาดไวขึ้น คันเร่งติดเท้ามากขึ้น เสียงของท่อไอเสียและเครื่องยนต์จะทุ้มมากขึ้น อารมณ์ของความสปอร์ตเต็มรูปแบบเลยทีเดียว

สำหรับโหมดการขับขี่ Track จะได้ความแรงใกล้เคียงกับโหมด Sport แต่ความแม่นยำและความไวของคันเร่งจะตอบสนองได้ดีกว่า ซึ่งหมดนี้เป็นโหมดที่แรงที่สุดของเจ้าคันนี้แล้ว ทั้งแรงม้าและแรงบิดจะรีดออกมาโดยที่คุณไม่ทันตั้งตัว ถือว่าเป็นรถเครื่องยนต์ 3.0 V6 ที่มีอัตราเร่งเทียบเท่าเครื่อง V8 เลยทีเดีย

นอกจากนี้ระบบช่วงล่างก็สามารถปรับแยกได้เช่นกัน หากอยากได้ช่วงล่างแบบนุ่มก็เลือกโหมดช่วงล่าง Comfort หรือถ้าอยากได้ช่วงล่างกระด้างหน่อยก็ปรับมาในโหมด Sport แต่สำหรับโหมดช่วงล่าง Track  ผมว่าควรใช้เฉพาะตอนขับในสนามหรือทางเรียบเท่านั้น ถ้าใช้กับทางขรุขระของเมืองไทย มันจะเด้งจนมึนหัวเลยล่ะ

อีกหนึ่งจุดเด่นของ McLaren Artura คือระบบช่วงล่างและการใช้โครงสร้าง Carbon Fibre Monocoque ช่วงที่ต้องขับสาดโค้งแบบรุนแรงหรือเปลี่ยนเลนแบบกระทันหันให้ความรู้สึกมั่นใจมากครับ ช่วงล่างจิกถนนได้ดี พวงมาลัยควบคุมง่าย จังหวะขับมุดหรือเปลี่ยนเลนที่ความเร็วสูง รถจะไปเป็นก้อน ไม่มีอาการเหวี่ยงหรือโคลงเคลงเลย แม้จะใช้ความเร็วในทางโค้งก็ตาม

สรุปโดยรวม McLaren Artura ถือเป็นรถซูเปอร์คาร์ที่เพียบพร้อมในทุกด้าน ทั้งการดีไซน์ และความแรงของเครื่องยนต์ 3.0 V6 นอกจากนี้ยังใช้โครงสร้าง Carbon Fibre Monocoque ในขณะที่คู่แข่งพิกัดราคานี้ใช้โครงสร้างแบบอลูมินั่ม

สำหรับท่านใดที่สนใจ หรืออยากรับชมตัวรถคันจริง สามารถติดต่อได้ที่ McLaren Bangkok

อัปเดตข่าวรถล่าสุด ดูรีวิวรถยนต์ รีวิวรถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ เช็คราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ไปกับ Autospinn

ค้นหารถมือสองทุกรุ่น ทุกแบบ ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน ดูรายละเอียด และราคารถมือสองได้ที่ ตลาดรถมือสอง One2car


ความคิดเห็น


เรียกดูข่าวตามประเภทยานพาหนะ

ค้นหาข่าวโดยยี่ห้อ