รีวิว Tank 300 Hybrid พรีเมี่ยมเอสยูวี เน้นลุย แต่ไม่เน้นประหยัดน้ำมัน Share this
รีวิวรถยนต์
โหมดการอ่าน

รีวิว Tank 300 Hybrid พรีเมี่ยมเอสยูวี เน้นลุย แต่ไม่เน้นประหยัดน้ำมัน

Champ Autospinn
โพสต์เมื่อ 16 October 2566

Tank 300 Hybrid เอสยูวีออฟโรด เครื่องเบนซินเทอร์โบไฮบริด เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องยนต์กับมอเตอร์ไฟฟ้า เพื่อจุดประสงค์ในด้านพละกำลังเป็นหลัก แต่ไม่ได้เน้นไปที่ความประหยัดน้ำมัน


Tank 300 Hybrid หลังจากที่เปิดตัวไปได้ไม่นาน ถึงคราวที่ออโตสปินน์ได้ลองขับทดสอบกันแบบจริงจัง ทั้งรูปแบบการขับขี่ออนโรด และออฟโรด ได้ทดสอบทั้งเรื่องอัตราเร่ง ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ และอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง เลยขอใช้พื้นที่ตรงนี้เพื่อเล่าสู่กันฟังครับ

รับชมรีวิว TANK 300 Hybrid รูปแบบวีดีโอได้ที่นี่

มิติตัวถัง TANK 300 Hybrid

  • กว้าง 1,930 มม.
  • ยาว 4,760 มม.
  • สูง 1,903 มม.
  • ระยะฐานล้อ 2,750 มม.
  • ความสูงจากพื้นถึงใต้ท้องรถ 224 มม.
  • พื้นที่เก็บสัมภาระ 1635 ลิตร เมื่อพับเบาะแถวที่ 2

รีวิว Tank 300 Hybrid

TANK 300 Hybrid มีจำหน่าย 2 รุ่นย่อย ได้แก่

  • รุ่น PRO ราคา 1,649,000 บาท
  • รุ่น ULTRA ราคา 1,799,000 บาท

มีสีภายนอกให้เลือก 4 สี คือ สีส้ม (ใหม่), ดำ ,เทา ,ขาว

สำหรับรถคันที่ออโตสปินน์ได้ขับทดสอบในครั้งนี้ คือรุ่นท็อป ULTRA ราคา 1,799,000 บาท

รีวิว TANK 300 Hybrid ดีไซน์ภายนอก

รีวิว Tank 300 Hybrid

TANK 300 Hybrid โดดเด่นด้วยรูปทรงภายนอกสไตล์ออฟโรด คลาสสิคร่วมสมัย เน้นการออกแบบที่เหมือนจะดิบ แต่ใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ ที่ทันสมัยเช่น ไฟหน้า Intelligent LED ทรงกลม พร้อมระบบอัจฉริยะ อาทิ ระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ ระบบปรับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติ และฟังก์ชันหน่วงเวลาไฟส่องทางหลังดับเครื่อง (Follow me home) พร้อม Daytime Running Light และไฟตัดหมอก LED รับกับกระจังหน้าดีไซน์ rectangle ตัดขอบด้วยสี Piano black และโลโก้ TANK มีบังโคลนขนาดใหญ่ที่ยื่นออกจากตัวรถทำให้ดูใหญ่โตแข็งแกร่ง และบันไดข้าง

รีวิว Tank 300 Hybrid

คิ้วซุ้มล้อ กระจกมองข้าง และมือเปิดประตูเป็นชิ้นพลาสติกสีดำด้าน พร้อมระบบการล็อก-ปลดล็อกประตูที่ทันสมัย เมื่อกุญแจรถอยู่ที่ตัวผู้ใช้งาน สามารถเดินไปเปิดประตูได้ทันที เวลาจะล็อกรถเพียงแค่ใช่นิ้วสัมผัสเบา ๆ ที่มือเปิดรถก็จะล็อกให้ทันทีเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีหลังคาซันรูฟแบบเปิด – ปิดด้วยระบบไฟฟ้า มาพร้อมราวหลังคาเพื่อเพิ่มฟังก์ชันการใช้งาน และเสาอากาศแบบ Shark fin

รีวิว Tank 300 Hybrid

รีวิว Tank 300 Hybrid

สำหรับดีไซน์ด้านหลังก็โดดเด่นไม่แพ้กัน ประตูท้ายแบบ Horizontal ยางอะไหล่ติดตั้งบนประตูท้าย พร้อมกล้องมองหลังที่ซ่อนอยู่บนฝาครอบ เซนเซอร์หน้าหลังรวม 8 จุด ไฟท้าย Vertical LED ดีไซน์โดดเด่นในแนวตั้ง มาพร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 และไฟตัดหมอก LED

รีวิว Tank 300 Hybrid

ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว สีดำ ยาง All Terain ขนาด 265/65 R17 ดิสก์เบรก 4 ล้อ ระบบกันสะเทือนหน้าแบบอิสระ ดับเบิล ครอส อาร์ม ส่วนด้านหลังเป็นแบบมัลติลิงค์

รีวิว TANK 300 Hybrid ดีไซน์ภายใน

รีวิว Tank 300 Hybrid

รีวิว Tank 300 Hybrid

รีวิว Tank 300 Hybrid

ออกแบบภายในสไตล์ Premium off-road ที่ให้ความรู้สึกหรู ทันสมัย กว้างขวาง เบาะหนัง NAPPA เบาะคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง ส่วนเบาะหน้าซ้ายปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง มีระบบ Memory Seat และระบบ Welcome Seat เพื่อความสะดวกสบายในการขึ้น-ลงจากรถ ตัวเบาะนั่งสบายนุ่มกำลังดี ฐานเบาะใหญ่ ขับทางไกลไม่รู้สึกเมื่อย พร้อมระบบเบาะนวดไฟฟ้าเบาะคนขับ ระบบดันหลังไฟฟ้าเบาะคนขับ นอกจากนี้เบาะคู่หน้ายังมีระบบเป่าลมใต้เบาะ

รีวิว Tank 300 Hybrid

ภายในห้องโดยสารหรูหราด้วยแสงไฟ Ambient Light

รีวิว Tank 300 Hybrid

รีวิว Tank 300 Hybrid

จอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบดิจิทัลขนาด 12.3 นิ้ว และจอมัลดิมีเดียแบบสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว เชื่อมต่อติดกันเป็นจอเดียว รองรับความบันเทิงได้ทั้ง Apple CarPlay, Android Auto, MP5, Bluetooth มีลำโพงรอบคันจำนวน 8 ตำแหน่งพร้อมซับวูฟเฟอร์

รีวิว Tank 300 Hybrid

พวงมาลัยไฟฟ้า และระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ Paddle Shift หลังพวงมาลัย

รีวิว Tank 300 Hybrid

ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแยกอิสระซ้าย-ขวา พร้อมระบบกรองอากาศ PM2.5 และ Ionizer และนาฬิกาแบบคลาสสิกที่สวยงามลงตัว รวมถึงยังมีระบบชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย และช่องต่อ USB สำหรับผู้โดยสารด้านหน้า/หลัง พร้อมช่องจ่ายไฟสำรอง 220V แบบเต้ารับ

รีวิว Tank 300 Hybrid

เบาะนั่งโดยสารแถวที่ 2 พร้อมพนักพิงปรับ 2 ระดับ ปรับเปลี่ยนพื้นที่ใช้สอยได้ตามต้องการ แยกพับเบาะได้แบบ 60:40 และสามารถพับได้เรียบอีกด้วย จากการทดลองนั่งโดยสารทางไกล ถือว่านั่งได้สบายไม่เวียนหัว ทั้งตอนขับแบบออนโรด และออฟโรด

เครื่องยนต์ TANK 300 Hybrid

รีวิว Tank 300 Hybrid

TANK 300 Hybrid ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร พร้อมระบบเทอร์โบแปรผัน (VGT) ให้กำลังสูงสุด 244 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 380 นิวตันเมตร เป็น Flat Torque ในช่วง 1,700-4,000 รอบต่อนาที ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลัง 106 แรงม้า และแรงบิดมอเตอร์ไฟฟ้า 268 นิวตันเมตร ระบบเกียร์แบบ 9 สปีด พร้อมโหมดการขับขี่ 7 รูปแบบ ได้แก่ โหมดปกติ ,โหมดสปอร์ต ,โหมดประหยัด ,โหมดพื้นหิมะ ,โหมดพื้นโคลน ,โหมดพื้นทราย และโหมด 4L

รีวิว Tank 300 Hybrid

ระบบช่วยเหลือการขับขี่แบบออฟโรด

ระบบล็อกเฟืองขับด้านหน้าและด้านหลัง (Electric Differential Lock for front and rear axles) ช่วยเพิ่มความสามารถในการขับขี่แบบออฟโรดของยานพาหนะเมื่อเผชิญกับทางลาดชัน โคลน ทะเลทราย ด้วยกลไกการถ่ายโอนกำลัง ทำงานร่วมกันกับกลไกล็อกของกล่องถ่ายโอนทั้งล้อหน้าและล้อหลัง สร้างระบบขับเคลื่อนออฟโรดแบบ 3 Locks เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่

รีวิว Tank 300 Hybrid

Body Transparent ระบบแสดงภาพใต้ท้องรถ ระบบจะจดจำข้อมูลภาพจากกล้องระหว่างการขับขี่ รวบรวมกับข้อมูลภาพของพื้นดิน เพื่อการแสดงภาพถนนแบบพาโนรามาด้านล่างและด้านหน้ารถ ช่วยให้ผู้ขับขี่ทราบสภาพใต้ท้องรถและหน้ารถ ยกระดับความปลอดภัยในการขับขี่

ระบบช่วยกลับรถในพื้นที่แคบ (TANK Turn) หลังจากเปิดฟังก์ชัน เมื่อระบบตรวจพบความตั้งใจในการบังคับเลี้ยวมากเกินไป ระบบจะส่งแรงเบรกไปที่ล้อหลังด้านในเพื่อลดรัศมีวงเลี้ยว เพื่อช่วยให้รถสามารถเลี้ยวในวงแคบได้

ระบบ 4WD อัจฉริยะเจเนอเรชั่นที่ 2 แบบเรียลไทม์ ระบบสามารถสลับโหมดได้ 3 โหมด ได้แก่ ขับเคลื่อนสองล้อ (2H ในโหมดขับขี่แบบประหยัด) ขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะ (AWD) และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อความเร็วต่ำ (4L)

Off-road Cruise Control เหมาะสำหรับถนนออฟโรดที่มีสภาพซับซ้อน หลังจากเปิดฟังก์ชันแล้ว ระบบจะควบคุมเครื่องยนต์และระบบเบรกโดยอัตโนมัติเพื่อให้รถวิ่งด้วยความเร็วต่ำและความเร็วคงที่

รีวิว Tank 300 Hybrid

ระบบช่วยเหลือการขับขี่

ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมการช่วยเข้าโค้งอัจฉริยะ (Intelligent ACC) มาพร้อมกล้องติดรถยนต์ ADAS ช่วยควบคุมในช่วงความเร็วเต็มพิกัดที่กำหนดไว้ รวมถึงการหยุดและรีสตาร์ทกลับไปยังความเร็วที่ตั้งไว้ก่อนหน้า เมื่อระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC) ทำงาน กล้องจะทำการตรวจสอบความโค้งของถนน และความเร็วจะถูกปรับอัตโนมัติหากจำเป็นต้องลดความเร็วในขณะเข้าโค้งเพื่อความปลอดภัย และเมื่อผ่านโค้งไปแล้ว รถจะกลับเข้าสู่ความเร็วเดิมที่ตั้งไว้

ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติที่ความเร็วต่ำ (TJA) เป็นระบบควบคุมความเร็ว ที่ช่วยควบคุมรถให้ติดตามรถด้านหน้าหรือขับต่อไปด้วยความเร็วคงที่เพื่อลดภาระของผู้ขับขี่

ระบบช่วยจอดรถอัตโนมัติ 3 รูปแบบ (IIP) ใช้เซนเซอร์และกล้องในการตรวจสอบเพื่อตรวจจับวัตถุและเส้นบริเวณช่องจอดหรือจุดจอดรถ และช่วยทำงานเต็มรูปแบบเพื่อเข้าจอด ทั้งแนวตรง แนวจอดเทียบข้าง และแนวเฉียง โดยเมื่อระบุช่องว่างที่จะนำรถเข้าจอดแล้ว รถจะทำการจอดด้วยตัวเองด้วยการควบคุมพวงมาลัย เบรก และคันเร่ง

ระบบช่วยถอยหลังอัตโนมัติ (ARA) ในขณะที่ขับรถต่ำกว่า 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ระบบจะบันทึกเส้นทางและสามารถถอยหลังกลับได้ในระยะ 50 เมตรโดยอัตโนมัติ ในเส้นทางที่ถูกบันทึกไว้

กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง 360 องศา ประกอบไปด้วยกล้องที่มองได้รอบ 4 ตัว มีความละเอียดคมชัดระดับ Megapixel โดยระบบจะรวมเอามุมมองภาพทั้ง 4 กล้องมาสร้างภาพที่มีมุมมอง 360 องศา เพื่อแสดงให้เห็นมุมมองของรถจากมุมบน ระบบทำงานอัตโนมัติเมื่อเข้าสู่โหมดการถอยหลัง โดยสามารถดูได้เมื่อขับรถที่ความเร็วต่ำกว่า 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติบนทางตรงและทางแยก (AEBI) ช่วยตรวจจับรถยนต์ทั้งทางตรงและทางแยก เมื่อเสี่ยงต่อการชน ระบบจะส่งสัญญาณเตือนด้วยเสียงและการเบรกอัตโนมัติช่วยหลีกเลี่ยงการชนหรือลดแรงกระแทก

ระบบช่วยเตือนและเบรกเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTB) เซนเซอร์ช่วยตรวจสอบจุดอับสายตาด้านหลังของตัวรถทั้งด้านซ้ายและด้านขวาของช่องทางเดินรถในขณะถอยหลัง เมื่อกำลังถอยหลังออกจากช่องจอดเซนเซอร์หลังของรถจะทำการเช็กด้านซ้ายและขวาของช่องจราจรและ ส่งสัญญาณเตือนด้วยเสียง หากผู้ขับขี่ยังเพิกเฉย ไม่หยุดรถ ระบบเบรกอัตโนมัติในกรณีฉุกเฉินจะเริ่มทำงานเพื่อหลีกเลี่ยงการชน

ระบบช่วยเลี่ยงการเข้าใกล้รถใหญ่จากด้านข้าง (WDS) โดยระบบจะตรวจสอบรถบรรทุกขนาดใหญ่หรือรถที่มีขนาดยาว​ ในระหว่างการแซง ระบบจะรักษาช่องว่างระหว่างรถตามระยะที่เหมาะสม​เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ และกลับสู่เลนเดิมอัตโนมัติ

ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (LKA) ระบบตรวจจับเส้นถนนและช่วยประคองพวงมาลัยให้รถอยู่ในเลน

ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW) ระบบตรวจจับเส้นถนนและช่วยแจ้งเตือนเมื่อรถกำลังออกนอกเลน

ระบบช่วยรักษาระยะให้อยู่กลางเลน (LCK) ระบบตรวจจับเส้นถนนและช่วยประคองรถให้อยู่กึ่งกลางเลน

ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนในภาวะฉุกเฉิน (ELK) โดยหากมีการตรวจสอบพบรถอีกคันกำลังแล่นมา หรือมีรถแซงขึ้นมาจากอีกเลนหนึ่ง ระบบจะทำการแทรกแซงการทำงานมากขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยงหรือลดการชน

ระบบช่วยชะลอความรุนแรงของการเกิดการชนซ้ำครั้งที่ 2 (SCM) โดยรถจะพยายามรักษาเสถียรภาพเอาไว้เพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อน

ระบบช่วยลงทางลาดชัน (HDC) ใช้เบรกเพื่อช่วยควบคุมความเร็วของรถขณะขับบนทางลาดชันเพื่อให้ผู้ขับขี่มีสมาธิในการบังคับพวงมาลัย

ระบบช่วยออกตัวบนทางชัน (HSA) เมื่อออกจากจุดที่หยุดนิ่งบนเนินสูงชัน เบรกจะยังคงค้างอยู่ราว 2 วินาที จนกระทั่งคันเร่งทำงานเพื่อป้องกันการถอยหลัง

ระบบช่วยเตือนการเปิดประตู (DOW) หลังจากจอดรถยนต์แล้ว ระบบจะแจ้งเตือนหากระบบตรวจพบเป้าหมายที่เสี่ยงต่อการชนหากเปิดประตูรถยนต์ 

ระบบตรวจความดันลมยาง (TPMS) โดยรถจะทำการวัดแรงดันลมยางอย่างต่อเนื่องและเตือนผู้ขับขี่หากมีแรงดันลมยางล้อใดลดลง

จากการทดสอบใช้งานระบบต่าง ๆ ก็ถือว่าใช้งานได้ดีในระดับนึงครับ แต่ก็มีบางระบบที่รู้สึกว่ายังไม่ค่อยลงตัวสักเท่าไหร่ อย่างเช่น ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน ช่วงที่เป็นทางโค้งการหักพวงมาลัยยังดูเก้ ๆ กัง ๆ ไม่ค่อยสมูท

ทดสอบการขับขี่ทางออนโรด

รีวิว Tank 300 Hybrid

แม้ตัวถังจะมีขนาดใหญ่โต แต่ก็เป็นรถที่มีความคล่องตัว พละกำลังเครื่องยนต์เพียงพอต่อการเดินทาง แต่ก่อนอื่นผมขออธิบายก่อนว่า ในรุ่นนี้แม้จะใช้เป็นเครื่องยนต์ไฮบริด แต่ไฮบริดของรุ่นนี้มีเพื่อเสริมพละกำลังแรงม้าและแรงบิดเท่านั้น ไม่ได้มีไว้เพื่อช่วยให้ประหยัดน้ำมันเหมือนกับรถไฮบริดทางฝั่งญี่ปุ่น ดังนั้นเราอย่าไปคาดหวังเรื่องความประหยัดน้ำมันกับเจ้าคันนี้

แต่สำหรับในเรื่องพละกำลังนั้น บอกเลยว่าเหลือล้นและเพียงพอต่อการใช้งานแน่นอน การทดสอบแรกเราอยู่กันบนถนนออฟโรด มุ่งหน้าจากโชว์รูม GWM ธัญบุรี มุ่งหน้าไปจังหวัดนครราชสีมา เส้นทางในช่วงแรก เจอทั้งรถติดและถนนโล่งสลับกัน จังหวะการออกตัวเพียงแค่เรายกเท้าออกจากเบรก ตัวรถลื่นไหลได้ดีแทบจะไม่มีแรงหน่วงเลย มีโอกาสได้ทดสอบโหมดขับขี่บนทางออนโรด 3 โหมด คือ โหมดประหยัด ,โหมดปกติ และโหมดสปอร์ต

ทดสอบโหมดขับขี่ประหยัด ในโหมดนี้ระบบขับเคลื่อนจะถ่ายไปที่ล้อหลังเป็นหลัก และคันเร่งจะมีความหน่วงเล็กน้อยประมาณครึ่งวินาที เพื่อไม่ให้รถออกตัวกระชาก เมื่อเติมคันเร่งไปสักพักตัวรถลื่นไหลได้ดี เอาจริง ๆ แล้ว ผมว่าในโหมดนี้ก็เพียงพอต่อการใช้งานสำหรับเจ้าคันนี้แล้วล่ะครับ จังหวะที่เร่งแซงเพียงแค่กดคันเร่งลึกไปอีกนิดนึงก็สามารถเร่งแซงได้อย่างมั่นใจ ไม่อืดเหมือน Tank 500

ทดสอบโหมดขับขี่ปกติ คันเร่งจะไวเหยียบติดเท้าขึ้น ได้ความรู้สึกลื่นเท้ามากกว่าโหมดประหยัด จะเห็นผลชัดเจนในช่วงการขับออกตัว แต่ถ้ารถลอยตัวไปแล้วอัตราเร่งในโหมดนี้ก็ไม่ได้ต่างกับโหมดประหยัดมากนัก

ทดสอบโหมดขับขี่สปอร์ต รอบเครื่องยนต์จะพุ่งสูงกว่า 2 โหมดแรก เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการขับซิ่ง คันเร่งติดเท้ามากครับ แต่ความแรงที่ได้นั้นก็ไม่ได้แรงหวือหวาจนหลังติดเบาะ ได้แค่ความรู้สึกคล่องตัวขึ้น แต่ก็ต้องแลกกับอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันที่มากขึ้นเยอะด้วย ซึ่งผมว่าความแรงที่ได้เพิ่มในโหมดนี้ มันไม่ค่อยคุ้มกับการที่รถกินน้ำมันเพิ่มอีกเยอะมาก ถ้าให้แนะนำ ผมว่าเจ้าคันนี้เหมาะกับการขับในโหมดประหยัด บนทางออนโรดครับ

รีวิว Tank 300 Hybrid

สำหรับการทรงตัว ด้วยรูปทรงของตัวรถที่เป็นทรงยกสูงและเป็นทรงกล่อง หากเราใช้ความเร็วที่มากเกินไปหรือเกิน 130 กม./ชม. จะรู้สึกว่ารถต้านลม แต่ถ้าใช้ความเร็วไม่เกิน 110 กม./ชม. จะให้ความรู้สึกมั่นใจทั้งช่วงที่เป็นทางโค้งและทางตรง

รีวิว Tank 300 Hybrid

น้ำหนักของพวงมาลัย ปรับเบา-หนัก ได้ 3 ระดับ แม้ว่าผมจะปรับไปหนักสุดหรือสปอร์ต แต่ก็ยังให้ความรู้สึกเบา เมื่อขับในเมืองหรือแหล่งที่รถติด ๆ จะรู้สึกสบายไม่เมื่อยแขน แต่ถ้าต้องใช้ความเร็วสูงจะไม่ค่อยรู้สึกมั่นใจเท่าที่ควร

ตัวรถเก็บเสียงลมจากภายนอกได้ดีเมื่อใช้ความเร็วไม่เกิน 110 กม./ชม. ถ้าเกินกว่านั้นจะเริ่มได้ยินเสียงลมภายนอกเข้าห้องโดยสาร ส่วนการเก็บเสียงที่ดังจากเครื่องยนต์ ผมว่าทำออกมาได้ดีเลยทีเดียวครับ เงียบกริบ แทบไม่ได้ยินเสียงเลยถ้าไม่กดคันเร่งแบบคิกดาวน์

ทดสอบการขับขี่ทางออฟโรด

รีวิว Tank 300 Hybrid

การขับขี่บนเส้นทางออฟโรด ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงครับ ไปได้แบบพริ้วเลย ระบบขับเคลื่อนเป็นแบบ AWD การถ่ายแรงขับเคลื่อนหน้า-หลัง จะขึ้นอยู่กับสภาพเส้นทาง และโหมดการขับขี่ที่ใช้ รวมถึงยังมีโหมดการขับ 4x4 Lo ให้เลือกอีกด้วย ขึ้นอยู่กับว่าสภาพพื้นผิวถนนในตอนนั้น ต้องการใช้กำลังในการปีนป่ายแค่ไหน หากไม่ได้ขับลุยมากนัก ก็ใช้แค่ AWD แต่ถ้าเป็นทางแบบโหด ๆ ที่ต้องใช้กำลังช่วงออกตัวเยอะก็ค่อยใช้ 4x4 Lo

รีวิว Tank 300 Hybrid

นอกจากนี้ ยังมีระบบ Cruise Control ออฟโรด เพื่อช่วยออกตัวบนทางลาดชัน ซึ่งเป็นตัวช่วยที่ดีมากครับ ช่วงที่เป็นทางขึ้นเนินรถจะค่อย ๆ ไต่ขึ้นไปอย่างช้า ๆ และช่วงที่เป็นทางลง เราไม่ต้องไปยุ่งวุ่นวายเกี่ยวกับเบรกเลย ระบบจะทำให้เอง เรามีหน้าที่แค่บังคับควบคุมพวงมาลัย

และสิ่งที่ชาวออฟโรดต้องพบเจอบ่อย คือขณะที่กำลังไต่อยู่บนทางชัน หน้ารถจะเชิด ทำให้ผู้ขับขี่มองไม่เห็นเส้นทางที่อยู่ข้างหน้า ซึ่งถือเป็นเรื่องที่อันตรายมากครับ แต่สำหรับคันนี้ หมดกังวลได้เลย เพราะผมใช้วิธีเปิดกล้องหน้ารถ แล้วดูเส้นทางถนนผ่านที่หน้าจอ และยังมีเส้นนำเลี้ยวให้อีกด้วยครับ สะดวกสุด ๆ ไปเลย

รีวิว Tank 300 Hybrid

อีกจุดเด่นของ Tank 300 คือมีปุ่มดิฟล็อกไฟฟ้า สามารถเลือกล็อกได้ทั้งด้านหลังและด้านหน้า ซึ่งเป็นฟังก์ชั่นสำคัญที่ชาวออฟโรดต้องได้ใช้กันทุกคน ตอนรถติดหล่ม นอกจากนี้ยังมีโหมดการขับขี่อีกมากมายขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในตอนนั้นเช่น การขับลุยทราย ลุยโคลน ทางลื่น เพียงแค่เลือกโหมดขับขี่ให้ถูกต้อง แล้วเติมคันเร่งเบา ๆ ก็หลุดพ้นจากเส้นทางดังกล่าวได้แบบสบาย แทบไม่ต้องใช้สกิลการขับขี่อะไรเลยล่ะครับ

รีวิว Tank 300 Hybrid

สรุปโดยรวม ถ้าถามว่า Tank 300 เหมาะกับการใช้งานแบบไหนบ้าง ผมขอตอบว่า เป็นรถที่สามารถใช้งานได้ทั้งในเมืองและนอกเมืองครับ ขับไปทำงานได้ ขับไปส่งลูกที่โรงเรียนได้ ใช้งานในชีวิตประจำวันได้ปกติ แต่ถ้ามองตามหลักของความเป็นจริงแล้ว รถประเภทนี้ ถ้าจะดึงสมรรถนะออกมาได้เต็มที่ก็ต้องพาไปอยู่ในที่ที่เจ้าคันนี้ถนัด นั่นก็คือทางออฟโรด หากคุณกำลังมองหารถสายลุยที่โดดเด่นเรื่องการดีไซน์ เพื่อใช้ออกทริปออฟโรดกับเพื่อนๆ บอกเลยว่าคันนี้ตอบโจทย์การใช้งานแน่นอนครับ ในราคาค่าตัวเริ่มต้น 1,649,000 - 1,799,000 บาท

อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง Tank 300 (ใช้งานจริง)

  • ทางออนโรดเฉลี่ย 7-8 กม./ล.
  • ทางออฟโรดเฉลี่ย 5-6 กม./ล.

หากท่านใดสนใจ สามารถรับชมตัวจริงพร้อมทดลองขับ Tank 300 Hybrid ได้ที่โชว์รูม GWM ทุกสาขาครับ

อัปเดตข่าวรถล่าสุด ดูรีวิวรถยนต์ รีวิวรถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ เช็คราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ได้ที่ Autospinn.com

ซื้อขายรถมือสองออนไลน์ ต้องที่ ตลาดรถมือสอง One2car ซื้อรถง่าย ขายรถไว ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน


ความคิดเห็น


เรียกดูข่าวตามประเภทยานพาหนะ

ค้นหาข่าวโดยยี่ห้อ