รถ C-Segment ยอดฮิต ยี่ห้อไหนน่าใช้ที่สุด 2024 Share this

รถ C-Segment ยอดฮิต ยี่ห้อไหนน่าใช้ที่สุด 2024

Wongsupat
โดย Wongsupat
โพสต์เมื่อ 01 November 2566

ภาพรวมตลาดรถยนต์ปี 2023 ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา ไม่ค่อยคึกคักมากนักโดยเฉพาะรถสันดาป ส่งผลให้ค่ายรถยนต์ตั้งความหวังยอดขายและยอดจดทะเบียนในช่วงไตรมาสสุดท้ายเป็นหลัก เนื่องจากเข้าสู่ฤดูขาย การจัดโปรโมชั่น แคมเปญน่าจะมีออกมาให้เห็นกันจำนวนมากขึ้น เพื่อเร่งการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคที่ยังลังเล


รถ C-Segment คืออะไร

กลุ่มรถยนต์ C-Segment (Compact Sedan) จะมีขนาดของตัวถังที่ใหญ่กว่ารถยนต์ในกลุ่ม Segment B รวมไปถึงกำลังของเครื่องยนต์ที่จะสูงกว่า 1,500 ซี.ซี. ไปจนถึง 2,200 ซี.ซี. รองรับการใช้งานที่หนักมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นการโดยสารหรือการบรรทุกสิ่งของ โดยรถยนต์ในกลุ่มนี้ดูเหมือนจะมีหลายยี่ห้อ แต่ที่เข้าข่ายกลุ่มรถยนต์ C-Segment จริงๆ ได้แก่ Toyota Corolla Altis, Honda Civic และ Mazda3

รถ C-Segment ยี่ห้อไหนดีที่สุด

  • Toyota Corolla Altis
  • Honda Civic
  • Mazda 3

ทั้ง 3 ยี่ห้อ เปิดตัวสู่ตลาดรถยนต์ไล่เลี่ยกันมา และยังมีความน่าสนใจทั้งสิ้น เนื่องจากได้ปรับปรุง เพิ่มเติมฟีเจอร์ใหม่สำหรับผู้บริโภคมากกว่ารุ่นเดิมๆ ที่เปิดตัวในครั้งแรก ทั้งนี้ ใครจะเลือกซื้อรุ่นไหนก็ขึ้นกับความสนใจและความต้องการใช้ของแต่ละคน

Toyota Corolla Altis 2023 รุ่น HEV GR SPORT เครื่องยนต์ไฮบริด

รถ C-Segment รุ่นไหนดี 2024

หากโฟกัสไปที่รถยนต์กลุ่ม C-Segment ที่เหมาะสำหรับรถครอบครัวใหม่ ด้วยขนาดตัวรถที่ใหญ่กว่า กลุ่ม B- Segment ขึ้นมาหน่อย มียี่ห้ออะไรบ้างไปดูกัน

1. Toyota Corolla Altis

Toyota Corolla Altis มี 4 รุ่น ประกอบด้วย

  • รุ่น 1.6 G เครื่องยนต์เบนซิน ราคา 894,000 บาท
  • รุ่น 1.8 Sport เครื่องยนต์เบนซิน ราคา 979,000 บาท
  • รุ่น HEV PREMIUM เครื่องยนต์ไฮบริด ราคา 1,009,000 บาท
  • รุ่น HEV GR SPORT เครื่องยนต์ไฮบริด ราคา 1,129,000 บาท

ไฮไลต์ Toyota Corolla Altis รุ่น HEV GR SPORT เครื่องยนต์ไฮบริด

สมรรถนะ และดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของตระกูล GR ด้วยการปรับจูนพวงมาลัยสไตล์สปอร์ต EPS Tuning เพิ่มความเร้าใจด้วย จอแสดงผลผู้ขับขี่แบบสี TFT ขนาด 12.3 นิ้ว ที่สามารถปรับแต่งได้หลากหลายสไตล์

ประหยัดเชื้อเพลิงด้วย เครื่องยนต์ไฮบริดรหัส 2ZR-FXE ขนาด 1.8 ลิตร ผสานพลังกับมอเตอร์ไฟฟ้า และเกียร์ E-CVT  สะดวกสบายยิ่งขึ้นด้วย Dual Zone A/C ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ ที่สามารถปรับอุณหภูมิสำหรับผู้โดยสารซ้าย-ขวาได้อย่างอิสระ

Toyota Corolla Altis รุ่น HEV GR SPORT เครื่องยนต์ไฮบริด

อุปกรณ์

  • กันชนหน้า และกระจังหน้า GR Sport
  • กระจกมองข้างสีดำ/ สเกิร์ตข้างและหลัง GR Sport
  • ล้อแมกซ์ขนาด 17 นิ้ว GR Sport
  • เบาะหนังคู่หน้าสีดำตกแต่งด้วยสีแดงดีไซน์สปอร์ตพร้อมโลโก้ GR
  • ปุ่ม Push Start พร้อมสัญลักษณ์ GR
  • พิเศษ Full digital meter  จอแสดงผลผู้ขับขี่ แบบจอสี TFT ขนาด 12.3 นิ้ว ที่ผู้ขับขี่สามารถเลือกปรับได้ตามความชอบ กับหน้าจอ 4 สไตล์ Casual – Smart – Tough - Sporty
  • ใหม่! Dual Zone A/C ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ ปรับอิสระแยกซ้าย-ขวา
  • ระบบฟอกอากาศภายในห้องโดยสาร ด้วยเทคโนโลยี nanoe™X
  • Front Power Seat เบาะนั่งคู่หน้าปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมปุ่มปรับดันหลังไฟฟ้า
  • Wireless Charger อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย
  • Head Up Display หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบสีบนกระจกหน้ารถ
  • Tire Pressure Monitoring System ระบบแจ้งเตือนเมื่อลมยางผิดปกติ
  • ใหม่! EPS Tuning ปรับจูนพวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้าสไตล์สปอร์ต ตอบสนองดั่งใจ แม่นยำยิ่งขึ้น
  • Shock Absorber ดูดซับแรงสั่นสะเทือนจากพื้นถนน เพิ่มสมรรถนะในการขับขี่ให้สนุกยิ่งขึ้น
  • Coil Spring คอยล์สปริงปรับจูนพิเศษ เพื่อการขับขี่ที่นุ่มนวล เกาะถนนยิ่งขึ้น
  • Rear Bar Stabilizer ลดอาการโคลงของตัวรถขณะเข้าโค้ง ยึดเกาะถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2. Honda Civic

ฮอนด้า ซีวิค อี:เอชอีวี มีให้เลือกทั้งหมด 2 รุ่นย่อย 

  • Honda Civic รุ่น e:HEV EL+ ราคา 1,129,000 บาท
  • Honda Civic รุ่น e:HEV RS ราคา 1,259,000 บาท

ฮอนด้า ซีวิค อี:เอชอีวี มีสีให้เลือกทั้งหมด 6 สี ได้แก่ 

  • สีแดงอิกไนต์ (เมทัลลิก) เฉพาะรุ่น e:HEV RS 
  • สีดำคริสตัล (มุก) เพิ่ม 6,000 บาท
  • สีขาวแพลทินัม (มุก) เพิ่ม 10,000 บาท 
  • สีเทาเมทิเออรอยด์ (เมทัลลิก) 
  • สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก) 
  • สีฟ้ามอร์นิงมิสต์ (เมทัลลิก) เฉพาะรุ่น e:HEV EL+ 
  • (สีภายในของรุ่น e:HEV EL+ มีทั้งหมด 2 สี ได้แก่ สีดำ และสีเทาเบจ ซึ่งขึ้นอยู่กับสีภายนอก โดยรุ่น e:HEV RS สีภายในจะเป็นสีดำเท่านั้น)

honda civic ehev 2023-2024ขุมพลัง

ขุมพลังขับเคลื่อนแบบฟูลไฮบริด e:HEV ที่ผสานการทำงานอันทรงพลังร่วมกันของมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ได้แก่

  • มอเตอร์ที่ทำหน้าที่สร้างกระแสไฟฟ้า (Motor Generator)
  • มอเตอร์ที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนล้อ (Motor Drive)

เครื่องยนต์ใหม่ ขนาด 2.0 ลิตร Direct Injection Atkinson-Cycle DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว ผสานการทำงานกับเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน มอบกำลังมอเตอร์สูงสุด 184 แรงม้า ที่ 5,000 - 6,000 รอบต่อนาที ตอบสนองได้ทันใจด้วยแรงบิดมอเตอร์สูงสุด 315 นิวตัน-เมตร ที่ 0 - 2,000 รอบต่อนาที ให้อัตราการประหยัดน้ำมันดีเยี่ยมถึง 25 กิโลเมตร/ลิตร และมีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 96 กรัม/กิโลเมตร ทั้งนี้ ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV สามารถปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ได้อย่างชาญฉลาด เหมาะสมกับการขับขี่ในทุกสถานการณ์ใน 3 โหมด ได้แก่ 

  • โหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode) 
  • โหมดการขับขี่ด้วยระบบไฮบริด (Hybrid Drive Mode) 
  • โหมดการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ (Engine Drive Mode)

สวิตซ์ฟังก์ชัน Drive Mode ที่ผู้ขับขี่สามารถเลือกโหมดการขับขี่ตามสไตล์ได้อย่างง่ายดาย ได้แก่

  • โหมดการขับขี่แบบประหยัด (ECON Mode)
  • โหมดการขับขี่แบบปกติ (Normal Mode)
  • โหมดการขับขี่แบบสปอร์ต (Sport Mode)

honda civic ehev ขุมพลัง

ภายนอก รุ่น e:HEV RS

รุ่น e:HEV RS ด้วยดีไซน์สุดเอกซ์คลูซีฟรอบคัน  โดดเด่นด้วยกระจังหน้าตกแต่งด้วยโครเมียม พร้อมสัญลักษณ์ RS กันชนหน้าดีไซน์สปอร์ต ไฟหน้าตกแต่งด้วยโครเมียมพร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED ไฟตัดหมอกคู่หน้าและไฟท้ายแบบ LED  กระจกมองข้างสีดำ มือจับประตูด้านนอกสีดำตกแต่งด้วยโครเมียม เสาอากาศแบบครีบฉลามสีดำ สปอยเลอร์หลังสีดำพร้อมสัญลักษณ์ RS ด้านท้าย ท่อไอเสียพร้อมปลอกท่อไอเสีย และล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ ขนาด 18 นิ้ว  

honda civic ehev 2023-2024 SENSING

ภายใน รุ่น e:HEV RS

ภายในห้องโดยสารสะท้อนความสปอร์ตพรีเมียมด้วยเบาะหนังกลับและวัสดุสังเคราะห์ตกแต่งด้วยด้ายสีแดง เบาะนั่งด้านหลังแยกพับแบบ 60:40 เพื่อเพิ่มพื้นที่สัมภาระ (เฉพาะรุ่น e:HEV RS) แป้นเหยียบคันเร่งและเบรกแบบสปอร์ต  พร้อมเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกล้ำสมัยและฟังก์ชันการใช้งานที่ครบครัน อาทิ ระบบควบคุมเสียงรบกวนเข้าห้องโดยสารครั้งแรกในฮอนด้า ซีวิค ระบบควบคุมประตูแบบอัจฉริยะพร้อม Honda Smart Key Card ดีไซน์เรียบหรู พกพาสะดวก ให้คุณล็อกและปลดล็อกรถได้อย่างสะดวกสบายเพียงแค่พกการ์ดไว้กับตัว ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 10.2 นิ้ว

ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay แบบไร้สาย และ Android Auto พร้อมระบบสั่งการด้วยเสียง Siri และ Android Auto อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger) ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบปรับอุณหภูมิแยกอิสระซ้าย-ขวา ช่องปรับอากาศและช่องเชื่อมต่อ USB 2 ตำแหน่งสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง และฮอนด้า คอนเนค (Honda CONNECT) เทคโนโลยีเชื่อมต่อรถยนต์ที่ทำงานผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟน เป็นต้น

honda civic ehev 2023-2024 ภายใน

เทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING ทำงานผ่านกล้องมุมมองกว้างด้านหน้า ช่วยตรวจจับรถยนต์และคนเดินถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีการทำงานหลัก ๆ ดังนี้

  • ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS)
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF)
  • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS)
  • ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning: RDM with LDW)
  • ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB)
  • ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (Lead Car Departure Notification System: LCDN)
  • พร้อมด้วยเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยล้ำสมัย* อาทิ
  • ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch)
  • ระบบช่วยเตือนความเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (Driver Attention Monitor)
  • กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ (Multi-angle Rearview Camera)
  • ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake)
  • ระบบ Auto Brake Hold
  • ระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock)
  • ระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารด้านหน้า พร้อมเตือนผู้โดยสารด้านหลัง (Front Passenger and Rear Seat Belt Reminder)
  • ไฟเตือนเบาะนั่งด้านหลัง (Rear Seat Reminder)  
  • ระบบช่วยชะลอความเร็วรถที่พวงมาลัย (Deceleration Paddle Selectors)
  • เสียงเตือนคนภายนอกรถขณะขับขี่โหมดมอเตอร์ไฟฟ้า (AVAS)  
  • อุปกรณ์อุดการรั่วซึมของยางชั่วคราว (TPRK)

honda civic ehev 2023-2024 ระบบความปลอดภัย

3. Mazda 3

Mazda 3 มีทั้งรุ่นฟาสท์แบค 5 ประตู และซีดาน 4 ประตู จำหน่ายในราคาเดียวกัน

  • Mazda 3 รุ่น 2.0 C และ 2.0 C Sports ราคา 979,000 บาท
  • Mazda 3 รุ่น 2.0 S และ 2.0 S Sports ราคา 1,069,000 บาท
  • Mazda 3 รุ่น 2.0 SP และ 2.0 SP Sports ราคา 1,198,000 บาท

Mazda 3 มีให้เลือกทั้งหมด 7 สี ประกอบด้วย

  • สีแดง โซล เรด คริสตัล (Soul Red Crystal)
  • สีเทา แมชชีน เกรย์ (Machine Gray)
  • สีบรอนซ์ แพลตทินั่ม ควอตซ์ (Platinum Quartz) 
  • สีเทา โพลีเมทัล เกรย์ (Polymetal Gray) มีเฉพาะในรุ่นฟาสท์แบค 
  • สีขาว สโนว์เฟลก ไวท์ เพิร์ล (Snowflake White Pearl)
  • สีเงิน โซนิค ซิลเวอร์ (Sonic Silver)
  • สีดำ เจ็ท แบล็ก (Jet Black)

MAZDA 3 c-segment

MAZDA 3 

  • สีภายนอกเทรนด์ใหม่ บรอนซ์ แพลตทินั่ม ควอตซ์
  • เพิ่มภาพลักษณ์สปอร์ตพรีเมี่ยมด้วยหลังคาซันรูฟแบบไฟฟ้า หนึ่งเดียวในตลาด
  • เพิ่มไฟหน้าโปรเจคเตอร์แบบ LED และไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่เวลากลางวัน Daytime Running Lamp แบบ Signature และไฟท้ายแบบ LED Signature ในรุ่น 2.0 C และ 2.0 S ช่วยให้สามารถขับขี่ได้ปลอดภัยยิ่งขึ้น ทั้งเวลากลางวันและกลางคืน
  • เพิ่มระบบปรับองศาไฟหน้าตามการเลี้ยวของรถ AFS ในรุ่น 2.0 C และ 2.0 S
  • เพิ่มระบบเซ็นเซอร์กะระยะด้านหลัง และกล้องมองหลัง ในรุ่น 2.0 C  
  • เพิ่มระบบเซ็นเซอร์กะระยะด้านหน้า และ Sports Paddle Shift ในรุ่น 2.0 S
  • อัพเกรดความเร็วสูงสุดของระบบควบคุมความเร็วและพวงมาลัยตามรถคันหน้า CTS สามารถทำงานได้ถึง 145 กม./ชม.
  • ระบบเสียง Bose® รอบทิศทาง พร้อมลำโพง 12 ตำแหน่ง
  • เบาะคนขับปรับไฟฟ้า 10 ทิศทาง พร้อมระบบบันทึกตำแหน่งเบาะนั่งของผู้ขับขี่ 2 ตำแหน่ง
  • ขับสนุก มอบความแรงและเร้าใจทุกเส้นทางกับ เครื่องยนต์ SKYACTIV-G 2.0 
  • ครบครันด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัย i-ACTIVSENSE กว่า 12 ระบบ

mazda 3 c-segment 2023-2024
Mazda3 2022 มีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่นย่อย ทั้งแบบซีดาน 4 ประตู และฟาสท์แบค 5 ประตู

  • รุ่น 2.0 C และ 2.0 C Sports มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน SKYACTIV-G 2.0 ได้ติดตั้งอุปกรณ์มาตรฐานและระบบความปลอดภัยมาอย่างครบครัน อาทิ ไฟหน้าโปรเจคเตอร์แบบ LED ไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่เวลากลางวัน (Daytime Running Lamp) แบบ LED Signature, ไฟท้ายแบบ LED Signature, ระบบปรับองศาไฟหน้าตามการเลี้ยวของรถ AFS, ระบบไฟหน้าปรับระดับสูง-ต่ำ อัตโนมัติ, มาตรวัดดิจิตอล แบบ TFT LCD พร้อมจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบสี MID, หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบสีบนกระจกหน้า, ระบบเซ็นเซอร์กะระยะด้านหลัง 4 จุด, หน้าจอสี Center Display ขนาด 8.8 นิ้ว พร้อมปุ่มควบคุมอัจฉริยะ Center Commander, ระบบควบคุมความเร็วคงที่, ระบบเบรกมือไฟฟ้า พร้อม Auto Hold, กล้องมองหลัง, ถุงลมนิรภัยรวม 7 ตำแหน่ง ได้แก่ ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง ม่านถุงลมนิรภัย และถุงลมบริเวณหัวเข่าด้านคนขับ พร้อมด้วยระบบ i-Activsense เพื่อมอบความปลอดภัยอย่างเหนือระดับให้แก่ผู้ขับและผู้โดยสารทุกคน
  • รุ่น 2.0 S และ 2.0 S Sports เพิ่มอุปกรณ์และเทคโนโลยีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Sports Paddle Shift), วัสดุตกแต่งคอนโซลและมือจับประตูด้านในสีเงินโครเมียม, ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ Dual Zone และช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง, ฝาปิดที่วางแก้วน้ำที่คอนโซลกลาง, ระบบเซ็นเซอร์กะระยะด้านหน้า 4 จุด, ล้ออัลลอย ขนาด 18 นิ้ว (คุณสมบัติเพิ่มเติมจากรุ่น 2.0 C)
  • รุ่น 2.0 SP และ 2.0 SP Sports มาพร้อมหลังคาซันรูฟไฟฟ้า ระบบความปลอดภัยและสะดวกสบายที่เหนือระดับ อาทิ กระจกมองหลังปรับลดแสงอัตโนมัติ, ระบบเสียงคุณภาพสูงจาก Bose® รอบทิศทาง พร้อมลำโพง 12 ตำแหน่ง, ระบบแสดงภาพ 360 องศา รอบทิศทาง ระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ และระบบ i-Activsense อีกหลายรายการ เพื่อมอบสุนทรียภาพและความปลอดภัยไปตลอดการเดินทาง (คุณสมบัติเพิ่มเติมจากรุ่น 2.0 S) 

mazda 3 2023-2024

บทความที่น่าสนใจ

อัปเดตข่าวรถล่าสุด ดูรีวิวรถยนต์ รีวิวรถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ เช็คราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ได้ที่ Autospinn.com

ซื้อขายรถมือสองออนไลน์ ต้องที่ ตลาดรถมือสอง One2car ซื้อรถง่าย ขายรถไว ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน


ความคิดเห็น


เรียกดูข่าวตามประเภทยานพาหนะ

ค้นหาข่าวโดยยี่ห้อ