Honda Accord e:HEV “ฮอนด้า แอคคอร์ด อี:เอชอีวี ใหม่” เจเนอเรชันที่ 11 กับการปรับเปลี่ยนที่ดียิ่งขึ้นทั้งการขับขี่และออฟชั่นที่เหนื่อกว่าเดิม จัดจำหน่ายด้วยกันทั้งหมด 3 รุ่น
Honda Accord e:HEV
หลังจากเปิดตัวอย่างเป็นทางการกับ Honda Accord e:HEV ที่เสียงตอบรับแบบที่ต่างออกไปจากเดิมในเรื่องหน้าตา ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าภาพแรกที่เห็นก็ทำให้รู้สึกย้อนยุคไปด้วยเส้นสายที่เรียบ แบนแบน ทำให้รถดูไม่ซิ่งและก็ไม่หรูด้วย ออกแบบกลางๆ ซึ่งทำให้หลายท่านอาจจะรู้สึกผิดหวังเล็กๆสำหรับแฟน H และด้วยสถานะการที่มีค่ายรถจีนเข้ามาสู้ในตลาดยิ่งทำให้เกิดการเปรียบเทียบชัดเจน
เรื่องหน้าตาแล้วแต่ชอบ มาเรื่องการขับขี่ที่ได้รับการปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้นและจะดีมากขนาดไหนทาง บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เชิญสื่อมวลชนทดสอบสมรรถนะ “ฮอนด้า แอคคอร์ด อี:เอชอีวี ใหม่” บนเส้นทางสายใต้จากจังหวัดภูเก็ต ผ่านทางจังหวัดพังงา และมุ่งหน้าสู่จังหวัดกระบี่ รวมระยะทางไป-กลับกว่า 268 กิโลเมตร ทดสอบกันยาวๆเพื่อให้ได้เห็นว่าดีจริงหรือเปล่า
จุดเด่นหลักๆสำหรับ Honda Accord e:HEV “ฮอนด้า แอคคอร์ด อี:เอชอีวี ใหม่”
- ขุมพลังระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV ในทุกรุ่นย่อย ที่ทรงพลัง ตอบสนองทันใจด้วยการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูง 2 ตัว ในระบบเกียร์ E-CVT ที่ให้แรงบิดสูงสุด 335 นิวตัน-เมตร และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนที่มีประสิทธิภาพสูง
- Honda SENSING ในทุกรุ่นย่อย พร้อมด้วยเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกสบายและหลากหลาย
- กระจังหน้าดีไซน์สปอร์ตใหม่ ไฟหน้าและไฟท้ายแบบ LED และไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED ที่ได้รับการออกแบบให้เข้ากันอย่างลงตัว มาพร้อมล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว สีเงิน (รุ่น e:HEV E) ขนาด 18 นิ้ว ดีไซน์สปอร์ตสีดำ (รุ่น e:HEV EL) และขนาด 18 นิ้ว ดีไซน์สปอร์ตสีดำแบบแมตต์ (รุ่น e:HEV RS) ครั้งแรกในโลกกับรุ่น e:HEV RS
- ปุ่ม Experience Selection Dial ที่เลือกปรับได้อย่างง่ายดาย Google built-in ที่มาพร้อมแอปและบริการของ Google
- ไฟสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสารแบบปรับเฉดสีได้ (Multi-color Ambient Light) ระบบกล้องมองภาพรอบทิศทาง
- ระบบเครื่องเสียงพร้อมลำโพง BOSE 12 ตำแหน่ง ระบบแสดงข้อมูลบนกระจกหน้า (Head-up Display: HUD)
- ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย และรองรับระบบสั่งการด้วยเสียง Siri และ Android Auto มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 10.2 นิ้ว เป็นต้น
การทดสอบ
ตลอดเส้นทางการทดสอบสมรรถนะที่รวมระยะทางกว่า 268 กิโลเมตร สัมผัสแรกกับหน้าตาอันนี้ต้องยอมรับว่าดูธรรมดามากแต่ก็ไม่ได้แย่ แต่สิ่งที่ดูธรรมดาคือรุ่น RS มันดูไม่ต่างจากเพื่อนเลยแถมสีก็มีให้เลือกน้อยอีกยิ่งทำให้รู้สึกว่าไม่ต้องซื้อตัวท๊อปก็ได้
เข้ามานั่นภายในรถตำแหน่งผู้ขับขี่ถือว่าโอเคมีความเรียบหรู แต่ก็เหมือนเดิมในรุ่น RS ความรู้สึกที่ต่างก็แค่ด้ายสีแดงเท่านั้นอย่างอื่นก็มีเล็กน้อยเท่านั้น เบาะด้านหลังมีพื้นที่เพิ่มมากขึ้นแต่ขาดความหรูหรา
จุดสำคัญกับการขับขี่ออกเดินทางรู้สึกดีตั้งแต่ออกตัวกดคันเร่งเบาๆรถออกตัวแบบรถไฟฟ้าการทำงานของมอเตอร์เงียบมากการตัดต่อระหว่างเครื่องกับมอเตอร์แยกความรู้สึกไม่ออกรู้ได้จากการเปิดหน้าจอมีแสดงการทำงานของเครื่องยนต์และมอเตอร์ กดคันเร่งอย่างต่อเนื่องรถวิ่งเร็วจนเราไม่รู้สึกมองหน้าจออีกที่ความเร็วไปกว่า 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมงแล้ว เรียกว่าการเก็บเสียงที่ดีขึ้นรวมถึงช่วงล่างที่มีความกระชับทั้งนุ่มและเกาะในความเร็วสูงทำให้รถนิ่งมาก
การขับขี่ในโค้งต่างๆเรียกว่าเข้าโค้งได้อย่างมั่นใจอัตราเร่งในการแซง รู้สึกทันใจทุกครั้งในโหมดการขับขี่แต่ละโหมดแตกต่างหลักๆคือคันเร่งเป็นหลัก แต่พิเศษกว่าคือในโหมด sport ที่จะมีเสียงจากลำโพงดังขึ้นมาทำให้รู้สึกว่ามีความสปอร์ตเพิ่มขึ้น(มันไม่ค่อยเนียนเหมือนCR-V) ซึ่งโดยรวมของการขับขี่ดีกว่ารุ่นเดิมมากมาย
ในการทดสอบไม่ได้เน้นขับขี่แบบประหยัดตัวเลขที่ทำได้ออกที่ 16-17 กม./ลิตร (ฮอนด้าเคลม 25 กม./ลิตร) ถือว่าผ่านเพราะถ้าวิ่งแบบปกติน่าจะทำได้ 19-20 กม./ลิตร แน่นอนซึ่งหมายความว่าให้ทั้งความแรงและประหยัดไปด้วยกัน
สิ่งที่ดีอีกหนึ่งเรื่องคือ ระบบแสดงข้อมูลบนกระจกหน้า (Head-up Display: HUD) ทำงานได้ดีชัดเจนทำงานร่วมกับแผนที่ได้ดีมากหมดปัญหาเวลาเปิดไฟเลี้ยวแล้วแผนที่หาย
Honda SENSING ระบบจะผสานการทำงานของกล้องด้านหน้าและเรดาร์ ในการตรวจจับรถยนต์ รถจักรยานยนต์ จักรยาน และคนเดินถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีฟังก์ชันการทำงานหลัก ๆ ได้แก่
• ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS)
• ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS)
• ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning : RDM with LDW)
• ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF)
• ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB) หรือ ใหม่ ครั้งแรกใน แอคคอร์ด กับระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ (Adaptive Driving Beam: ADB) (เฉพาะรุ่น e:HEV RS) ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในเวลากลางคืนและปรับองศาของแสงไฟเพื่อลดการรบกวนรถด้านหน้าและคนเดินถนน
• ใหม่ ครั้งแรกใน แอคคอร์ด กับ ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (Lead Car Departure Notification System: LCDN)
ซึ่งโดยรวมการทำงานของ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ของAccord e:HEVทำงานได้ดีเทียบเท่ารถยุโรปก็ว่าได้ เนียนเหมือนมีคนขับรถให้ทั้งเร่งทั้งเบรคแบบพอดี แอคคอร์ด อี:เอชอีวี ใหม่
สรุป
Accord e:HEV ใหม่ ต้องยอมรับว่าขับขี่ได้ดีเกินคาดจุดเด่นกับคือช่วงล่างให้ทั้งความนุ่มนวลและเกาะถนน เครื่องยนต์ที่ทำงานได้แบบพอดีแรงแบบใช้งานเร่งแซงแบบมั่นใจได้ ทำให้ทุกอย่างมีความพอดีสำหรับ แอคคอร์ด อี:เอชอีวี ใหม่ ในเรื่องการเก็บเสียง ที่ทำได้ดีขึ้นมากจากรุ่นเดิม ระบบควบคุมเสียงรบกวนเข้าห้องโดยสาร (ANC) และ ใหม่ รุ่น e:HEV RS มาพร้อมเซนเซอร์ตรวจจับเสียงรบกวนจากพื้นถนน (Road noise ANC) เป็นต้น แต่ก็ยังสู้คู่แข่งไม่ได้
ส่วนที่ยังเป็นจุดด้อย
ระบบ BLIND SPOT MORNITORING (BSM) ที่ยังขาดอยู่
เบาะหลังที่ขาดความหรูหราเทียบกับคู่แข่งแล้วไม่หรู
ในรุ่น RS ไม่รู้สึกว่าแตกต่างจากรุ่นอืนๆ(อย่าน้อยควรมีสีต่างจากรุ่นอื่น)
ในเรื่องหน้าตานั้นแล้วแต่ความชอบส่วนบุคคล(ก็ไม่ได้แย่นะ)
ฮอนด้า แอคคอร์ด อี:เอชอีวี ใหม่ มีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่นย่อย ได้แก่
• รุ่น e:HEV RS ราคา 1,799,000 บาท
• รุ่น e:HEV EL ราคา 1,669,000 บาท
• รุ่น e:HEV E ราคา 1,529,000 บาท
โดยสีภายนอกมีให้เลือกทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีขาวแพลทินัม (มุก) สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก) สีเทาเมทิเออรอยด์
(เมทัลลิก) และสีดำคริสตัล (มุก) พร้อมภายในสีดำ และสีดำตกแต่งด้วยด้ายสีแดง (เฉพาะรุ่น e:HEV RS)
อัปเดตข่าวรถยนต์ ดูรีวิวรถยนต์ รีวิวรถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ เช็คราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ไปกับ Autospinn.com
ซื้อขายรถมือสอง ทุกรุ่น ทุกแบบ ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน ดูรายละเอียด และราคารถมือสองได้ที่ ตลาดรถ One2car
ความคิดเห็น