รวมToyota Hilux Revo จัดเต็มแบบ 4x4 Share this
รีวิวรถยนต์
โหมดการอ่าน

รวมToyota Hilux Revo จัดเต็มแบบ 4x4

วรัญญู ยอดพรหม
โพสต์เมื่อ 10 February 2567

กับกิจกรรม Caravan 4X4 จัดหนักตั้งแต่ต้นปี เพื่อเป็นการทดสอบรถกระบะแบบ 4X4 เพื่อให้ได้เห็นถึงประสิทธิภาพของรถในรูปแบบ ออฟโรด 


Toyota Hilux Revo

ห่างหายไปนานกับการทดสอบรถในรูปแบบ ออฟโรด จากค่ายโตโยต้า เพราะจริงๆแล้วสำหรับรถกระบะจากค่ายโตโยต้า มีรถที่เป็นรูปแบบ ออฟโรดอยู่หลายรุ่นที่จัดจำหน่ายในประเทศไทย และเพื่อให้หลายคนได้รู้จักจึงได้จัดการทดสอบขึ้น กับเส้นทาง กรุงเทพฯ-เขาแผงม้า 

รถยนต์ที่ใช้ในการทดสอบ 3 รุ่นหลัก

HILUX REVO PRERUNNER Double Cab 4x4 2.8 High AT

1,176,000 THB

Toyota Hilux Revo GR Sport 4WD 

1,299,000 บาท

HILUX REVO ROCCO Double Cab 4x4 2.8

1,256,000 THB

สำหรับกิจกรรมการทดสอบนั้น ออกจากกรุงเทพฯ รถที่ใช้ในการทดสอบทางทีมงานได้ Toyota Hilux Revo 2.8 GR Sport 4WD ตัวแรงทรงสปอร์ต แน่นอนว่าแต่ละรุ่นมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกัน ช่วงล่างที่ต่างกันด้วยเช่นกัน แต่สำหรับเครื่องยนต์ในเหมือนกัน

 มิติตัวถัง

ยาว  5,325 มิลลิเมตร
กว้าง  1,900 มิลลิเมตร
สูง  1,865 มิลลิเมตร
ระยะฐานล้อ wheelbase  3,085 มิลลิเมตร
ระยะต่ำสุดถึงพื้น Ground Clearance  217 มิลลิเมตร
ความจุถังน้ำมัน 80 ลิตร

เครื่องยนต์ เหมือนกันทั้ง 3 รุ่น

ดีเซล 2.8 เทอร์โบ

เครื่องยนต์ดีเซล รหัส 1GD-FTV ขนาด 2.8 ลิตร 2,755 ซีซี. VN-Turbo กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก 92.0 x 103.6 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 15.6 : 1 กำลังสูงสุด 204 แรงม้า ที่ 3,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ที่ 1,600 – 2,800 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ ขับเคลื่อน 4 ล้อ รองรับน้ำมันสูงสุด B20

แต่จุดเด่นที่ทำให้ GR Sport แตกต่างกับช่วงล่าง 

  • ช่วงล่างแบบ SuperFlex Suspension
    • ช็อคอัพ แบบ Monotube Shock Absorber
    • เปลี่ยน แหนบซ้อน 3 แผ่น เป็น 5 แผ่น
    • เปลี่ยน วัสดุแหนบ High-Tensile Steel
  • ด้านหน้า : อิสระแบบปีกนกคู่ พร้อมคอยล์สปริง และ เหล็กกันโคลง
  • ด้านหลัง : แหนบซ้อน
  • ระบบเบรกด้านหน้า ดิสก์เบรก พร้อมครีบระบายความร้อน
  • ระบบเบรกด้านหลัง ดรัมเบรก

ภายนอกก็ได้รับการตกแต่งที่โดดเด่นกว่าใคร 

  • กระจังหน้า ดีไซน์ใหม่ สัญลักษณ์ TOYOTA และ GR
  • กันชนหน้า พร้อมชุดตกแต่ง GR
  • กันชนหลัง พร้อมชุดตกแต่ง GR
  • ซุ้มล้อสีเดียวกับตัวรถ ตกแต่งด้วยสีดำเมทัลลิค
  • กระจกมองข้าง สีดำเมทัลลิค
  • กระจกมองข้าง ปรับและพับด้วยไฟฟ้า พร้อมระบบ Welcome Light
  • เสาอากาศแบบครีบฉลาม Shark Fin
  • สัญลักษณ์ GR / GR Sport บริเวณด้านข้าง และ ประตูท้าย
  • สปอร์ตบาร์ สีดำเมทัลลิค พร้อมไฟส่องสว่าง LED
  • พื้นปูกระบะ Liner
  • ล้ออัลลอย ขนาด 18 นิ้ว ดีไซน์ GR Sport
  • สติ๊กเกอร์ตกแต่งด้านข้างตัวรถ และ ท้ายกระบะ
  • กุญแจรีโมท Smart Key แบบ GR Sport
  • ภายในห้องโดยสาร สีดำสลับแดง
  • วัสดุตกแต่งสี Smoke Silver และ สีดำเมทัลลิค พร้อมสัญลักษณ์ GR
  • เบาะนั่งแบบสปอร์ต พร้อมสัญลักษณ์ GR
  • เบาะนั่งแบบ Suede หนัง สลับ หนังกลับ แบบเจาะรู เดินตะเข็บด้ายสีแดง
  • พวงมาลัย ดีไซน์สปอร์ต พร้อมสัญลักษณ์ GR
  • มาตรวัด ดีไซน์สปอร์ต พร้อมสัญลักษณ์ GR
  • ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ ดีไซน์สปอร์ต พร้อมสัญลักษณ์ GR
  • แป้นคันเร่ง และ เบรก แบบสปอร์ต
  • ช็อคอัพใหม่ แบบ Monotube Shock Absorber
  • แหนบซ้อนจาก 3 ชิ้น เป็น 5 ชิ้น
  • ปรับค่าความแข็ง คอยล์สปริง
  • คาลิปเปอร์เบรกสีแดง พร้อมสัญลักษณ์ GR

การทดสอบ GR Sport

ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ เส้นบางนา ภายนอกตัวรถไม่ต้องพูดเยอะเพราะมีความโดดเด่นกว่าเพื่อนอยู่แล้ว ห้องโดยสารมีความสปอร์ตด้วยโทนสีดำแดงทำให้ได้อารมณ์สปอร์ตเพิ่มขึ้น วิ่งเส้นบางนาแน่นอนว่ารถบรรทุกเยอะถนนค่อนข้างไม่ดี ช่วงล่าง GR Sport เน้นการใช้งานแบบความเร็วสูงเป็นหลัก ทำในความนุ่นนวลในความเร็วต่ำไม่ค่อยดีออกไปทางแข็งมากกว่า ยิ่งโช๊คเป็นแบบ Monotube Shock Absorber ยิ่งสำผัสได้ถึงพื้นถนนได้เป็นอย่างดี

แต่เมื่อเพิ่มความเร็วขึ้นต้องยอมรับว่ารู้สึกต่างอย่างชัดเจนช่วงล่างได้ทำงานอย่างเต็มที่ให้การเกาะถนนอย่างชัดเจนดีจนรู้สึกว่าเหมือนขับขี่รถเก๋ง ไม่รู้สึกว่าเป็นรถสูงแต่อย่างไร ขึ้นลงสะพานมั่นใจได้รถมีอาการดีดน้อยมีความนิ่งในความเร็วสูงทำให้สามารถควบคุมรถได้ง่ายไม่เหนื่อยในการขับขี่ทางไกล แน่นอนว่าถ้าช่วงล่างไม่ดีจะทำให้เราต้องคอยระวังในการขับขี่ค่อนข้างมาก 

เดินทางถึงเขาแผงม้า กับกิจกรรมในการทดสอบ ช่วงที่ทีมงานเดินทางมาทดสอบอากาศค่อนข้างแห้งฝุ่นเยอะ ทำให้พื้นถนนขับขี่ได้ไม่ยากมาก แต่จะลื่นฝุ่นในบางช่วงต้องปรับเป็นโหมด เกียร์ 4H (HIGH) เป็นชุดเกียร์ที่ทำการขับเคลื่อนทั้งล้อหน้าและล้อหลัง ซึ่งทำการขับเคลื่อนล้อทั้ง 4 ล้อ ในสภาพอัตราทดปกติ เส้นทางที่เราควรใช้เกียร์ 4H คือ เส้นทางที่มีพื้นผิวลื่นและพื้นผิวล่างไม่แข็ง ทางลูกรัง เส้นทางที่เปียกชื้นจากฝนตก หรือเส้นทางที่โค้งและคดเคี้ยวไปมา รถจะยึดเกาะถนนได้ดียิ่งขึ้น ระบบนี้จะช่วยดึงและดัน ช่วยให้ขับขี่ได้ง่ายขึ้น 

มาถึงอีกหนึ่งสถานี ค่อนข้างมีความชัน พื้นผิวไม่หลุมเยอะทำให้ต้องเปลี่ยนเป็น เกียร์ 4L (4LOW) ถือเป็นเกียร์หลักที่สามารถพารถของเราไปได้ทุกที่ แบบง่ายๆ แต่ สิ่งที่สำคัญการใช้เกียร์4L (4LOW) จำต้องอาศัยความระมัดระวังอย่างสูงสุด เนื่องจากอัตราทดเกียร์และแรงบิดมหาศาลที่เพิ่มอีกเกือบเท่าตัว หากขับแบบผิดวิธีอาจจะทำให้รถเสียหายได้  ก่อนการปรับเกียร์ไปที่ 4L (4LOW) ต้องหยุดรถให้สนิททุกครั้ง และไม่ว่าจะเป็นระบบขับเคลื่อนแบบ 4H หรือ 4L ควรตั้งพวงมาลัยให้ตรงทุกครั้ง เพื่อป้องกันการขบกันของเฟืองด้านหน้า หากตั้งพวงมาลัยไม่ตรงจังหวะที่เราเข้าเกียร์ขับเคลื่อน 4 ล้อ อาจจะสร้างความเสียหายให้กับเฟืองด้านหน้าได้ 

ขับขึ้นทางชันได้แบบง่ายดายด้วยระบบขับเคลื่อนที่ดีประกอบกับเครื่องยนต์ที่ให้พละกำลังแบบเต็มประสิทธิภาพกดคันเร่งเบาก็สามารถผ่านอุปสรรคต่างๆได้แบบไม่ต้องลุ้นกันเลย

สรุปสำหรับ Toyota Hilux Revo

ต้องบอกว่าระบบขับเคลื่อนสี่ล้อนั้น สำคัญหรือไม่เรียกว่ามีเอาไว้อุ่นใจมากกว่าก็ว่าได้ บางเส้นทางที่เราต้องลุยเราไมสามารถรู้ได้เลยว่าข้างหน้าจะเป็นอย่างไรแต่ถ้ามีระบบขับสี่ จะทำให้เราผ่านอุปสรรคต่างๆได้อย่างสะดวกสบายมากว่า และสำหรับระบบขับสี่จากทาง โตโยต้านั้นต้องบอกว่าเป็นอีกหนึ่งระบบที่ใช้งานง่าย ไม่ต้องเป็นสายออฟโรดแต่อย่างไรระบบต่างๆก็ช่วยให้เราสามารถขับขี่ได้อย่างชำนาญได้เลย

 

อัปเดตข่าวรถล่าสุด ดูรีวิวรถยนต์ รีวิวรถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ เช็คราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ได้ที่ Autospinn.com

ซื้อขายรถมือสองออนไลน์ ต้องที่ ตลาดรถมือสอง One2car ซื้อรถง่าย ขายรถไว ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน


ความคิดเห็น


เรียกดูข่าวตามประเภทยานพาหนะ

ค้นหาข่าวโดยยี่ห้อ