Ford RANGER Wildtrak V6 3.0 Diesel เปิดตัวอย่างเป็นทางการด้วยกระแส รถกระบะที่มีราคาสูงที่สุดไม่นับ (ford raptor) จัดเป็นพรี่เมี่ยม แล้วทำไมถึงได้แพงขนานนี้วันนี้เราไปหาคำตอบ
Ford RANGER Wildtrak V6 3.0 Diesel
ราคาอย่างเป็นทางการ
- Ranger Wildtrak V6 3.0 Diesel 10AT 4A-4WD 1,519,000 บาท
- Ford Everest Platinum 3.0 V6 ดีเซล 2,279,000 บาท
ต้องยอมรับว่า Ford ถือเป็นผู้ผลิตรถกระบะอันดับต้นๆ ที่ทำราคาเกินหลักล้าน มาเป็นระยะเวลาอันยาวนาน และมีการจัดจำหน่ายกระบะกลุ่มพรี่เมี่ยมอย่าง "ford raptor" ที่เรียกว่าไม่มีใครขึ้นมาต่อกรได้ แม้ว่าจะแพงแค่ไหนแต่ก็มีผู้บริโภคให้ความสนใจเป็นอย่างมาก และรถกระบะในกลุ่มที่มีราคาเกินหนึ่งล้านฟอร์ดก็ถือว่าเป็นผู้นำ
สำหรับรุ่นใหม่อย่าง Ford Ranger Wildtrak Diesel V6 3.0 ที่หลายคนไม่คาดคิดว่าจะมาแบบรวดเร็วเพราะก่อนหน้านี้มีข่าวว่าจะมาใน ford everest ก่อนแต่แล้วก็นำมาจัดจำหน่ายเปิดตัวพร้อมกันเลยแต่ว่า ford everest platinum มีจัดจำหน่ายจำนวนจำกัดเพียง 350 คัน เท่านั้น เพราะด้วยหลายเหตุผล เช่น ราคาที่ค่อนข้างสูงอาจจะจัดจำหน่ายได้ไม่เยอะพอ ความต้องการของออสเตรเลี่ยมีมากกว่าประเทศไทยเรียกว่ารอรถนานหลายเดือนทีเดียว
Ford Ranger Wildtrak Diesel V6 3.0 เพิ่มเติมจากรุ่นปกติ ดังนี้
- เปลี่ยน เครื่องยนต์ดีเซล V6 3.0 เทอร์โบ 250 แรงม้า 600 นิวตันเมตร
- เปลี่ยน ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ เป็นแบบ Full-Time 4A-4WD
- เปลี่ยน ล้ออัลลอย ขนาด 20 นิ้ว ดีไซน์ใหม่ ยาง ขนาด 255/55 R20
- เพิ่ม ระบบไฟส่องสว่างภายนอกรถ แบบแบ่งโซน Zone Lighting
ทดสอบ
ในการทดสอบครั้งนี้ทางทีมงานฟอร์ดได้จัดทดสอบถึงจังหวัดเชียงใหม่ วิ่งวนไปในหลายอำเภอเพื่อให้ได้ทดสอบในเส้นทางที่หลากหลายเพื่อให้ได้เห็นถึงสมรรถนะของตัวรถ
เรามาเริ่มจากหน้าตาภายนอกรถก่อนถ้าจอดเทียบกับ Wildtrak 2.0 ต้องบอกตามตรงคือแทบจะแยกไม่ออกเลยหน้าตาด้านหน้าเหมือนกันเลย ด้านข้างมีจุดสังเกตแค่ล้อขนาด 20" แผ่นเพลทแก้มข้างรถเปลี่ยนเป็น V6 สีดำ ด้านท้ายจุดที่ต่างคือเอาโลโก้ 4x4 หายไป คำถาม? แล้วทำไมไม่ทำให้แตกต่างจาก2.0 ในเมื่อคุณต้องจ่ายแพงกว่า ฟอร์ดให้ความเห็นว่าลูกค้าฟอร์ดส่วนใหญ่จะนำรถไปตกแต่งต่อในรูปแบบของตัวเองบางส่วน แต่เหตุผลหลักฟอร์ดต้องการความเรียบง่ายที่ไม่ต้องบอกให้ใครรู้ว่า ของแรงแพงบางครั้งก็ไม่จำเป็นต้องบอกใครคุณสามารถภูมิใจด้วยตัวคุณเองก็ได้ นั้นก็เป็นเหตุผลที่ไม่จำเป็นต้องมีความต่างมากมาย
การทดสอบผู้โดยสาร 3 สื่อ 3 คน กับรถ 1 คัน ไม้แรกทางทีมงานได้เป็นผู้ทดสอบกับถนนไฮเวย์ขึ้นมานั่งในรถอารมณ์เดียวกับ Wildtrak 2.0 โดยการตกแต่งที่ไม่ต่างกันหน้าจอต่างๆก็เหมือนกัน แต่สิ่งที่รู้สึกได้อย่างแรกคือเสียงเครื่องยนต์ที่เงียบมาก ตัวรถสั่นน้อยมาก กดคันเร่งออกจากโรงแรม ออกนอกเมืองความรู้สึกแรกคือ ทำไม่คันเร่งเบามากกดเพียงแค่ 10%-20% เท่านั้นรถพุงออกไปอย่างรวดเร็ว ถ้าเทียบกับเครื่อง 2.0 พละกำลังของ V6 เหนือกว่ามาก ทำให้การขับขี่เป็นไปอย่างสบายตั้งแต่ในเมืองไม่ว่าจะเร่งออกตัวหรือจังหวะแซงต่างในเมืองทำให้คล่องตัวอย่างมาก ออกนอกเมืองบอกได้เลยว่าขับขี่ได้อย่างสบายๆแบบไม่ต้องออกแรงอะไรมากมายเติมคันเร่งเพียงเล็กน้อยตัวรถก็ทะยานออกไปอย่างต่อเนื่องมองดูหน้าปัดความเร็ว ก็เร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนดแล้ว เพราะด้วยรอบเครื่องยนต์ที่ใช้แทบจะไม่เกิน 2 พันรอบแถมด้วยช่วงล่างที่มีความนุ่มนวลแต่ให้การเกาะถนนที่ดีจนไม่รู้สึกถึงความเร็ว
ช่วงที่สองเป็นเส้นทางขึ้นเขาอย่างต่อเนื่องแรงบิดขนาด 600 นิวตันเมตร แสดงพลังออกมาให้เห็นชัดเจนกดคันเร่งเบาๆตัวรถก็มีแรงขึ้นเขาได้อย่างสบายๆ คุณจะหาไม่ได้กับเครื่องยนต์ขนาดเล็กความรู้สึกเหมือนขับขี่ขับขี่บนเส้นทางราบเรียบไม่เหมือนขึ้นเขา แต่อย่างไร
ช่วงที่สามกับเส้นทางออฟโรด ระบบต่างๆที่ Wildtrak Diesel V6 จัดมาให้นั้นและยิ่งกับระบบ 4A ที่ตัวรถแทบจะจัดการเองทุกอย่างรวบไปถึงการกระจายน้ำหนักของระบบขับเคลื่อนยิ่งทำให้รถในขับขี่ได้ง่ายในทุกสภาพเส้นทาง สำหรับเส้นทางออฟโรดในครั้งนี้ไม่ได้โหดมากมายทำให้แทบจะไม่จะปรับเปลี่ยนโหมดแต่อย่างไร เครื่องยนต์ V6 แสดงพลังอีกครั้งกับเส้นทางที่ชันมากๆพละกำลังเหลือเฟือทำให้การขับขี่เป็นไปอย่างง่ายดาย
สรุป Wildtrak Diesel V6
ถนนดำพละกำลังเหลือๆ กดเป็นมาไม่มีคำว่าหนดพลังแต่อย่างไร เทียบกับ V6เบนซิน นิสัยเครื่องยนต์คนละแบบ ดีเซลให้การขับขี่แบบผู้ดีไปแบบเนียนๆไม่โวยวาย กำลังเหลือๆตั้งแต่รอบต่ำทำให้การขับขี่ง่ายกว่าเบนซิน อัตราการประหยัดก็ดีกว่ามากเป็นเท่าตัว กินพอๆกับ 2.0 ลิตร
แรงบิดเยอะในรอบต่ำดีตรงที่การขึ้นเขาหรือเส้นทางออฟโรดนั้นขับขี่ได้ง่ายกว่าทั้งเครื่อง 2.0 และ V6เบนซิน เพราะใช้คันเร่งน้อยกว่าทำให้เบาแรงเครื่องกว่ามาก
จุดที่หน้าสนใจกับการวางเครื่อง V6 ดีเซล ในWildtrak รถขับขี่ได้ดีกว่าควบคุมง่ายกว่า แม้ว่าช่วงล่างไม่ได้ปรับเปลี่ยนอะไรก็ตาม ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นที่ตำแหน่งของเครื่องยนต์นั้นเปลี่ยนโดยขยับเขามาตรงกลางมากขึ้น รวมขึ้นน้ำหนักที่มากขึ้น 70 กิโลกรัม จึงทำให้ต้องเพิ่มจุดยึดให้แข็งแรงขึ้น ทำให้ความแข็งแรงของด่านล่างมากขึ้นส่งผลทำให้ช่วงล่างเกาะขึ้นมากขึ้น แรงสะทานขึ้นห้องโดยสารน้อยลง
โดยรวมกับการเพิ่มรุ่น Wildtrak Diesel V6 ต้องบอกว่านี้ถือสิ่งที่ชาวดีเซลตามหาอย่างแน่นอน คงไม่ต้องบอกอะไรมากนอกจากคุณได้ทดสอบก็จะบอกเหมือนกัน ว่าดี
ความคิดเห็น