“พิมพ์ภัทรา” หนุนไทยเป็นฐานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ขึ้นสู่ TOP 10 ของโลก Share this

“พิมพ์ภัทรา” หนุนไทยเป็นฐานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ขึ้นสู่ TOP 10 ของโลก

Wongsupat
โดย Wongsupat
โพสต์เมื่อ 07 March 2567

“พิมพ์ภัทรา รมว.อุตสาหกรรม” ปาฐกถาในหัวข้อ “ยุทธศาสตร์ยานยนต์ไทย สู่…ท็อปเทนโลก” งานเดลินิวส์ ทอล์ก 2024 เผยโอกาสและอนาคตของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยจะเป็นฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าระดับท็อปเทนของโลก ด้านนายกสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย-เอ็มจีเชื่อมั่นเป็นไปได้แน่นอน


หนุนไทยเป็นฐานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ขึ้นสู่ท็อปเทนของโลก

วันที่ 7 มี.ค.2567 ปารเมศ เหตระกูล กรรมการบริหารหนังสือพิมพ์เดลินิวส์และเดลินิวส์ออนไลน์ เปิดเผยว่า ในโอกาสที่เดลินิวส์จะครบรอบ 60 ปี ในวันที่ 28 มีนาคม 67 นี้ ในฐานะสื่อมวลชนที่อยู่คู่กับสังคมไทยมายาวนาน ได้จัดกิจกรรมเพื่อสาธารณประโยชน์ในหลากหลายรูปแบบรวมถึงการจัดงานเสวนา “เดลินิวส์ ทอล์ก 2024” (Dailynews Talk 2024) เพื่อเผยแพร่ความรู้และทิศทางอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทยภายใต้หัวข้อ “เช็กความพร้อมยานยนต์ไทย สู่…ท็อปเทนโลก อย่างยั่งยืน”

หนุนไทยเป็นฐานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าขึ้นสู่ท็อปเทนของโลก 1

พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว.อุตสาหกรรม กล่าวปาฐกถาในหัวข้อ “ยุทธศาสตร์ยานยนต์ไทย สู่…ท็อปเท็นโลก” ว่า ในปี 2565 ประเทศไทยมีการผลิตยานยนต์รวม 1.9 ล้านคัน เป็นอันดับที่ 10 ของโลก และอันดับ 1 ของอาเซียน มีมูลค่าการส่งออกรวมประมาณ 1.07 ล้านล้านบาท ถือว่าอุตสาหกรรมยานยนต์มีลักษณะที่โดดเด่นคือ มี Supply Chain ที่ยาวนาน เข้มแข็ง แผ่ขยายเป็นวงกว้าง มีคลัสเตอร์ผู้ผลิตยานยนต์และชิ้นส่วนที่มีอยู่ทั่วประเทศ

“แม้ว่าเราจะไม่ได้เป็นเจ้าของแบรนด์ยานยนต์ หรือ Maker เอง แต่แบรนด์ใหญ่แทบทุกรายล้วนมาตั้งฐานการผลิตและประกอบรถยนต์ในประเทศไทย โดยเฉพาะในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางยานยนต์ของภูมิภาค ส่งผลให้อุตสาหกรรมยานยนต์มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทย ทั้งด้านการลงทุน การจ้างงาน การสร้างมูลค่าเพิ่ม และการส่งออก”

หนุนไทยเป็นฐานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าขึ้นสู่ท็อปเทนของโลก 2

ปัจจุบันเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญของอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยและของโลก และคงไม่มีใครปฏิเสธว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนไปสู่การผลิตยานยนต์ที่มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางตลาดโลก และการที่ไทยจะรักษาความเป็นฐานการผลิตยานยนต์แห่งอนาคต จำเป็นต้องมียุทธศาสตร์ที่ผสมผสานในหลายๆ ด้านทั้งยุทธศาสตร์ในเชิงรุก เพื่อเร่งปรับตัวก้าวให้ทันกับกระแสของยานยนต์ไฟฟ้า หรือ รถยนต์ EV ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด เพื่อไม่ให้ไทยตกจากเวทีโลก และจากมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าหรือ EV 3.5 กับมาตรการ EV 3.0 เชื่อว่าจะครอบคลุมการส่งเสริมการเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าของไทยได้

“กระทรวงฯ ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติในการศึกษา และกำหนดมาตรการ เพื่อส่งเสริมการ Reduce, Reuse และ Recycle เพื่อนำแบตเตอรี่ใช้แล้วกลับมาผลิตเป็นแบตเตอรี่ใหม่สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า หรืออุปกรณ์กักเก็บพลังงานไฟฟ้า (Energy Storage System: ESS) ที่ใช้ในอุตสาหกรรมดิจิทัล และได้มอบหมายให้การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยได้พิจารณาจัดสรรพื้นที่เพื่อรองรับการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม จากเดิมที่มีพื้นที่ EEC ที่ได้กันพื้นที่ไว้แล้ว”

ทิศทางรถยนต์ไฟฟ้าแข่งดุแน่นอน

กฤษฎา อุตตโมทย์ นายกสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย กล่าวว่า ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกมีโอกาสเติบโตขึ้นเรื่อยๆ โดยคาดว่าในปี 2035 จะมีสัดส่วนเกินครึ่งของตลาดรถยนต์ โดยประเทศจีนจะเป็นตลาดใหญ่ ขณะที่อาเซียนก็มีการเปลี่ยนแปลง มีบริษัทรถยนต์ไฟฟ้าเข้ามาตั้งโรงงานในหลายๆประเทศในภูมิภาคนี้ แต่ไทยมีโอกาสมากกว่าจากนโยบายของภาครัฐที่สนับสนุน ทำให้การใช้รถไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น และมีบริษัทต่างชาติเข้ามาตั้งโรงงานผลิตในไทยตามเงื่อนไขที่กำหนด

“ในปีที่ผ่านมา ไทยมียอดจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าประมาณ 7.6 หมื่นคัน มีรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมด 54 โมเดลจาก 25 แบรนด์ ส่วนใหญ่เป็นรถยนต์ไฟฟ้าจากจีน ส่วนสถานีชาร์จมี 9,600 หัวจ่าย จาก 2,200 โลเคชั่น เป็นสัดส่วนประมาณ 20 คันต่อ 1 หัวจ่าย และในปีนี้ จะเห็นแบรนด์ใหม่ๆ เข้ามาอีก การแข่งขันจะรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะด้านราคา ถือว่าประโยชน์จะอยู่ที่ผู้บริโภค ส่วนผู้ประกอบการจะต้องปรับตัว”

ประเด็นสำคัญที่ภาครัฐจะต้องสนับสนุนพลังงานหมุนเวียน พลังงานสีเขียว มากขึ้น เพราะบริษัทต่างชาติให้ความสำคัญเรื่องนี้ในการเข้ามาตั้งโรงงาน อีกทั้งต้องส่งเสริมเรื่องบุคคลในอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า เนื่องจากการมีโรงงานเข้ามาตั้ง หากเรามีความพร้อมภาคแรงงาน และหลักสูตร การเรียนการสอน จะสามารถรองรับตลาดแรงงานในอนาคต รัฐต้องจับมือกับเอกชน ให้แรงงาน นักศึกษา มีสถานที่ฝึกงาน และต้องผลักดันให้เกิดการค้าร่วมทุนการค้าไทย เนื่องจากรถที่ผลิตจากไทยมีคุณภาพ ได้รับการยอมรับจากประเทศอื่นๆ จะช่วยให้ไทยมีโอกาสกระจายสินค้าไปต่างประเทศได้มากขึ้น

หนุนไทยเป็นฐานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าขึ้นสู่ท็อปเทนของโลก 3

เอกชนไทยพร้อมเป็นเจ้าของเทคโนโลยีรถอีวีเพื่อความยั่งยืน

พงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลล์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า การทำให้ไทยติดท็อป 10 ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ทำได้ไม่ยาก แต่การทำให้ยั่งยืน ถือเป็นเรื่องยาก เมื่ออุตสาหกรรมยานยนต์เมื่อถูกดิสรัปชั่นแล้ว ก็จะเกิดเปลี่ยนแปลง ไทยจะต้องเป็นเจ้าของเทคโนโลยี จึงจะช่วยให้เกิดความยั่งยืน ไม่เช่นนั้นจะถูกคู่แข่งแซง เพราะตลาดยานยนต์ไฟฟ้าไทยมีขนาดไม่ใหญ่ ดังนั้น การเป็นเจ้าของเทคโนโลยีเองจะช่วยให้เกิดความยั่งยืนมากกว่า

“กติกาการค้าใหม่ จะใช้เรื่องสิ่งแวดล้อมมากีดกันทางการค้า จึงมองว่า ไทยมีโอกาสมากกว่าประเทศอื่นๆ ในอาเซียน จะเห็นว่า จีน ยุโรป มาลงทุนในไทย การผลักดันเรื่องสิ่งแวดล่อม จะเป็นตัวเสริมมาช่วยลดการกีดกันทางการค้า อยู่ที่ไทยจะฉวยโอกาสได้อย่างไร ซึ่งเรื่องรถยนต์ไฟฟ้า มีเรื่องระบบความปลอดภัย มีระบบการเชื่อมต่อ มีซอฟท์แวร์เข้ามาเกี่ยวข้อง ไทยมีคนเก่งเรื่องซอฟท์แวร์ จึงเป็นโอกาสของไทย”

บทความที่น่าสนใจ

อัปเดตข่าวรถล่าสุด ดูรีวิวรถยนต์ รีวิวรถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ เช็คราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ได้ที่ Autospinn.com

ซื้อขายรถมือสองออนไลน์ ต้องที่ ตลาดรถมือสอง One2car ซื้อรถง่าย ขายรถไว ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน


ความคิดเห็น


เรียกดูข่าวตามประเภทยานพาหนะ

ค้นหาข่าวโดยยี่ห้อ