7 ค่ายรถยนต์ไฟฟ้า โชว์แผนจัดซื้อชิ้นส่วนในประเทศ ยกระดับผู้ประกอบการไทย เข้าสู่ Supply Chain ยานยนต์ไฟฟ้าระดับโลก มองโอกาสระยะยาวใช้ชิ้นส่วนในประเทศถึง 90% ประสานเสียงไทยฮับในอาเซียน สร้างฐานผลิตเพื่อส่งออกสู่ตลาดโลก
7 ค่ายรถยนต์ไฟฟ้า โชว์แผนจัดซื้อชิ้นส่วนในไทย
นฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า การจัดงานแสดงชิ้นส่วนอุตสาหกรรมระดับนานาชาติ “SUBCON Thailand 2024” ครั้งที่ 18 ระหว่างวันที่ 15 – 18 พฤษภาคม 2567 โดยภายในงานบีโอไอได้จัดกิจกรรมพิเศษ “BOI Symposium: EV Supply Chain Edition” ระหว่างวันที่ 15 – 17 พฤษภาคม 2567 ต่อเนื่องกัน 3 วัน
ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่ 7 ค่ายรถยนต์ชั้นนำของจีน ได้แก่ BYD, MG, Great Wall Motor, NETA, Changan, GAC Aion และ Omoda & Jaecoo ได้มาร่วมแสดงวิสัยทัศน์การพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า รวมถึงแผนการจัดซื้อจัดหาชิ้นส่วนในประเทศ พร้อมยกระดับผู้ประกอบการไทยเข้าสู่ Supply Chain ของโลก โดยมีผู้ผลิตชิ้นส่วนภายในประเทศให้ความสนใจลงทะเบียนเข้าร่วมรับฟังแผนการจัดซื้อจัดหาชิ้นส่วนในประเทศ รวมกว่า 1,500 คน
“ปัจจุบันผู้ผลิตรถยนต์จากจีนที่ได้เริ่มผลิตอีวีในประเทศไทยแล้วมี 3 ราย ได้แก่ GWM, NETA และ MG ส่วน BYD และ GAC Aion มีแผนเริ่มผลิตในช่วงไตรมาส 3 – 4 ของปีนี้ และ Changan จะเริ่มผลิตในช่วงต้นปี 2568 ซึ่งจะทำให้ความต้องการใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศจะทยอยเพิ่มสูงขึ้น การเปิดเวทีครั้งนี้ จะเป็นโอกาสสำคัญที่ผู้ผลิตชิ้นส่วนในประเทศจะได้รับฟังทิศทางการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าและแผนการจัดซื้อชิ้นส่วนโดยตรงจากผู้บริหารค่ายรถยนต์ สร้างโอกาสการเชื่อมโยงธุรกิจระหว่างกัน และร่วมกันยกระดับ Supply Chain ของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยให้เข้มแข็ง เป็นฐานการผลิตที่สำคัญของโลกในอนาคต”
ทั้งนี้ บีโอไอ ได้ให้สิทธิประโยชน์ครอบคลุมการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าทุกเซกเมนต์ และชิ้นส่วนสำคัญต่าง ๆ ที่ได้รับสิทธิประโยชน์สูงสุด 17 ชิ้น รวมทั้งแบตเตอรี่ และสถานีชาร์จ โดยในช่วง 2 – 3 ปีที่ผ่านมา มีการส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย รวมเงินลงทุนกว่า 80,000 ล้านบาท มีโครงการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าใช้แบตเตอรี่ (BEV) 18 โครงการ เงินลงทุนประมาณ 40,000 ล้านบาท มีกำลังการผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารวม 400,000 คัน
7 ค่ายรถยนต์ไฟฟ้า โชว์แผนยกไทยฐานผลิตอีวี
สำหรับเวที “BOI Symposium: EV Supply Chain” 7 ค่ายผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำของจีน ได้แก่ BYD, MG, Great Wall Motor, NETA, Changan, GAC Aion และ Omoda & Jaecoo ร่วมแสดงวิสัยทัศน์ และแผนการจัดซื้อจัดหาชิ้นส่วนในประเทศ โดยแต่ละรายตอกย้ำจุดยืนในการใช้ไทยเป็นฐานผลิตหลักในอาเซียน และมองโอกาสที่จะใช้ชิ้นส่วนในประเทศสูงสุดถึงร้อยละ 90 เพื่อให้ไทยเป็นฐานผลิตเพื่อส่งออกในอนาคต
GAC AION
หม่า ไห่หยาง (Ma Haiyang) ผู้จัดการทั่วไปด้านธุรกิจระหว่างประเทศ บริษัท GAC AION New Energy Automobile หรือ GAC AION กล่าวว่า บริษัทฯ มีความมุ่งมั่นพัฒนาห่วงโซ่การผลิตในประเทศไทยให้แข็งแกร่ง และต้องการให้ไทยเป็นศูนย์กลางของอาเซียน ซึ่งจะมีการลงทุนในส่วนโรงงานผลิต รวมทั้งจัดจำหน่ายในไทยและต่างประเทศ โดยจะร่วมมือกับผู้ผลิตชิ้นส่วนในประเทศเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน
BYD
หยู่ปิน เคอ (Yubin Ke) ผู้จัดการทั่วไป บริษัท บีวายดี ออโต้ (ประเทศไทย) กล่าวว่าในปี 2023 BYD เป็นผู้ผลิตรถยนต์พลังงานใหม่ยอดขายอันดับ 1 ของโลก และมียอดขายสะสมทั่วโลกกว่า 7 ล้านคันในเดือนมีนาคม 2024 ปัจจุบันโรงงานบีวายดีเตรียมใช้ชิ้นส่วนในประเทศมากกว่า 40% จากผู้ผลิตชิ้นส่วนหลายรายในประเทศไทย และมีแผนการจัดซื้อเพิ่มขึ้นทุกปี ในอนาคตจะยกระดับการผลิตและพัฒนาชิ้นส่วนในประเทศให้เป็น "Made in Thailand" เพื่อสร้างความสำเร็จร่วมกัน
Changan
เซิน ซิงหัว (Shen Xinghua) ประธานบริษัท บริษัท ฉางอาน ออโต้ เซลส์ (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ฉางอานมีเป้าหมายสำคัญในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ โดยมีแผนลงทุนมากกว่า 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อผลิตรถยนต์พลังงานใหม่กว่า 1.5 ล้านคัน สำหรับประเทศไทย ฉางอันต้องการให้ไทยเป็นศูนย์กลางในอาเซียน ทั้งการผลิต ขาย รวมถึงการวิจัยและพัฒนา โดยจะมีการลงทุนราว 10,000 ล้านบาท บริษัทฯ คาดว่าจะเริ่มผลิตรถยนต์ได้ในไตรมาสแรกของปี 2568 มีกำลังการผลิตมากกว่า 100,000 คัน โดยใช้ชิ้นส่วนในประเทศถึง 60% และมีโอกาสที่จะเพิ่มไปถึงร้อยละ 90 จากมาตรการสนับสนุนของรัฐบาลไทย
ปัจจุบัน CHANGAN ในประเทศไทย ได้จัดตั้งบริษัทย่อย 3 แห่ง เมื่อเดือนสิงหาคม 2023 สำหรับการขาย การผลิต และการดำเนินงานด้านส่วนประกอบ โดยมีการลงทุนมูลค่าสูงถึง 8.8 พันล้านบาท ในส่วนฐานการผลิตจังหวัดระยอง ซึ่งจะครอบคลุมกระบวนการการผลิตยานยนต์ทั้งหมดตั้งแต่การเชื่อม การพ่นสี การประกอบแบตเตอรี่ไปจึงถึงการประกอบขั้นสุดท้าย โดยระยะที่ 1 มีกำลังการผลิตอยู่ 100,000 คันต่อปี ในไตรมาสแรกของปี 2025 และจะเพิ่มขึ้นเป็น 200,000 คันในปีถัดไป
"เราจะทำทุกวิถีทางเพื่อร่วมมือกับซัพพลายเออร์ชาวไทย โดยตั้งเป้าในการใช้ชิ้นส่วนในประเทศไทยเพิ่มขึ้นมากกว่า 60% และ CHANGAN สัญญาว่าจะสนับสนุนผู้ผลิตชิ้นส่วนไทย และทำให้ประเทศไทยกลายเป็นห่วงโซ่อุปทานรถที่ใช้พลังงานใหม่ (New Energy Vehicle – NEV) ในอุตสาหกรรมนี้ด้วย และเพื่อเป็นสนับสนุนความสามารถในการผลิตชิ้นส่วนในประเทศไทย CHANGAN ได้จับมือกับผู้ผลิตชิ้นส่วนของไทย เช่น Summit, Thai Summit, และ AAPICO ได้มีการวางแผนจัดซื้อรวมกว่า 20,000 ล้านบาท สำหรับการผลิตรถไฟฟ้ารุ่นแรกของเราซึ่งจะเริ่มผลิตในประเทศไทยตั้งแต่ต้นปีหน้า"
GWM
ไมเคิล ฉง (Michel Chong) ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า GWM ต้องการให้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของอาเซียน โดยปัจจุบันบริษัทฯ ได้ลงทุนตั้งโรงงานผลิตที่ จ.ระยอง แล้วกว่า 12,500 ล้านบาท มีการจ้างแรงงานกว่า 3,000 คน มีกำลังการผลิตรถยนต์ 80,000 คันต่อปี และในอนาคตมีแผนลงทุนในไทยเพิ่มเป็น 22,500 ล้านบาท โดยจะร่วมมือกับซัพพลายเออร์ในประเทศไทยในการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ รวมถึงยกระดับ Supply Chain ของไทยให้แข็งแกร่งมากขึ้นและสร้างการเติบโตให้กับประเทศไทยในระยะยาว โดยจะเพิ่มการใช้ชิ้นส่วนในประเทศร้อยละ 80 – 90 ภายใน 3 – 5 ปีข้างหน้า
NETA
ชู กังจื้อ (Shu Gangzhi) ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า เนต้า ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากตลาดในประเทศไทย โดยปี 2022 ได้เปิดตัวรถยนต์ 1 รุ่นเพื่อทำตลาดในประเทศไทย โดยมียอดขายเป็นอันดับ 2 และปีนี้โรงงานเนต้าในประเทศไทยจะเริ่มเดินเครื่อง โดยมีการใช้ชิ้นส่วนในประเทศมากกว่าร้อยละ 60 จากผู้ผลิต 16 ราย และตั้งเป้าเพิ่มการใช้ชิ้นส่วนในประเทศให้ได้ถึงร้อยละ 85 ทั้งนี้ บริษัทเชื่อมั่นการลงทุนในไทย ด้วยความพร้อมของ Supply Chain ที่แข็งแกร่งในประเทศไทย เชื่อว่าทั้งจีนและไทยจะประสบความสำเร็จร่วมกันในอุตสาหกรรมยานยนต์ระดับโลก
OMADA & JACOO
ฉี เจี๋ย (Qi Jie) ประธาน บริษัท โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ Chery Group กล่าวว่า บริษัทฯ ถือเป็นน้องใหม่ที่เข้ามาทำตลาดประเทศไทย แต่เป็นน้องใหม่ไฟแรงที่พร้อมทำงานร่วมกับผู้ผลิตชิ้นส่วนในแต่ละประเทศ บริษัทมีโรงงานผลิตรวม 10 แห่งทั่วโลก โดยรถยนต์ของบริษัทมีการส่งออกไปยัง 80 ประเทศทั่วโลก และไทยจะเป็นฐานผลิตหลักในอาเซียน บริษัทฯมีความมุ่งมั่นที่จะช่วยยกระดับผู้ผลิตชิ้นส่วนในแต่ละประเทศ ดึงผู้ผลิตชิ้นส่วนจากจีนเข้ามาร่วมมือกัน ให้เกิด “Win-Win” ทั้งสองฝ่ายเพื่อร่วมกันพัฒนาห่วงโซ่การผลิตรถยนต์พลังงานใหม่อย่างสมบูรณ์ให้เกิดขึ้นทั่วโลก
MG
สุโรจน์ แสงสนิท รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี ผู้ผลิตรถยนต์ MG กล่าวว่า สำหรับแบรนด์ MG ได้เข้ามาทำตลาดในไทยปีนี้เป็นปีที่ 11 มีการผลิตรถยนต์หลากหลายรุ่น รวมยอดขายสะสม 225,000 คันในประเทศไทย และต้นปี 2024 ได้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า BEV รุ่นแรก MG4 เพื่อจำหน่ายในตลาดประเทศไทย โดยบริษัทได้ใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศ และร่วมมือกับ Supplier ไทย ในการพัฒนานวัตกรรม รวมทั้งสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย โดยเชื่อมั่นว่านโยบายสนับสนุนการใช้ชิ้นส่วนในประเทศจะส่งผลดีต่อผู้ประกอบการไทย และสามารถเพิ่มโอกาสในการเป็นฐานผลิตเพื่อส่งออกยานยนต์ไฟฟ้าในตลาดโลก
บทความที่น่าสนใจ
- วางแผนอย่างไร ก่อนถอยรถป้ายแดง
- ซื้อรถป้ายแดง ดาวน์เท่าไหร่ดี?
- 2 วิธีตรวจสอบคะแนนใบขับขี่ด้วยตัวเองผ่านช่องทางออนไลน์
- ฤกษ์ออกรถ 2567 ทุกเดือน จากซินแสโหราศาสตร์จีนชื่อดัง!
อัปเดตข่าวรถล่าสุด ดูรีวิวรถยนต์ รีวิวรถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ เช็คราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ได้ที่ Autospinn.com
ซื้อขายรถมือสองออนไลน์ ต้องที่ ตลาดรถมือสอง One2car ซื้อรถง่าย ขายรถไว ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน
ความคิดเห็น