บทความนี้ เรามาอยู่กันที่หางดง จังหวัดเชียงใหม่ครับ กับกิจกรรม "Ford Ranger Raptor King Of Tough" ที่ทางฟอร์ดประเทศไทยจัดขึ้น เพื่อให้ผู้เข้าร่วมงานได้สัมผัสและทดลองขับ Ford Ranger Raptor 3.0 V6 เบนซิน ในรูปแบบการขับขี่ออฟโรด พร้อมทำชาเลนจ์เพื่อชิงรางวัลไปขับเจ้าแร็พเตอร์ ที่ประเทศเวียดนาม
Ford Ranger Raptor 3.0 V6 เบนซิน ถือเป็นรถกระบะที่ขึ้นชื่อว่ามีออปชั่นพร้อมลุยมากที่สุดในรถกลุ่มนี้ ตัวรถมีจุดเด่นมากมายหลายอย่าง ทั้งดีไซน์ภายนอกที่ดุดัน ภายในที่นั่งสบาย ช่วงล่างขั้นเทพอย่าง FOX Live Valve และยังมาพร้อมโหมดการขับขี่ต่าง ๆ ที่ตอบโจทย์การใช้งานบนทุกสภาพพื้นผิวถนน
ซึ่งกิจกรรมนี้ถือว่าเป็นกิจกรรมที่ดีมากครับ ผู้ที่เข้าร่วมงานจะได้เปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ ในการขับขี่รูปแบบออฟโรด โดยปกติแล้ว คนที่ซื้อรุ่นนี้ไป อาจจะไม่กล้าเอารถตัวเองมาขับลุยเส้นทางโหด ๆ แบบนี้ เพราะกลัวรถจะเกิดริ้วรอย หรือถ้าไม่ชำนาญเรื่องการใช้ระบบหรือเส้นทางมากเพียงพอ ก็อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ แต่กิจกรรมนี้มีทีมงาน และ instructor คอยดูแล ทำให้การขับลุยในครั้งนี้อุ่นใจ แถมยังได้ลองสมรรถนะของตัวรถได้อย่างเต็มที่ ถ้าอยากรู้ว่าจะสนุกแค่ไหน รับชมคลิปด้านล่างได้เลยครับ
เส้นทางการขับ ฟอร์ดจัดเตรียมสนามทดสอบไว้ 2 สนาม โดยสนามทดสอบแรกมีระยะทางรวมเกือบ 2 กิโลเมตร ให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้สัมผัสเอกลักษณ์และโหมดการขับขี่ออฟโรดอันดุดันและชาญฉลาดของ Ford Ranger Raptor เริ่มจากการขับขี่ด้วยโหมดโคลน/ร่อง ซึ่งระบบจะปรับการตอบสนองของคันเร่งให้เหมาะสม ลดความไวของคันเร่งลง ระบบดิฟล็อกหลังจะเปิดทำงานอัตโนมัติ เพื่อป้องกันการลื่นไถลออกนอกเส้นทาง ในขณะที่ล้อจะหมุนอย่างรวดเร็วเพื่อกำจัดดินโคลนที่ดอกยาง ทำให้รถขับผ่านอุปสรรคไปได้อย่างง่ายดาย
ต่อด้วยทดสอบใช้งานกล้องมองรอบคัน 360 องศา ช่วยให้มองเห็นสิ่งกีดขวางที่อยู่นอกตัวรถเพื่อการขับผจญภัยไปบนเส้นทางวิบากคดเคี้ยว รายล้อมด้วยแนวต้นไม้ ซึ่งเป็นฟังก์ชั่นที่มีประโยชน์มากครับ เพราะจังหวะที่หัวรถเชิดหน้าขึ้นเนิน ผู้ขับขี่จะมองไม่เห็นเส้นทางข้างหน้าเลย อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ แต่สำหรับเจ้า Ford Ranger Raptor เราสามารถดูภาพตัวรถ และแวดล้อมภายนอกได้ผ่านที่จอกลาง ซึ่งเป็นภาพที่คมชัด มีเส้นนำเลี้ยวของล้อหน้าที่แม่นยำ ทำให้มองเห็นเส้นทางได้อย่างชัดเจน
ต่อด้วยการใช้โหมดหินที่ทำงานร่วมกับเกียร์ 4L ช่วยในการควบคุมแรงบิด ระบบจะเปิดดิฟล็อกไฟฟ้าหลังเพื่อช่วยควบคุมการหมุนฟรีของล้อในการขับไต่หิน Ford Ranger Raptor ยังมีดิฟล็อกหน้า ผู้ขับขี่สามารถเปิดใช้งานเพิ่มเติมเพื่อให้การขับผ่านอุปสรรคทำได้ง่ายขึ้น จะเห็นผลได้อย่างชัดเจนเมื่อขับไต่หินก้อนใหญ่ หรือเนินสลับจนล้อแขวนลอย ระบบดิฟล็อกไฟฟ้าจะช่วยให้ล้ออีกฝั่งหมุนเคลื่อนที่ไปได้อย่างง่ายดาย แทบไม่ต้องเติมคันเร่งเยอะเลยครับ
ปิดท้ายด้วยการขับในโหมดบาฮาซึ่งโหมดนี้ถือเป็นพระเอกของ Ford Ranger Raptor เลยล่ะครับ รถจะปรับเข้าสู่การขับขี่โดยใช้เกียร์สูงขับเคลื่อน 4 ล้อ (4H) คันเร่งจะปรับให้มีการตอบสนองสูงสุดเพื่ออัตราเร่งที่ดีที่สุด ระบบท่อไอเสียและช่วงล่างจะถูกปรับให้เป็นบาฮาโหมด เพื่อตอบสนองการขับขี่ออฟโรดแบบความเร็วสูง และระบบป้องกันการรอรอบ (Anti-lag system) จะช่วยรักษารอบของเทอร์โบให้รถมีแรงบิดตลอดเวลาในขณะเร่งหรือผ่อนคันเร่ง ตอบโจทย์การขับขี่บนเส้นทางที่เป็นแบบทะเลทราย หรือออฟโรดด้วยความเร็วสูง และด้วยความที่เจ้าคันนี้มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์ 3.0 V6 จึงได้อัตราเร่งที่ดี ช่วงล่าง และรอบเครื่องยนต์ที่ปรับจูนกันได้อย่างลงตัว ขับลุยได้สนุกเลยทีเดียว
นอกจากการขับในสนามทดสอบแล้ว ผู้เข้าร่วมกิจกรรมยังได้ร่วมสนุกกับการแข่งขันรายการ "King of Tough Challenge" บนสนามทดสอบที่ 2 ออกแบบพิเศษให้มีระยะทางรวม 1.2 กิโลเมตร มาพร้อมความท้าทายอีกระดับ เพื่อให้ผู้ขับขี่ได้แสดงฝีมือในการควบคุมรถด้วยการขับขี่แบบจิมคาน่าขณะเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง การขับขึ้นและลงเนินที่ผู้ขับขี่สามารถสัมผัสถึงแรงบิด และพละกำลังมหาศาลของฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เพื่อเฟ้นหาลูกค้าและเพื่อนคู่หูที่ทำเวลาได้ใกล้เคียงกับเวลาที่กำหนดมากที่สุด เป็นตัวแทนไปตะลุยเส้นทางพิเศษและสัมผัสประสบการณ์สุดแกร่งอีกขั้นกับ Ford Ranger Raptor ถึงทะเลทรายมุยเน่ ประเทศเวียดนาม ช่วงปลายปีนี้
สำหรับใครที่สนใจอยากร่วมกิจกรรมแบบนี้ สามารถลงทะเบียนร่วมกิจกรรมและติดตามรายละเอียดสนามถัดไป ณ จังหวัดสุราษฏร์ธานี วันที่ 31 สิงหาคม -1 กันยายน 2567 ได้ที่ www.rangerraptorkingoftough.com
ข้อมูลตัวรถ
มิติตัวรถ
- สูง 1,922 มม.
- กว้าง 2,028 มม.
- ความยาว 5,381 มม.
ระบบส่งกำลัง และช่วงล่าง
- เครื่องยนต์เบนซิน 3.0 ลิตร อีโคบู๊สต์ วี 6 เทอร์โบคู่ กำลังสูงสุด 397 แรงม้า ที่ 5,650 รอบต่อนาทีแรงบิดสูงสุด 583 นิวตันเมตร เกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด แบบ E-Shifter
- ระยะช่วงล้อ 3,270 มม.
- ดิสก์เบรกขนาดใหญ่พิเศษ พร้อมครีบระบายความร้อน
- ล้ออัลลอย 17” พร้อมยางออลเทอเรน BF Goodrich ® KO2 ขนาด T285/70 R17
- ระบบเฟืองท้าย หน้า-หลัง แบบ Locking Differential
- โช้คอัพ FOXTM แบบ Live Valve Internal Bypass 2.5 นิ้ว
- ระบบเลือกโหมดการขับขี่ 7 รูปแบบ ประกอบด้วย โหมดปกติ โหมดสปอร์ต และโหมดถนนลื่นสำหรับทางเรียบ และโหมดการขับขี่ออฟโรดอย่างโหมดหิน โหมดทราย โหมดโคลน และโหมดบาฮา
อุปกรณ์ภายนอก
- ไฟหน้าแบบเมทริกซ์ แอลอีดี พร้อมระบบปรับมุมลำแสงไฟอัตโนมัติ ระบบป้องกันไฟแยงตา และระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ
- ไฟวิ่งกลางวันและไฟท้ายแบบแอลอีดี
- ไฟตัดหมอกหน้าแบบแอลอีดี
- ไฟส่องสว่างข้างตัวรถ
- ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ
- กระจกมองข้างปรับและพับด้วยไฟฟ้า
- ตัวถังขยายกว้างพิเศษพร้อมซุ้มล้อ
- บันไดข้างอลูมิเนียมพ่นผิวกันลื่นสีดำ
- พื้นปูกระบะท้าย พร้อมช่องต่อไฟ 12V และ 230V (400W)
- ฝาท้ายแบบผ่อนแรง Easy Lift
- แผ่นโลหะกันกระแทกใต้ท้องรถชนิดพิเศษ Raptor
อุปกรณ์ภายในและความสะดวกสบาย
- เบาะหนัง และหนังสังเคราะห์ เฉพาะแบบ Raptor
- เบาะนั่งคนขับและผู้โดยสาร ปรับไฟฟ้า 10 ทิศทาง
- กุญแจรีโมทอัจฉริยะพร้อมปุ่มสตาร์ทรถอัตโนมัติ
- แท่นชาร์จไร้สาย
- กระจกมองหลังแบบปรับลดแสงอัตโนมัติ พร้อมช่องต่อ USB
- ไฟตกแต่งภายในห้องโดยสาร
- ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติแยกอิสระซ้าย-ขวา
- ระบบปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
- ช่องต่อพ่วงอุปกรณ์ออฟโรด Upfitter Switch
- ระบบ Active Valve Exhaust ปรับระดับเสียงท่อ 4 โหมด (เฉพาะรุ่น 3.0 ลิตร)
การเชื่อมต่อและความบันเทิงภายในรถ
- หน้าจอแสดงผลจอสีแบบสัมผัส Multi-Touch ขนาด 12 นิ้ว
- หน้าจอแสดงผลบนหน้าปัดแบบสีขนาด 12.4 นิ้ว
- รองรับ Wireless Apple CarPlay® และ Android Auto™
- ระบบเชื่อมต่อบลูทูธ และระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC® 4A
- ระบบ FordPass Connect
- ช่องต่อ USB 4 จุด
- ลำโพง Bang & Olufsen® 10 ตำแหน่ง (เฉพาะรุ่น 3.0 ลิตร)
อุปกรณ์ความปลอดภัย
- ระบบช่วยโทรฉุกเฉิน
- ถุงลมนิรภัย 7 จุด คู่หน้า ด้านข้าง ม่านถุงลมนิรภัย และถุงลมบริเวณหัวเข่า
- สัญญาณเตือนระยะจอดด้านหน้าและด้านหลัง
- ระบบป้องกันล้อล็อก ABS และระบบกระจายแรงเบรก EBD
- ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (Electronic Stability Program – ESP) และ ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี Traction Control พร้อม Electric Brake Booster
- ระบบช่วยการออกตัวขณะจอดบนทางลาดชัน (Hill Launch Assist – HLA) และระบบลดความเสี่ยงจากการพลิกคว่ำ (Roll-Over Mitigation – ROM)
- ระบบควบคุมความเร็วขณะลงเขา (Hill Decent Control – HDC)
- เบรกมือไฟฟ้า
- สัญญาณกันขโมยแบบ Volumetric
เทคโนโลยีช่วยการขับขี่ขั้นสูง
- ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ พร้อมระบบ Stop&Go และระบบควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง
- ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัจฉริยะ
- ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติพร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน
- ระบบเตือนการชนด้านหน้า
- ระบบช่วยควบคุมรถหลังจากชน
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง
- ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน
- ระบบตรวจจับรถในจุดบอด และระบบตรวจจับขณะออกจากช่องจอด
- กล้องมองรอบคัน 360 องศา
- ระบบป้องกันการชนเมื่อถอยหลัง
- ระบบช่วยการหักพวงมาลัยเพื่อเลี่ยงการปะทะ
- ระบบช่วยจอดอัจฉริยะ
- ระบบตรวจจับลมยาง
ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ มีสีภายนอกให้เลือก 4 สี
- สีดำ Absolute Black
- สีขาว Arctic White
- สีส้ม Code Orange (เพิ่มเงิน 10,000 บาท)
- สีเทา Conquer Grey (เพิ่มเงิน 10,000 บาท)
แพ็กเกจและอุปกรณ์เสริม (มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม)
- สติกเกอร์ตกแต่งสไตล์ Raptor
- ฝาปิดกระบะท้ายควบคุมด้วยไฟฟ้า
อัปเดตข่าวรถล่าสุด ดูรีวิวรถยนต์ รีวิวรถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ เช็คราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ได้ที่ Autospinn.com
ซื้อขายรถมือสองออนไลน์ ต้องที่ ตลาดรถมือสอง One2car ซื้อรถง่าย ขายรถไว ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน
ความคิดเห็น