เมื่อพูดถึง Honda Goldwing เชื่อได้ว่าไม่มีไบเกอร์คนไหนไม่รู้จัก เพราะนี่คือที่สุดของรถบิ๊กไบค์สายเดินทางสัญชาติญี่ปุ่น ที่เฉิดฉายอยู่บนท้องถนนมายาวนานกว่า 50 ปี บทความนี้เราจะพาทุกท่านไปย้อนดูประวัติความเป็นมาของรถรุ่นนี้ว่าเป็นอย่างไร
Honda Goldwing
Honda Goldwing รถทัวริ่งรุ่นใหญ่ที่โลดแล่นอยู่บนท้องถนนทั่วโลกมายาวนานกว่า 50 ปี เริ่มต้นการพัฒนามาจากรถต้นแบบ M1 Prototype ในปี 1972 ซึ่งเป็นรถจักรยานยนต์ที่ติดตั้งเครื่องยนต์ขนาดใหญ่แบบ 6 สูบนอน พิกัด 1,470 ซีซี นำโดยหัวหน้าทีมวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่าง Soichiro Irimajiri ภายใต้ชื่อโปรเจกต์ที่ใช้ในยุคนั้นว่า Project 371
Honda Goldwing รุ่นแรก
ในปี 1974 ฮอนด้าประกาศเปิดตัว Goldwing GL1000 อย่างเป็นทางการ ด้วยขุมพลังเครื่องยนต์แบบ 4 สูบนอน ขนาด 999 ซีซี โดยฮอนด้าต้องการบุกเบิกตลาดรถสปอร์ตทัวริ่งที่อเมริกา และนับจากปีนั้นเป็นต้นมา ชื่อของ Goldwing ก็เป็นที่รู้จักในวงกว้าง พร้อมกับได้สร้างนิยามใหม่ให้กับการเดินทางด้วยรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ มีเครื่องยนต์ทรงพลัง มอบความนุ่มนวลสูง และมาพร้อมความสะดวกสบาย นำไปสู่วัฒนธรรมการขับขี่ท่องเที่ยวแบบหรูหราในโซนสหรัฐอเมริกา ก่อนขยายความนิยมสู่ภูมิภาคอื่นๆ ทั่วโลก
Goldwing ทรงทัวร์ริ่งครั้งแรก
Honda Goldwing ทรงทัวร์ริ่ง เกิดขึ้นในปี 1980 โดยก่อนหน้านี้ ช่วงระหว่างปีค.ศ. 1975-1979 ฮอนด้าได้ทำการยกระดับความโดดเด่นของรุ่น Goldwing อย่างต่อเนื่อง แต่ทรงของตัวรถก็ยังออกแนวคล้ายกับรถเน็กเก็ตที่เราคุ้ยเคยกันในปัจจุบัน
โดยความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เกิดขึ้นในปี 1980 กับการเปิดตัว Goldwing ใหม่ที่มาในรหัส GL1100 พร้อมการขยายปริมาตรกระสูบขึ้นเป็น 1,085 ซีซี นอกจากนี้ยังมีเวอร์ชัน GL1100 Interstate ที่มาพร้อมชุดแต่งในสไตล์ทัวริ่งแบบครบวงจร อาทิ ชุดแฟริ่ง กระเป๋าเดินทาง และระบบเครื่องเสียงที่เป็นอุปกรณ์เสริม
นอกจากนี้ ยังมีการการอัพเกรดเทคโนโลยีต่างๆ ของตัวรถอย่างต่อเนื่อง จาก Goldwing GL1100 Interstate มาเป็น Goldwing GL1100 Aspencade ในปี 1982 ที่เสริมความหรูหราและฟังก์ชันอำนวยความสะดวกให้กับผู้ขับขี่รอบคัน และถัดมาในปี 1984 มีการเพิ่มขนาดเครื่องยนต์อีกครั้ง จากเดิม 1,100 ซีซี เพิ่มขึ้นเป็นขนาด 1,182 ซีซี และเปลี่ยนชื่อเป็น GL1200
ในปี 1985 ซึ่งเป็นวาระพิเศษฉลองครบรอบ 10 ปี หรือ 1 ทศวรรษ ฮอนด้า ได้นำเทคโนโลยีใหม่ในยุคนั้นมาใช้งานในโกลด์วิง ไม่ว่าจะเป็นระบบหัวฉีด, ระบบความคุมความเร็วอัตโนมัติ และระบบกันสะเทือนหลังแบบปรับระดับอัตโนมัติ
ปีค.ศ. 1988 เข้าสู่ทศวรรษที่สองของ Honda Goldwing ได้ถูกยกระดับขนาดเครื่องยนต์ใหม่ทั้งหมด และเปิดตัวในรุ่นรหัสใหม่ GL1500 โดยมาพร้อมกับเครื่องยนต์ Boxer แบบ 6 สูบนอน ขนาด 1,520 ซีซี รวมถึงชุดเกียร์ใหม่ที่นุ่มนวลขึ้น และมาพร้อมเกียร์ถอยหลังเพื่อให้ผู้ขับขี่ใช้งานสะดวกยิ่งขึ้น มีการเพิ่มความจุถังน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อทำให้ขับขี่ได้ระยะทางที่ไกลมากยิ่งขึ้น พัฒนาโครงสร้างเฟรมของรถให้มีความแข็งแกร่งขึ้น รวมถึงอัพเกรดชุดระบบเบรกและชุดแฟริ่งก็ได้รับการพัฒนาใหม่เช่นกัน
นับตั้งแต่ปี 1988 เป็นต้นมา ฮอนด้ายังคงปรับปรุงระบบการใช้งานต่างๆ ของ Goldwing ให้สามารถตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าได้เป็นอย่างดีเสมอมา จนกระทั้งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในปี 2000
ยุคใหม่ของ Goldwing
ปี 2001 ยุคใหม่ของตำนานทัวริ่งระดับโลก ได้สร้างความฮือฮาขึ้นอีกครั้ง ด้วยการเปิดตัว Honda Goldwing GL1800 ที่มาพร้อมการออกแบบใหม่ทั้งหมด ขยานขนาดเครื่องยนต์ก้าวกระโดดไปถึง 1,832 ซีซี พร้อมเลือกใช้เฟรมและสวิงอาร์มด้วยวัสดุอะลูมิเนียมแบบเดียวกับรถสปอร์ต โดยมีเป้าหมายเพื่อการลดน้ำหนักตัวรถให้เบามากยิ่งขึ้น ทำให้ตัวรถมีน้ำหนักที่เบากว่ารุ่นเดิม และมีเครื่องยนต์ที่ใหญ่ขึ้น พร้อมพละกำลังที่มากขึ้นกว่าทุกรุ่นที่เคยมีมา
ในปี 2005 มีการติดตั้งระบบเบรก ABS ป้องกันล้อล็อก เพื่อให้ทุกการเดินทางมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
รถมอเตอร์ไซค์ มีถุงลมนิรภัย Airbag
รถมอเตอร์ไซค์ที่มีถุงลมนิรภัย Airbag เป็นรุ่นแรกของโลกคือ Honda Goldwing รุ่นปี 2005 ที่ทำงานควบคู่กับเซนเซอร์ที่มีความสามารถตรวจจับการชนอย่างรวดเร็ว
และในปี 2006 มีการเพิ่มเทคโนโลยีการจับสัญญาณ GPS เอาไว้ในหน้าจอเรือนไมล์ของรถ มาพร้อมกับเบาะนั่งและแฮนด์ที่สามารถทำความร้อนด้วยตัวเองได้ ซึ่งเหมาะสมสำหรับการใช้งานในเมืองหนาว
ถัดมาในปี 2013 และ 2014 ฮอนด้าตัดสินใจขยายฐานลูกค้าที่ต้องการรถบิ๊กไบค์ทัวริ่งที่มีน้ำหนักเบาและให้สมรรถนะการขับขี่ที่คล่องตัวยิ่งขึ้น จึงได้ทำการการเปิดตัว Goldwing F6B และ Goldwing F6C หรือ Valkyrie cruiser (ชื่อโมเดลที่ทำตลาดในอเมริกา)
ปี 2015 มี ฮอนด้าออกรุ่นพิเศษเพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 40 ปี ด้วยสีทูโทน พร้อม Emblem สัญลักษณ์ 40 ปี ตามชิ้นส่วนต่างๆ เช่น บริเวณเบาะนั่งผู้โดยสารและกุญแจรีโมท
Goldwing DCT
Honda Goldwing DCT เปิดตัวครั้งแรกในปี 2018 ที่ได้ยกระดับด้านเทคโนโลยีไปอีกขั้น ด้วยเครื่องยนต์ใหม่แบบ 4 วาล์วต่อสูบ และเป็นรุ่นแรกของตระกูลที่มาพร้อมวาล์วสมรรถนะสูงแบบ Unicam ซึ่งเป็นชนิดเดียวกับรถสปอร์ต
มาพร้อมกับระบบเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด ในรุ่นเกียร์ DCT หรือ Dual - Clutch Transmission ที่มีความสามารถในการเปลี่ยนเกียร์อัตโนมัติตามโหมดการขับขี่ที่เลือกใช้งานโดยอัตโนมัติ และยังมาพร้อมกับระบบช่วยในการเคลื่อนรถทั้งด้านหน้าและด้านหลัง
อีกทั้งมาพร้อมกับชุดช่วงล่างด้านหน้าใหม่แบบปีกนกคู่ เทคโนโลยีเดียวกับรถยนต์ ทำให้มีความสามารถในการซับแรงกระแทกที่ยอดเยี่ยม ฉีกทุกกฎเกณฑ์ของช่วงล่างรถมอเตอร์ไซค์แบบดั้งเดิมไปตลอดกาล ช่วยลดความเมื่อยล้าจากการขับขี่ได้อย่างยอดเยี่ยม
Goldwing รุ่นปัจจุบัน
ปี 2021 ฮอนด้ายกระดับความที่สุดของรถทัวร์ริ่งไปอีกขั้น กับ All New Honda Goldwing รถทัวร์ริงระดับท็อปคลาส มาพร้อมคอนเซปต์ “BEYOND YOUR MASTERPIECE ให้ปลายทาง...เหนือทุกจินตนาการ” มาพร้อมฟังก์ชันที่อำนวยความสะดวกสบายยิ่งขึ้น ขยายกล่องเก็บสัมภาระด้านท้ายจากเดิม 50 ลิตร เพิ่มเป็น 61 ลิตร รองรับการเก็บหมวกกันน็อกแบบเต็มใบได้ถึง 2 ใบ
มาพร้อมกับหน้าจอ TFT ขนาด 7 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่านระบบบลูทูต และยังรองรับการทำงานของ Android Auto และ Apple Carplay พร้อมการยกระดับคุณภาพเสียงจากลำโพง เดิม 25 วัตต์ เพิ่มเป็น 45 วัตต์ ตอบสนองความเพลิดเพลินด้วยเสียงดนตรีที่คมชัดตลอดการเดินทาง ในราคาเริ่มต้น 1,355,000 บาท
อัปเดตข่าวรถยนต์ ดูรีวิวรถยนต์ รีวิวรถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ เช็คราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ไปกับ Autospinn.com
ซื้อขายรถมือสอง ทุกรุ่น ทุกแบบ ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน ดูรายละเอียด และราคารถมือสองได้ที่ ตลาดรถ One2car
ความคิดเห็น