อย่างที่ทราบกันดี ว่าที่ต่างประเทศได้เปิดตัว Ford Mustang โฉมใหม่ไปตั้งนานแล้ว แต่สำหรับในประเทศไทยยังคงขายเป็นโฉมเก่าอยู่ แล้วเหตุผลอะไรล่ะ ที่เราจะต้องซื้อโฉมนี้ มาดูกัน
จุดเด่นที่ Ford Mustang โฉมนี้ยังน่าใช้ ในปี 2024
จุดเด่นข้อแรก โฉมนี้มีการปรับลดราคาสูงสุดถึง 1 ล้านบาท
- รุ่นเครื่องยนต์ 5.0 V8 ราคาเต็ม 4.999 ล้านบาท ลดไป 1 ล้านบาท เหลือเพียง 3.999 ล้านบาท
- รุ่นเครื่องยนต์ 2.3 Ecoboost ราคาเต็ม 3.799 ล้านบาท ลดไป 8 แสนบาท เหลือเพียง 2.999 ล้านบาท
จุดเด่นข้อที่สอง ในรุ่นเครื่องยนต์ 5.0 V8 เมื่อเทียบกับราคาตัวรถ 3.999 ล้านบาท ถือว่าคุ้มมาก
ในงบราคานี้ ถ้าคุณไปซื้อแบรนด์อื่น จะได้เป็นเครื่องยนต์ขนาด 2.0-3.0 ลิตร แต่สำหรับเจ้า Ford Mustang คุณจะได้เครื่องใหญ่มหึมา 5.0 ลิตร เป็นเครื่องยนต์ NA ไม่มีเทอร์โบพ่วง ได้ความแรงที่มาจากขุมพลังเครื่องยนต์ล้วน ๆ มีความโหดดิบ เสียงกังวาลที่ดังออกมาจากท่อ มาจากขุมพลังเครื่องยนต์ที่แท้จริง และถือเป็นรถเครื่องยนต์ 5.0 ลิตร เพียงรุ่นเดียวที่ราคาไม่เกิน 4 ล้านบาท แถมยังจำหน่ายโดยค่ายรถเอง สามารถเข้าศูนย์ฟอร์ดได้ทุกที่ทั่วประเทศ
จุดเด่นข้อที่สาม Ford Mustang เป็นรถที่มีดีไซน์หล่อแบบตะโกน
รถเดิม ๆ ที่ออกมาจากโรงงาน คุณไม่จำเป็นต้องเอาไปตกแต่งอะไรเพิ่มเลย เพราะดีไซน์ทุกอย่างทำออกมาได้อย่างลงตัว และผมกล้าพูดเลยว่า รุ่นนี้ถ้าได้เอาออกไปขับเล่นบนท้องถนน ดึงดูดสายตาคนรอบข้างได้แน่นอน ใครเห็นเป็นต้องมอง
Ford Mustang 5.0 V8 กินน้ำมันดุแค่ไหน ?
ผมขอแยกตามลักษณะการใช้งาน 5 รูปแบบ ตามการทดสอบจริงดังนี้
- รูปแบบแรก ขับแบบโหด ๆ มีเท่าไหร่ใส่หมด ใช้รอบเครื่องยนต์สูงอยู่ตลอดเวลา ราวกับว่าอยู่ในสนามแข่ง จะกินน้ำมันอยู่ที่ประมาณ 3 กม./ล.
- รูปแบบที่2 ขับในเส้นทางที่มีการจราจรหนาแน่น รถติดแบบสุด ๆ จะกินน้ำมันอยู่ที่ประมาณ 4-5 กิโลลิตร
- รูปแบบที่3 ขับบนถนนโล่งไม่มีรถติดเลยโดยใช้ความเร็ว 130 กม./ชม. (มีแอบซัดบ้างเล็กน้อย) จะกินน้ำมันอยู่ที่ 7 กม./ลิตร
- รูปแบบที่4 ขับบนถนนโล่งไม่มีรถติดเลยโดยใช้ความเร็วไม่เกิน 100 กม./ชม. ใช้คันเร่งคงที่ ไม่ขับกระชาก ขับแบบเน้นให้ประหยัด จะกินน้ำมันอยู่ที่ 8-9 กม./ล.
- รูปแบบที่5 สัดส่วนอย่างละครึ่ง รถติดครึ่งนึง ถนนโล่งครึ่งนึง จะกินน้ำมันอยู่ที่ 6 กม./ล.
Ford Mustang 5.0 V8 แรงไหม ขับแล้วรู้สึกยังไง ?
สำหรับการขับขี่นั้น ด้วยพลังเครื่องยนต์ 5.0 V8 ขับหลัง เป็นรถที่ได้ความดิบ และความแรงแบบไม่ต้องพึ่งเทอร์โบ ในรุ่น 5.0 V8 เป็นรถที่ต้องใช้สกิลการขับพอสมควร แม้จะมีระบบต่าง ๆ คอยช่วยเหลือ แต่ถ้ารถยังตั้งลำไม่ตรงแล้วเติมคันเร่งมั่ว ได้หมุนอยู่กลางถนนแน่นอน ในส่วนของอัตราเร่ง สั่งได้ดั่งใจ ไม่ว่าคุณจะอยู่ในโหมดการขับขี่ไหนก็พร้อมจะพุ่งทะยานได้ทุกเมื่อ ถือเป็นรถที่ขับสนุกมากรุ่นนึงเลยทีเดียว อีกหนึ่งจุดเด่นของ 5.0 V8 คือเสียงคำรามของเครื่องยนต์ ที่ถ่ายทอดออกผ่านท่อไอเสีย แม้ว่าจะอยู่ในโหมดที่เงียบสุด แต่ด้วยพลังของเครื่อง 5.0 V8 มันก็ไม่สามารถเก็บความเงียบได้เหมือนรถเครื่องเล็ก ๆ ขับเข้าหมู่บ้านตอนดึก ต้องค่อย ๆ คลาน เดี๋ยวชาวบ้านแตกตื่น
มีโหมดการขับขี่ 5 โหมดหลัก ได้แก่
- Normal Mode : เป็นโหมดขับขี่ทั่วไป เหมาะกับทุกสภาพถนน อัตราเร่งในโหมดนี้ ถือว่าทำได้ดี กดคันเร่งปุ๊บมาปั๊บ แทบไม่ต้องรอรอบ
- Snow / Wet Mode : ในโหมดนี้ การตอบสนองของคันเร่ง ค่อนข้างช้าลงแบบรู้สึกได้ เหมาะกับการขับขี่ในทางลื่น เพื่อป้องกันล้อหมุนฟรี
- Sport+ Mode : เป็นโหมดที่ผมชอบมาก กดคันเร่งเมื่อไหร่ พร้อมที่จะพุ่งทะยานออกไปทันที ลากรอบได้สูง คันเร่งไว อัตราเร่งมาดีมาก
- Track Mode : ในโหมดนี้ ระบบควบคุมการทรงตัวจะถูกปิดการทำงาน คันเร่งจะมีความไวขึ้น ซึ่งโหมดนี้ต้องใช้ทักษะในการควบคุมรถกันพอตัว ไม่เหมาะสำหรับมือใหม่
- Drag Strip Mode : เป็นโหมดที่เหมาะสำหรับทางตรง รถจะออกตัวได้เร็วกว่าปกติ เปลี่ยนเกียร์ไวแต่รอบเครื่องไม่ตก
ในส่วนของพวงมาลัย สามารถปรับน้ำหนักได้ 3 ระดับ คือ
- Comfort Steering : พวงมาลัยจะเบา เหมาะสำหรับการใช้งานในเมือง
- Normal Steering : เป็นน้ำหนักพวงมาลัยแบบปกติ ตึงมือกว่า Comfort
- Sport Steering : พวงมาลัยจะหนักขึ้น เหมาะสำหรับการขับขี่ที่ต้องใช้ความเร็ว
Ford Mustang ปรับความดังเสียงท่อได้ 4 ระดับ
Mustang 5.0L V8 GT จะมีท่อไอเสีย 4 ท่อ ท่อด้านในฝั่งซ้ายและขวา จะมีแผ่นเหล็ก ทำหน้าที่เป็นวาล์วเปิด-ปิด
- Quiet : วาล์วจะปิดสุด เสียงท่อจะเงียบ
- Normal : วาล์วจะเปิดเล็กน้อย เสียงจะเริ่มดังขึ้น
- Sport : วาล์วจะเปิดเกือบสุด เสียงดังเพิ่มขึ้นจาก Normal
- Track : วาล์วจะเปิดสุด ทำให้เสียงดังสุดถ้าเทียบกับในโหมดอื่น ๆ
ในส่วนของระบบช่วงล่าง ด้านหน้าเป็นแบบแมคเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังเป็นแบบอิสระพร้อมคอยล์สปริงและเหล็กกันโคลง ทางผู้ผลิตเซ็ทมาได้อย่างลงตัว ให้ความรู้สึกเฟิร์มกำลังดี ไม่นิ่มยวบยาบ เพื่อรองรับขุมพลัง 5.0 ลิตร 449 แรงม้า และแรงบิดที่มากถึง 529 นิวตันเมตร และด้วยความที่เจ้าคันนี้เป็นรถขับหลัง จึงมีการเพิ่มหน้ากว้างของล้อหลังให้มากกว่าล้อหน้า ทำให้การขับขี่รู้สึกมั่นใจ นอกจากนี้ในชุด Performance Package เค้าก็ให้ในส่วนของเฟืองท้าย ที่เป็นแบบ Limited Slip Differential หากล้อข้างใดข้างนึงในเพลาเดียวกันหมุนเร็วกว่าปกติ ระบบก็จะสั่งให้ลดแรงของล้อนั้น ๆ และส่งกำลังไปยังอีกล้อที่หมุนแบบปกติแบบอัตโนมัติ แต่ด้วยพละกำลังของเครื่องยนต์ที่มากโข ประกอบกับเป็นรถขับหลัง ถ้าเติมคันเร่งมากไปในทางโค้งก็มีโอกาสที่จะหมุนไปคุยกับต้นไม้ข้างทางได้เหมือนกัน
สรุปโดยรวม Ford Mustang 5.0L V8 GT ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ สำหรับผู้ที่ต้องการความดิบของเครื่องยนต์ และเสียงคำรามที่แผดออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติ อีกทั้งยังเป็นรถสมรรถนะสูงที่มีราคาไม่แรงมาก และถ้าคุณซื้อ Mustang ช่วงนี้ จะยิ่งคุ้มขึ้นไปอีก เพราะเค้าลดราคาสูงสุดถึง 1 ล้านบาทเลยทีเดียว แต่ต้องรีบหน่อยนะครับ เพราะหมดแล้วหมดเลย
อัปเดตข่าวรถล่าสุด ดูรีวิวรถยนต์ รีวิวรถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ เช็คราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ได้ที่ Autospinn.com
ซื้อขายรถมือสองออนไลน์ ต้องที่ ตลาดรถมือสอง One2car ซื้อรถง่าย ขายรถไว ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน
ความคิดเห็น