ไฟตัดหมอกควรใช้อย่างไรให้ปลอดภัย และไม่ผิดกฎหมาย Share this
Lifestyle
โหมดการอ่าน

ไฟตัดหมอกควรใช้อย่างไรให้ปลอดภัย และไม่ผิดกฎหมาย

Sunuttinee Phumbanyen
โดย Sunuttinee Phumbanyen
โพสต์เมื่อ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

กฎหมายไฟตัดหมอกที่ควรรู้ ความแตกต่างระหว่างไฟหน้ารถและไฟตัดหมอก และควรใช้งานไฟตัดหมอกอย่างไร ตอนไหนถึงจะปลอดภัยแก่เพื่อนร่วมเดินทาง 


ไฟตัดหมอกควรใช้อย่างไรให้ปลอดภัย และไม่ผิดกฎหมาย

รู้หรือไม่? การเปิดไฟตัดหมอกแบบไม่ถูกต้องตามสถานการณ์ "มีสิทธิ์โดนตำรวจจับได้นะ!" เพราะ "ไฟตัดหมอก" เป็นอุปกรณ์ที่มีไว้ช่วยเหลือในการเพิ่มทัศนวิสัยการมองเห็นเท่านั้น ไม่ควรเปิดใช้พร่ำเพรื่อเพราะอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุกับผู้ร่วมทางได้ สาเหตุก็คือถึงแม้ว่าไฟตัดหมอกที่ติดมากับรถยนต์ส่วนใหญ่แล้วจะมีขนาดเล็ก แต่ลำแสงที่ส่งออกมานั้น สว่างและเข้มข้นกว่าไฟหน้ารถมากๆ ทำให้ไปก่อกวนสายตาและลดความสามารถในการมองเห็นของผู้ขับขี่คันอื่นได้นั่นเอง 

ไฟตัดหมอกควรใช้อย่างไรให้ปลอดภัย และไม่ผิดกฎหมาย

 

ไฟตัดหมอกกับไฟหน้ารถ แตกต่างกันอย่างไร? 

การทำงานของไฟหน้ารถยนต์ คืออุปกรณ์ที่ช่วยส่องสว่างในเวลากลางคืน และเพื่อไม่ให้เกะกะสายตาของผู้ที่ขับขี่ด้านหน้าหรือที่ขับสวนเลนมา มุมของลำแสงจึงต้องเอียงลาดต่ำไปกับพื้นเพื่อไม่ให้แยงตา ส่งผลให้แสงสว่างน้อยลงหากใช้ในยามที่หมอกลงจัดๆ จะทำให้มองไม่เห็นเท่าไหร่นัก ซึ่งจะมองเห็นได้เพียงระยะไม่เกิน 10-15 เมตร เท่านั้น ส่วน "ไฟตัดหมอก" จะเป็นไฟประเภท "สปอตไลท์" ที่มีลำแสงเข้มข้น ส่องสว่างในระดับสายตาที่ระนาบไปกับพื้นถนน มองเห็นได้ไกลถึง 30-80 เมตร สามารถส่องทะลุหมอกหนาหรือสายฝนได้เป็นอย่างดี

ไฟตัดหมอกกับไฟหน้ารถ แตกต่างกันอย่างไร

ในหลายๆ ประเทศ (ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเมืองหนาว) มีการออกกฎหมายบังคับให้มีไฟตัดหมอกเป็นอุปกรณ์ติดรถมาตรฐาน เนื่องจากเป็นภูมิประเทศที่มีภูเขาสูงหรือเกาะ มีอากาศหนาวเย็นและฝนตกชุก สำหรับในประเทศไทยบ้านเรา รถยนต์รุ่นใหม่ๆ จึงนำเอาอุปกรณ์ไฟตัดหมอกมาติดเป็นมาตรฐานเช่นเดียวกัน และ หากใช้ไม่เป็นไปตามประเภท ลักษณะ และเงื่อนไขที่กำหนด จะถือว่ามีความผิด ถูกปรับไม่เกิน 500 บาท ตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 11 มาตรา 148 กฎกระทรวง ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2522) ออกตามความในพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ 15 (พ.ศ. 2536) ออกตามความในพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 ข้อ 2 ข้อ 13 และพระราชบัญญัติว่าด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ. 2565 มาตรา 39 โดยมีสาระสำคัญดังนี้ 

  • ไฟหน้ารถยนต์มีสีขาวหรือเหลืองอ่อนเท่านั้น
  • หากหลอดไฟถูกต้อง แต่ใช้โคมสีอื่นๆ ถือว่าผิดกฎหมาย
  • ความเข้มของแสงหลอดไฟต้องไม่เกิน 55 วัตต์ 
  • ต้องติดตั้งสูงจากผิวถนนไม่น้อยกว่า 40 เซนติเมตร ไม่เกิน 1.35 เมตร
  • ไฟหน้าต้องไม่กระจายเป็นวงกว้างออกด้านข้าง เพราะทำให้รบกวนวิสัยทัศน์ของผู้ขับขี่คนอื่น
  • หากนำไฟสปอร์ตไลต์มาติดตั้งเป็นไฟหน้ามีความผิดตาม พ.ร.บ. รถยนต์ โทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท
  • หากนำไฟซีนอนมาติดตั้งเป็นไฟหน้า ผิดกฎหมายตาม พ.ร.บ. รถยนต์ มาตรา 12 มีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท

กฎหมายไฟตัดหมอก

 

ไฟตัดหมอกควรใช้ตอนไหน

การใช้ไฟตัดหมอกที่ถูกต้องตามเงื่อนไข ต่อเมื่อต้องเดินทางไปยังพื้นที่ที่มีทัศนวิสัยย่ำแย่ อาทิ พื้นที่ที่มีหมอก ควัน ฝุ่นละอองกระจายอย่างหนาแน่น จนกลายเป็นอุปสรรคต่อการขับรถ และอื่นๆ ดังต่อไปนี้ 

  • ตอนกลางคืนขณะฝนตกหนัก
  • ตอนกลางคืนในพื้นที่ที่มีแสงสว่างน้อย
  • พื้นที่ที่มีหมอก ควัน ฝุ่นละออง ทำให้มองเห็นถนนข้างหน้าในระยะ 50 เมตร ได้ไม่ชัดเจน 
  • ขึ้น-ลงเขา หรือยอดเขาที่สูงชัน
  • ขับผ่านสถานการณ์ไฟไหม้ข้างทาง มีควันไฟป่าหนาทึบปกคลุมเป็นจำนวนมาก 

ไฟตัดหมอกควรใช้ตอนไหน

ดังนั้นควรเปิดใช้ "ไฟตัดหมอก" ให้เหมาะสมต่อสถานการณ์ในกรณีที่ทัศนวิสัยไม่เป็นใจ เช่น หมอกลงจัด ฝนตกหนักตอนกลางคืน หรือควันไฟ และควรหลีกเลี่ยงการใช้งานในเวลที่ไม่จำเป็น เพื่อไม่ให้แสงแยงตาเพื่อนร่วมทางและอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ในที่สุด

อัปเดตข่าวรถล่าสุด ดูรีวิวรถยนต์ รีวิวรถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ เช็คราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ได้ที่ Autospinn.com

ซื้อขายรถมือสองออนไลน์ ต้องที่ ตลาดรถมือสอง One2car ซื้อรถง่าย ขายรถไว ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน


ความคิดเห็น


เรียกดูข่าวตามประเภทยานพาหนะ

ค้นหาข่าวโดยยี่ห้อ