ท้าทายระบบช่วงล่างอัจฉะริยะ DiSus-C เอกสิทธิ์เฉพาะของ RÊVER ประเทศไทย ในรถตู้อเนกประสงค์ไฟฟ้า 100% Denza D9 Performance AWD เส้นทาง กรุงเทพ-พระนครศรีอยุธยา-กรุงเทพ
ทดสอบขับ Denza D9 Performance AWD
Denza D9 รถตู้อเนกประสงค์ไฟฟ้า 100% สุดลักซ์ชูของค่าย RÊVER Automotive หลังจากที่เปิดตัว เปิดราคาอย่างเป็นทางการไปเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน วันนี้เลดี้ได้รับเชิญให้ไปขับทดสอบแบบ One Day Test Drive เส้นทาง กรุงเทพ-พระนครศรีอยุธยา-กรุงเทพ ระยะทางรวม 136 กิโลเมตร ซึ่งคันที่เลดี้ได้ขับจะเป็นในรุ่น Denza D9 Performance AWD รุ่นท็อปสุด และคันนี้ได้รับการติดตั้งเทคโนโลยีช่วงล่างแบบ DiSus-C เอกสิทธิ์เฉพาะของ RÊVER ประเทศไทย เดี๋ยวเราไปท้าทายระบบของเค้ากันค่ะ
Denza D9 Performance AWD
ก่อนจะไปขับทดสอบกัน ขอรีแคปข้อมูลที่น่าสนใจของ Denza D9 ตัว Performance AWD กันซักเล็กน้อย สำหรับรถตู้อเนกประสงค์คันนี้มีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 2,699,900 บาท (ราคาในช่วงแนะนำ) เป็นแพลตฟอร์มที่พัฒนาใหม่ล่าสุดในชื่อว่า e-Platform 3.0 เพื่อใช้กับรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเอกสิทธิ์เฉพาะของ BYD ที่มาพร้อมกับระบบขับเคลื่อนแบบ 8 in 1 ด้วยความจุแบตเตอรี่ 103.36 kWh. วิ่งได้ระยะทางไกลสูงสุด 580 กิโลเมตร / การชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง (มาตรฐาน NEDC) รองรับการชาร์จกระแสสลับ AC สูงสุด 11 กิโลวัตต์ (3 เฟส) และกระแสตรง DC สูงสุด 166 กิโลวัตต์ ซึ่งคันนี้เป็นมอเตอร์คู่ ขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบตลอดเวลา ผลิตพละกำลังรวมสูงสุด 275 กิโลวัตต์ แรงบิดสูงสุดที่ 470 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง เคลมไว้ที่ 6.9 วินาที
จุดเด่นของ Denza D9 ก็คือระบบกันสะเทือนแบบแอคทีฟ ด้านหน้าแม็คเฟอร์สันสตรัท ด้านหลังมัลติลิงก์ ที่ช่วยปรับแต่งความกระด้างให้นุ่มนวลผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ มีช่วงระยะของการอัดและคืนตัวมากกว่าระบบกันสะเทือนทั่วๆ ไป หลายเท่า โดยจะตรวจจับการยุบตัวและการคืนตัว นำไปประมวลผลเพื่อควบคุมโซลินอยด์วาล์วผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ในระบบกันสะเทือน ช่วยเพิ่มเสถียรภาพไม่ให้เกิดแรงกระชากเมื่อเบรกหรือเหยียบคันเร่ง ทำให้สามารถควบคุมรถได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ห้องโดยสารทันสมัยและสะดวกสบาย
ความหรูหราของในรุ่น Performance AWD ก็คือ เบาะโดยสารจะใช้วัสดุหนัง Nappa Premium ที่ให้สัมผัสนุ่มนวลนั่งสบาย เพดานห้องโดยสารบุด้วยหนังกลับแบบพรีเมียม ปลอดภัยมากยิ่งขึ้นด้วยระบบแสดงผลบนกระจกหน้า ขนาด 12 นิ้ว (W-HUD) สร้างความสะดวกสบายโดยที่ไม่ต้องละสายตาจากกระจกหน้า ในส่วนของเบาะผู้โดยสารแถวที่สอง สามารถปรับระดับและรูปแบบการนวดได้ในขณะที่รุ่นเริ่มต้น Premium 2WD ไม่สามารถปรับได้ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมของ Denza D9 ในทุกรุ่นย่อย สามารถอ่านได้ที่นี่ค่ะ
ทดสอบระบบช่วงล่างอัจฉริยะ DiSus-C
เส้นทางที่เราเลือกใช้ในวันนี้จากจุดสตาร์ท คือ Villa De Bua ตั้งอยู่ที่ถนนเทพรักษ์ (บางเขน) ออกเดินทางไปยังจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งเลดี้เลือกที่จะไม่ขึ้นทางด่วนเพราะอยากท้าทายระบบช่วงล่างอัจฉริยะ DiSus-C ของเค้า บนถนนแจ้งวัฒนะที่ในขณะนี้มีครบทั้งหลุมบ่อและฝาท่อระบายน้ำให้ได้ทดสอบกัน ซึ่งการทำงานของ DiSus-C จะสามารถปรับรูปแบบของโช๊คได้ 2 แบบ ได้แก่ Sport และ Comfort เลือกปรับได้ตามความเหมาะสมของเส้นทางที่ใช้ บนหน้าจออินโฟเทนเมนต์แบบ Touch Screen ขนาด 15.6 นิ้ว ที่ปรับได้ทั้งการทำงานของระบบช่วงล่าง ความหนักเบาของพวงมาลัย และระบบเบรก
จากการทดสอบต้องขอชื่นชมเลยว่า ช่วงล่างอัจฉริยะ DiSus-C ทำงานได้อย่างน่าประทับใจ ซับแรงกระแทกจากหลุมบ่อและรอยต่อของถนนได้เนียนมากๆ ในส่วนของการกระชากจากการเร่งความเร็วและการเบรก มีอาการหัวติดเบาะบ้างแต่ถือว่าน้อยมาก ส่วนเสียงรบกวนจากภายนอกมีให้ได้ยินอยู่แต่ไม่ใช่สาระสำคัญอันนี้พอจะมองข้ามได้ สิ่งที่ชอบอีกเรื่องก็คือขับง่ายมาก ผู้หญิงตัวเล็กสูงไม่เกิน 160 ขับได้แบบสบายๆ พวงมาลัยคมมีประสิทธิภาพ ทัศนวิสัยดีมากเหมือนกับขับรถ SUV ทั่วไปเลย เพราะด้วยความที่คันนี้ติดตั้งมอเตอร์คู่ น้ำหนักของตัวรถรวมถึงขนาดของตัวถังเลยไม่ใช่ปัญหา ถอยจอดก็ง่ายด้วยกล้องมุมมอง 360 องศา แต่ต้องระวังในเรื่องของความยาวด้วยเพราะคันนี้ยาวถึง 5.2 เมตร เลย
แต่ก็มีสิ่งที่ต้องปรับปรุงอยู่บ้างในเรื่องของระบบเบรก หากขับด้วยความเร็วเวลาที่ต้องเบรกกระทันหัน หรือเบรกหนัก รถจะมีอาการส่ายต้องจับพวงมาลัยให้แน่น รวมถึงเวลาที่ขับปะทะลมแรงๆ และขณะที่เข้าโค้ง ก็จะมีความโครงเครงให้เห็นบ้างเล็กน้อย ถ้าให้เลดี้ให้คะแนนแบบไม่อวย เทียบจากราคากับสิ่งที่ได้ ความเห็นส่วนตัวนะเลดี้ให้ 7/10 ค่ะ
ผลการทดสอบสมรรถนะการขับขี่ Denza D9
ในส่วนของสมรรถนะการขับขี่ เลดี้ได้ไปแอบขับตัวเริ่มต้น Premium 2WD มาด้วย ซึ่งต้องบอกเลยว่าเห็นความแตกต่างของช่วงล่างอย่างเห็นได้ชัด เพราะในตัวเริ่มต้นจะใช้ระบบกันสะเทือนปรับอัตโนมัติตามความเร็วแบบ FSD ซึ่งเป็นตัวเดียวกันกับของ SEAL ซึ่งถ้าใครที่ชอบขับเร็วแต่ยังอยากได้ความนุ่มนวลให้กับผู้โดยสารแถวหลังด้วยแล้วล่ะก็ แนะนำขยับไปเป็นตัว Performance AWD จะดีกว่าค่ะ แต่ในเรื่องของอัตราเร่งและการทำความเร็ว มอเตอร์เดี่ยวของ Premium 2WD ไม่ได้เป็นปัญหา ยังคงใช้ความเร็วได้แต่ไม่ได้เร็วแบบปู๊ดป๊าดขนาดนั้น ด้วยรูปแบบของรถยนต์ MPV ที่เน้นการใช้งานแบบครอบครัว ดังนั้นแล้วหากใช้ความเร็วอย่างเหมาะสม รุ่น Premium 2WD ก็เป็นอีกรุ่นที่น่าสนใจ ด้วยราคาจำหน่ายเพียง 1,999,900 บาท เท่านั้น (ราคาในช่วงแนะนำ)
อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง
- Premium 2WD (เคลมไว้ที่ 9.5 วินาที) ขับจริงได้ 10.25 วินาที (แบบมีผู้โดยสารกับสัมภาระ โดยใช้โหมด Standard)
- Performance AWD (เคลมไว้ที่ 6.9 วินาที) ขับจริงได้ 8.53 วินาที (แบบมีผู้โดยสารกับสัมภาระ โดยใช้โหมด Standard)
อัตราสิ้นเปลืองไฟฟ้า kWh./100 กิโลเมตร
- Premium 2WD ระยะทางไปกลับ 136 กิโลเมตร เฉลี่ย 24.2 kWh./100 กิโลเมตร
- Performance AWD ระยะทางไปกลับ 136 กิโลเมตร เฉลี่ย 27.3 kWh./100 กิโลเมตร
อัพเดทข่าวรถล่าสุด ดูรีวิวรถยนต์ รีวิวมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ เช็คราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ได้ที่ Autospinn.com
ซื้อขายรถมือสองออนไลน์ ต้องที่ ตลาดรถมือสอง One2car ซื้อรถง่าย ขายรถไว ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน
ความคิดเห็น