สำหรับช่วง Motor Drive ในสัปดาห์นี้เราจะพาทุกท่านไปทดสอบสมรรถนะของ Ford Focus ใหม่ เครื่องยนต์ 2.0 ลิตรแบบ 4 ประตู ตัวท็อป ซึ่งมากับรูปโฉมที่ดูหล่อเข้ม ดุดันสไตล์สปอร์ต พร้อมกับสมรรถนะที่โดดเด่นของขุมพลังที่ผสานกับเกียร์ Dual Clutch และจุดเด่นในเรื่อง Option ต่างๆมากมาย โดยเฉพาะระบบช่วยจอดอัตโนมัติ ซึ่งเจะพาไปดูกันว่ามันทำงานยังไงและน่าตื่นเต้นมากน้อยแค่ไหนกับ Ford Focus ใหม่
Test Drive Ford Focus 2.0 Ti VCT GDI 4Dr.
Ford เริ่มต้นเปิดตัว Focus รถคอมแพ็คคาร์ในกลุ่ม C-Segment ครั้งแรกในตลาดยุโรปเมื่อปี 1998 ซึ่งมาแทน Ford Escort เดิมในรหัส MK1 ที่มีตั้งแต่รุ่น 3 ประตู Hatchback 4 ประตู และ 5 ประตูแบบ Stationwagon ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 2 ในปี 2004 รหัส MK2 ที่เผยโฉมครั้งแรกในงาน Paris Motorshow ซึ่งใช้พื้นฐานโครงสร้างและช่วงล่างที่พัฒนาต่อยอดมาจากรุ่น MK1 ที่เพิ่มขนาดตัวถังใหญ่โตขึ้นและมีตัวถังให้เลือก 3 สไตล์เหมือนเดิมสำหรับตลาดยุโรป ส่วนในบ้านเรานั้นจะมีเพียงรุ่น 4 ประตูกับ 5 ประตูพร้อมขุมพลังเบนซิน 1.6 และ 2.0 ในช่วงแรกก่อนจะเปิดตัวรุ่นดีเซล TDCi ช่วงปลายก็ทำการ Facelift ในปี 2008 และทำตลาดต่อเนื่องจนถึงโมเดลล่าสุดในรหัส MK3 ที่เปิดตัวไปสูสายตาชาวโลกครั้งแรกในปี 2010 ก่อนจะมาเปิดตัวที่เมืองไทยในปี 2012 พร้อมกันทั้งแบบ 4 และ 5 ประตูและมีเครื่องยนต์ให้เลือก 2 ขนาดคือ 1.6 กับ 2.0 ลิตร ซึ่งมีราคาค่าตัวเริ่มต้นที่ 799,000 บาท ไปจนถึงตัวท็อปที่ราคา 1,079,000 บาท
Design&Interior
สำหรับ Ford Focus รุ่นที่เรานำมาทดสอบในวันนี้เป็นรุ่น 2.0 ลิตร 4 ประตูตัวท็อป Titanium Plus ราคาค่าตัว 1,069,000 บาท ที่มาพร้อมกับสโลแกน "นี่ไม่ใช่เพียงแค่รถ แต่นี่คือ ฟอร์ด โฟกัส" ซึ่งเป็นนิยามที่ชูจุดขายในเรื่องของเทคโนโลยีไฮเทคต่างๆที่เพิ่มเข้ามาในโมเดลล่าสุด ภายใต้รูปลักษณ์ที่มีการปรับโฉมใหม่หมดแบบ Modelchange ไม่ว่าจะเป็นขนาดตัวถังที่ใหญ่ตัวขึ้น ฐานล้อที่กว้างขึ้นบนดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยวสไตล์สปอร์ตภายใต้คอนเซ็ปเคเนอติกดีไซน์กับโครงสร้างตัวถังแบบ Z Shape ที่สะท้อนให้เห็นถึงความปราดเปรียวบนเส้นสายที่รู้สึกได้ถึงความต่อเนื่องพริ้วไหว ประกอบกับหน้าตาที่ดุดันขึ้นตั้แต่งไฟหน้าแบบ Bi-Xenon HID พร้อมระบบเปิด/ปิดและปรับระดับสูง/ต่ำได้อัตโนมัติ และไฟส่องสว่างขณะเลี้ยว และไฟตัดหมอกที่ช่วยเพิ่มทัศวิสัยในการขับขี่มาให้แบบครบเซ็ท ที่เพิ่มสเน่ด้วยไฟหรี่แบบ LED อีก 6 ดวงและไฟเลี้ยวในโคมเดียวซึ่งดีไซน์ได้ลงตัวเข้ากับกระจังหน้าแบบเปิด/ปิดอัตโนมัติเพื่อให้กระแสลมไหลผ่านได้อย่างคล่องตัวตามหลักอากาศพลศาสตร์
ดีไซน์เล่นระดับพร้อมโลโก้ Ford ที่เพิ่มความโดดเด่นรับกับกันชนหน้าสไตล์สปอร์ตดุดันด้วยช่องดักอากาศขนาดใหญ่ 3 ช่อง พร้อมเพิ่มลูกเล่นที่ดูเท่ไม่ซ้ำใครด้วยช่องสี่เหลี่ยมเล็กๆอีก 4 ช่องที่ชายกันชนหน้ารับกับลิ้นหน้าแบบ Built-in ที่นอกจากจะสวยเท่และดูดี ต่อเนื่องถึงลายเส้นด้านข้างที่ให้ความรู้สึกคล่องตัวผสานกับแนวหลังคาด้านหลังที่ลาดต่ำและโป่งซุ้มล้อขนาดใหญ่สไตล์สปอร์ต พร้อมล้ออัลลอยที่เล็กไปนิดขนาด 16 นิ้ว ลาย 10 ก้าน ซึ่งอาจดูไม่หล่อเท่าล้อ 17 นิ้วลายดุในรุ่น 5 ประตู แต่มันก็ดูหรูหราเข้ากับภาพรวม นอกจากนี้ในรุ่นท็อปยังมีหลังคา Sunroof ที่ช่วยเพิ่มมูลค่าให้ Ford Focus คันนี้ดูหล่อและสปอร์ตเกินค่าตัวอีกด้วย ส่วนบ้ันท้ายของ Focus ก็ดูหล่อเหลาไม่แพ้ส่วนอื่นเลยโดยเฉพาะไฟท้ายดีไซน์ใหม่ให้มีครีบด้านข้างที่ลากยาวต่อเนื่องกับเส้น Sholuder line ได้อย่างกลมกลืนและส่องสว่างได้ชัดเจน เช่นเดียวกับกันชนท้ายที่ดูบึกบึนเป็นมัดกล้ามพร้อมชายล่างแบบทูโทนใหความรู้สึกสปอร์ตและลงตัวกับดีไซน์ตลอดทั้งคัน
ห้องโดยสารของ Ford Focus ใหม่นั้นเห็นได้ชัดเจนถึงความเปลี่ยนแปลงไม่ว่าจะเป็นดีไซน์ที่ดูสปอร์ตมากขึ้นพร้อมด้วยตำแหน่งการจัดวางอุปกรณ์ฟังชั่นรวมถึงอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆโอบล้อมคนขับสไตล์ค็อกฟิตซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากแดชบอร์ดของนักบิน พร้อมวัสดุตกแต่งต่างที่พิถีพิถันมากขึ้นกว่าโมเดลก่อนที่แผงกลิ่นไอของความเป็นยุโรปได้อย่างชัดเจนบนพื้นกว้างขวางพร้อมความสะดวกสบายด้วยเบาะนั่งสีเบจที่ปรับด้วยไฟฟ้า 6 ทิศทางที่ฝั่งคนขับ ซึ่งจัดวางตำแหน่งได้สามารถบังคับคุมควบรถได้อย่างคล่องตัวด้วยพวงมาลัย 4 ก้านแบบ Multi Function ที่อาจดูไม่เข้าตานักจากสวิทซ์ควบคุมระบบต่างๆที่ยื่นออกมามากมาย ตั้งแต่สวิทซ์ควบคุมหน้าจอ On-Board ซึ่งมันสามารถแสดงค่าทั้งหมดไว้บนจอเดียวให้ความสะดวกสบายในการอ่านข้อมูลโดยไม่ต้องเลื่อนไปมาจนเวียนหัว ตลอดจนถึงสวิทซ์ควบคุมเครื่องเสียงและระบบสื่อสารและสั่งงานด้วยเสียงหรือ SYNC พร้อมการเชื่อมต่อ Bluetooth และระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control ซึ่งอาจใช้งานได้ไม่สะดวกนักสำหรับโดยเฉพาะ 2 ฟังชั่นหลัง
คอนโซลกลางดูดีด้วยหน้าจอแสดงผลสีฟ้าเข้ากับมาตรวัดดีไซน์สปอร์ตที่ตกแต่งด้วยวัสดุแบบเมทัลลิกได้อย่างลงตัวพร้อมชุดเครื่องเสียงแบบ Built-in ระดับพรีเมี่ยมจาก Sony พร้อมลำโพง 9 ตัวที่ดูหรูหราด้วยหน้ากากแบบ Piano Black พร้อมจอแสดงข้อมูลแบบ TFT LED ขนาด 4.2 นิ้ว ซึ่งดูขัดกับแผงควบคุมระบบปรับอากาศที่ดูเชยไปหน่อยแต่ก็สามารถให้ความเย็นได้แบบแยกอิสระซ้าบ/ขวา พร้อมช่องแอร์ด้านหลังและปิดท้ายด้วยคันเกียร์ดีไซน์ทันสมัยเข้ากับบรรยากาศภายในได้เป็นอย่างดี รวมถึงแสงสีต่างๆที่จัดวางใหม่ให้ดูมีรสนิยมมากขึ้นโดยเฉพาะไฟส่องสว่างในห้องโดยสารที่ย้ายมาอยู่ที่แนวหลังคาด้านข้างทั้งหน้าและหลังแบบ LED ซึ่งช่วยเพิ่มความสว่างได้มากขึ้น และแสดงให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับ Focus ในครั้งนี้ได้สมบูรณ์ด้วยบุคลิดที่โดดเด่นและขัดเจนมากขึ้น
Engine&Performance
Ford Focus ใหม่มาพร้อมกับขุมพลัง Duratec 2.0 ลิตร TI-VCT GDI ซึ่งมีพื้นฐานเครื่องยนต์เป็นแบบเบนซิน DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมวาล์วแปรผันอิสระทั้งฝั่งไอดีและไอเสีย ซึ่งฉีดจ่ายน้ำมันเชื้อมันตรงเข้าสู่ห้องเผาไหม้แบบไดเร็กอินเจกชั่น ความจุ 1,999 ซีซี ที่ให้พละกำลังสูงสุดถึง 170 แรงม้า ที่ 6,600 รอบ/นาที พร้อมแรงบิด 202 นิวตันเมตรที่ 4,450 รอบ/นาที พร้อมส่งถ่ายกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ PowerShift 6 สปีด หรือแบบคลัทซ์คู่ ซึ่งถือเป็นจุดเด่นที่ทำ Ford ที่ดูดีด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำหน้ากว่าคู่แข่งในคลาสเดียวกัน พร้อมโหมด Select Shift Mode แบบ + /– ไว้เปลี่ยนเกียร์เองเพื่อความเร้าใจ แบบปุ่มกดตรงหัวเกียร์ซึ่งไม่ค่อยชินมือเหมือน Paddle Shift หรือโยกคันเกียร์แบบเดิมๆ
ซึ่งผลที่ได้จากการทดสอบนั้น Ford Focus ใหม่แสดงให้เห็นถึงการประสานงานกันที่ลงตัวระหว่างเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร กับชุดเกียร์แบบคลัทซ์คู่ ที่ให้การตอบสนองสนองที่รวดเร็วฉับไว พร้อมอัตราเร่งที่ต่อเนื่องและราบรื่นจนแทบไม่รู้สึกถึงการสูญเสียกำลังในช่วงรอยต่อของการเปลี่ยนเกียร์ที่ทำได้ค่อนข้างเนียน โดยไม่รู้สึกถึงแรงดึงมากนักแต่มันก็แสดงให้เห็นถึงพลังจากม้าทั้ง 170 ตัวที่ฉุดให้มันทะยานไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่องและรวดเร็วได้อย่างไม่อายใคร ด้วยตัวเลขอัตราเร่งที่วัดได้จากการทดสอบที่พิกัด 0 - 100 กม./ชม. นั้น Ford Focus ใหม่ใช้เวลาทำความเร็วเพียง 11.04 วินาทีในการขับด้วยโหมด D และยังกระดิกเข็มไมล์ต่อเนื่องไปแตะที่ 200 กม./ชม.ได้อย่างไม่ยากเย็น พร้อมด้วยรอบเครื่อยนต์ที่ค่อนข้างต่ำ อย่างเช่นที่ความเร็ว 100 กม./ชม. จะใช้รอบแค่ 1,900 รอบ และค่อยขยับขึ้นทีละนิดในตำแหน่งเกียร์ 6 ที่ส่งผลให้มันมีตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองค่อนข้างต่ำที่ระดับ 13.5 กม./ลิตรจากการขับขี่ด้วยความเร็วเฉลี่ยไม่เกิน 90 กม./ชม. บนระยะทางกว่า 300 กม. บนเส้นทางที่ผ่านทั้งรถติดในเมืองหลวงและถนนโล่งซึ่งใช้ความเร็วได้อย่างต่อเนื่องสู่ชาญเมือง ซึ่งนี่ก็เป็นอีกข้อนึงที่ทำให้ Focus ทำคะแนนนำหน้าคู่แข่งอีกหนึ่งแต้มได้อย่างต่อเนื่อง ส่วนการขับในโหมด S นั้นให้อัตราเร่งที่ใกล้เคียงเพียงสามารถลากรอบได้สุดขึ้นเท่านั้น
Handling&Ride&Break
สำหรับแฮนด์ลิ่งในการขับขี่นั้น Ford Focus ใหม่นอกจากจะมีพื้นฐานช่วงช่วงล่างที่เนียวแน่นหนึบ ด้วยระบบกันสะเทือนด้านหน้าแบบอิสระแม็กเฟอร์สันตรัท คอยล์สปริงค์พร้อมเหล็กกันโคลง กับด้านหลังแบบอิสระคอนโทรล เบรต มัลติลิงค์ คอยสปริงเป็นทุนเดิมที่โชว์ศักยภาพในการขับขี่ได้ดีอยู่แล้วทั้งทางตรงและทางโค้งที่ความเร็วสูง ในโมเดลใหม่นี้จะได้เสริมระบบที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจตอนเข้าโค้งมาให้ด้วยระบบ Torque Vectoring Control ซึ่งจะช่วยควบคุมแรงบิดขณะเข้าโค้งและช่วยปรับสมดุลของล้อคู่หน้าโดยอัตโนมัติเมื่อเกิดอาการดื้อโค้ง หรือ UnderSteer ที่มีเซ็นเซอร์ควบคุมและสั่งการให้เบรกเพื่อชะลอการหมุนของล้อด้านในที่กำลังจะเสียการทรงตัวพร้อมส่งแรงบิดสู่ล้อด้านนอกโค้งให้ผลักรถเข้าสู่เส้นทางได้รวดเร็วจนแทบไม่รู้สึกถ้าไม่ได้สาดโค้งแบบโหดๆจนเกินไป นอกจากนี้ก็ยังมีระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ESP มาให้เป็นอีกหนึ่งมาตรฐานความปลอดภัยที่จะทำงานประสานกับเครื่องยนต์และระบบเบรก ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD และ BA ที่ทำงานร่วมกับชุดดิสก์เบรกมาให้ทั้ง 4 ล้อ และระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TCS เพื่อรักษาสภาวะการขับขี่ให้มั่นคงกับพื้นถนนมากที่สุดก่อนจะจบด้วยระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HLA มาให้แบบครบเซ็ท
ซึ่งก็เป็นไปตามคาด Ford โชว์เหนือด้วยแฮนลิ่งที่ยึดเกาะถนนได้อย่างมั่นใจเหมือนเดิมทั้งบนทางตรงที่ความเร็วสูงรวมถึงการสาดโค้งอย่างเต็มแรงแต่ Focus ก็ยังไม่สะทกสะท้านถึงขั้นต้องเรียกใช้บริการจากระบบช่วยเหลือต่างๆให้เสียเวลา และควบคุมง่ายด้วยพวงมาลัยแบบไฟฟ้าที่ให้น้ำหนักค่อนข้างดีขับสบายแม้ความเร็วต่ำและมั่นใจได้ที่ความเร็วสูงแบบไม่มีวอกแวก อีกทั้งยังแฝงความนุ่มนวลเข้ามาให้ในสไตล์รถหรูด้วย ส่วนระบบเบรกน้ันสามารถหยุดได้แบบนุ่มเท้าโดยไม่ต้องออกแรงมากนักเรียกได้ว่าครบเครื่องจริงสำหรับ Focus ใหม่คันนี้
Focus Highlight
มาถึงตรงนี้ Ford Focus ใหม่ดูจะมีคะแนนนำจนดูเหมือนว่าคู่แข่งจะตามไม่ทันกันแล้ว เท่านั้นไม่พอ Ford ยังมีไม้เด็ดติดปลายนวมมาให้พิชิตคู่แข่งและถือเป็นคำตอบของนิยามที่กล่าวไปในช่วงต้นว่า "นี่ไม่ใช่แค่รถ" ซึ่งคำตอบคือมันฉลาดกว่ารถด้วยเทคโนโลยีไฮเทคอีกหลายรายการที่หาไม่ได้ในรถราคาล้านนิดๆ ด้วยฟังชั่นต่างๆระดับเดียวกับรถพรี่เมี่ยมราคาแพง ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของความปลอดภัยที่มีระบบ Blind Spot Information System
ที่จะคอยตรวจจับรถในจุดบอดด้านข้างด้วยกล้องที่กระจกมองข้างพร้อมส่งสัญญาณไฟกระพิบเตือน หรือระบบ Active City Stop ที่คอยตรวจจับรถคันหน้าที่หยุดกะทันหันและช่วยเบรกโดยอัตโนมัติที่ความเร็วใช้งานในเมืองซึ่งต่ำกว่า 32 กม./ชม. ซึ่งเคยสัมผัสกันมาแล้วในรถหรูราคาเกิน 2 ล้าน
และปิดท้ายด้วย Highlight ที่ Ford จัดให้ในรถราคาล้านต้นๆเป็นครั้งแรกกับระบบ Active Park Assist หรือระบบช่วยจอดอัจฉริยะที่จะช่วยคุณจอดรถเทียบข้างในที่แคบได้ง่ายๆเพียงแค่กดปุ่มบนแผงหน้าปัดเท่านั้น เพื่อเปิดการทำงานของระบบเซ็นเซอร์ทั้งด้านหน้า และท้ายรถ จากนั้นระบบจะวัดขนาดของช่องจอดว่ามีความเหมาะสมหรือไม่กับตัวรถ โดยช่องจอดที่เหมาะสม อาจกว้างกว่าความยาวโดยรวมของรถเพียง 3 ฟุตเท่านั้น
เมื่อระบุพื้นที่จอดที่เหมาะสมได้แล้ว ระบบก็จะส่งสัญญาณแจ้งให้ผู้ขับตอบรับความช่วยเหลือจากระบบช่วยจอด จากนั้นระบบจะเข้าควบคุมการทำงานของพวงมาลัย และบังคับทิศทางของรถเข้าสู่ช่องจอด โดยที่ผู้ขับขี่สามารถปล่อยมือออกจากพวงมาลัยได้เลย เพียงแต่ต้องควบคุมคันเร่ง เบรก และเลือกเกียร์เดินหน้าหรือถอยหลัง ขณะที่ระบบจะหมุนพวงมาลัยให้อัตโนมัติอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ พร้อมคำอธิบายขั้นตอนในการจอดซึ่งจะแสดงบนแผงหน้าปัดด้วยตัวอักษร และภาพที่ดูง่ายมาก โดยระบบจะแจ้งให้ผู้ขับขี่ถอยหลังและเดินหน้า จนกว่ารถจะจอดในตำแหน่งที่เหมาะสมเป็นที่เรียบร้อย
Tester&Verdict
สรุปแล้วในชั่วโมงนี้คงไม่มียานยนต์ในกลุ่ม C-Segment คันไหนน่าสนใจเกินไปกว่า Ford Focus คันนี้อีกแล้ว ไม่จะเป็นในเรื่องของราคาที่ต่ำกว่าของค่ายอื่นๆ โดยเฉพาะในรุ่นท็อป แถมยังมีออฟชั่นอำนวยความสะดวกและเทคโนโลยีต่างๆที่จัดเต็มกว่าในทุกหัวข้อ มิหนำซ้ำในด้านของสมรรถนะนั้นยังตอบโจทย์ได้ค่อยข้างครบทั้งอัตราเร่ง อัตราสิ้นเปลือง และช่วงล่างหนึบๆซึ่งเป็นจุดขายของ Ford ที่เหนือกว่าตั้งแต่ออกตัวแล้ว นี่ถ้าไม่ใช่เมืองไทยเราคงกล้าการันตีได้เลยว่ายอดขายทะลุเป้า และก้าวขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งในกลุ่มนี้เได้แน่นอน แต่เพราะนี่คือเมืองไทยซึ่งมีตัวแปรในการเลือกซื้อรถค่อนข้างมากแถมยังจับเอาเรื่องสมรรถนะและความปลอดภัยไว้ในหัวข้อท้้ายๆอีกต่างหาก งานนี้ Focus คงต้องพิสูจน์กันต่อไปว่าจะมีดีพอที่จะเปลี่ยนทัศนคติของคนไทยได้มากน้อยแค่ไหนนั่นเอง ซึ่งตอนนี้ก็ถือว่าทำสำเร็จไปเกินครึ่งแล้ว
Specification : Ford Focus 2.0 Ti VCT GDI_4Dr.
รายละเอียดการผลิต
รุ่นปี: 2012
ประเทศผู้ผลิต: ประเทศไทย
ผู้จำหน่ายในประเทศไทย: บริษัท ฟอร์ด เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส ประเทศไทย จํากัด
ประเภทรถยนต์: Compact Sedan
ราคา (ล้านบาท) 1.069
Dimension:
Length: 4,534
Width: 1,823
Height: 1,484
Wheelbase: 2,648
Front track / Rear track 1,559/1,544
Engine
แบบ
ปริมาตรกระบอกสูบ 1,999 ซีซี
ความกว้างกระบอกสูบxช่วงชัก 87.5x83.1 มม.
อัตราส่วนกำลังอัด 11 : 1
ระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง Gasoline Direct Injection
กำลังสูงสุด 170 @6,600
แรงบิดสูงสุด 202@4,450
เชื้อเพลิง เบนซิน 91Ron - E20
ความจุถังน้ำมัน 55 ลิตร
Drivertrain
ระบบขับเคลื่อน 2 ล้อหน้า
เกียร์อัตโนมัติ 6 Speed PowerShift
คลัทซ์ คลัทซ์คู่แบบแห้ง
Steering แร็คแอนด์พิเนียนพร้อมพาวเวอร์ผ่อนแรง
Suspension
หน้า อิสระแม็กเฟอร์สันตรัท คอยล์สปริงค์พร้อมเหล็กกันโคลง
หลัง อิสระคอนโทรล เบรต มัลติลิงค์ คอยสปริง
Break
หน้า ดิสก์เบรกแบบมีช่องระบายความร้อน
หลัง ดิสก์เบรก
Wheel+Tire
ล้ออัลลอย ขนาด 16 นิ้ว
ยาง 205/60R16
Test Result
รอบเครื่องยนต์ที่ความเร็วต่างๆที่เกียร์ 6
km./h rpm.
80 1,600
90 1,900
100 2,200
120 2,850
140 3,400
Acceleration (km./h) sec./m.
0-100 11.04
Consumption (km./l.)
AVR. 13.5
ขอขอบคุณ
บริษัท ฟอร์ด เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส (ประเทศไทย) จํากัด
ความคิดเห็น