สำหรับช่วง Motor Drive ในวันนี้เราจะพาคุณไปทดสอบสมรรถนะของ ยานยนต์พลังงานลูกผสมไฮบริดโมเดลใหม่ล่าสุด กับ Honda Civic Hybrid ใหม่ ที่เพิ่งเปิดตัวไปหมาดๆเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา เพื่อพิสูจน์สมรรถนะให้ได้เห็นกันว่าจะขับสนุกเร้าใจเหมือน Civic FB หรือประหยัดได้มากน้อยแค่ไหนกันแน่
Honda เริ่มต้นโปรเจ็คไฮบริดในโมเดล Civic ด้วยการแชร์แพลทฟอร์มกับ Production Car ทั่วๆไป โดยเริ่มตั้งแต่โมเดล ES หรือรุ่น Dimension เป็นเจนเนอเรชั่นแรกเมื่อปี 2001 และพัฒนาต่อเนื่องสู่รุ่น FD ที่ขับเคลื่อนด้วยต้นกำลังลูกผสมคือเครื่องยนต์ขนาด 1.3 ลิตรกับมอเตอร์ไฟฟ้าเป็นโมเดลที่ 2 ซึ่งเปิดตัวไปตั้งแต่ปี 2005 และทำตลาดต่อเนื่องมาจนถึงปี 2010 นอกจากนี้ Honda ยังมีรถไฮบริดอีกหลายโมเดล ทั้งแบบไฮบริดพันธ์แท้อย่าง Insight และสปอร์ตไฮบริดคันงาม CR-Z รวมถึงน้องใหม่ คือ Jazz หรือ Fit ในเวอร์ชั่น Hybrid ที่เปิดตัวในบ้านเราไปเมื่อกลางปีที่ผ่านมา
ก่อนจะถึงโมเดลล่าสุดของ Civic Hybrid เจนเนอเรชั่นที่ 3 ตัวถัง FB ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกทางฝั่งอเมริกาเมื่อปี 2011 และเปิดตัวที่เมืองไทยเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยมีให้เลือก 2 รุ่น คือรุ่น Hybrid ราคา 1,035,000 บาท และรุ่น Hybrid Navi คันที่เรานำมาทดสอบในวันนี้ด้วยค่าตัว 1,095,000 บาท
Design&Interior
สำหรับรูปลักษณ์และดีไซน์ภายนอกนนั้น แน่นอนว่ามันต้องดูคล้ายกับ Civic FB กว่า 90 เปอร์เซ็นจากการแชร์แพลทฟอร์มร่วมกัน และก็เหมือนจะเป็นสูตรสำเร็จก็ว่าได้ กับการแต่งหน้าทาปากเพื่อให้ดูเป็นรถประหยัดรักษ์โลก เหมือนที่เคยทำกับหลายๆรุ่นในตระกูลไฮบริดที่ผ่านมา โดยงานนี้ Honda ได้ทำการแปลงโฉมให้ดูหล่อใส..สไตล์ไฮบริด..ด้วยการเปลี่ยนกระจังหน้าใหม่ที่ตกแต่งด้วยเลนส์สีฟ้าใส Clear Blue และโคมไฟหน้าแบบโปรเจ็คเตอร์ใหม่ เป็นกรอบสีฟ้าที่ทำให้มันดูดีและสะอาดตามากขึ้น พร้อมระบบส่องสว่างแบบ HID และระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติมาให้ ส่วนด้านข้างนั้นเปลี่ยนจากแม็ก 16 และ 17 ในรุ่นแสตนดาร์ดที่หนักกว่า แล้วเอาล้ออัลลอยสไตล์ที่ดีไซน์เน้นอากาศพลศาสตร์มากกว่าความสวยงาม ขนาด 15 นิ้ว พร้อมยางขนาด 195/65R15 มาใส่แทน เพื่อช่วยลดภาระให้กับขุมพลังที่ต้องแบกน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นจาก แบตเตอรี่ ชุดมอเตอร์ไฟฟ้า และอื่นๆ ที่เพิ่มขึ้นมากว่า 10 กก.
ส่วนบั้นท้ายมีการตกแต่งเพิ่มเติมให้หล่อใสแบบครบสูตรด้วยไฟท้ายใหม่ ซึ่งเปลี่ยนไฟเบรกมาเป็นแบบ LED ที่ดูสวยงามแปลกตาและน่าหลงไหลกว่าเดิม พร้อมตกแต่งด้วยเลนส์สีฟ้าแบบเดียวกับไฟหน้าเพื่อความลงตัว และที่ขาดไม่ได้คือโลโก้ Hybrid บนฝากระโปรงท้ายฝั่งขวาเพื่อบ่งบอกให้รู้ว่าคันนี้เป็น Civic เวอร์ชั่นรักษ์โลก
ซึ่งจากภาพรวมของดีไซน์ภายนอกที่ได้เห็นกันไปในภาคไฮบริดของ Civic ใหม่นั้น ถึงแม้จะถูกปรับเปลี่ยนเพิ่มเติมเพียงไม่กี่จุดก็ตาม แต่มันกลับช่วยเปลี่ยนจาก look ที่ดูสปอร์ตในเวอร์ชั่นเครื่องเบนซิน ให้กลายเป็นหล่อเนี๊ยบเหมือนคุณชายแห่งวังจุฑาเทพ..ได้อย่างลงตัวเลยทีเดียว
จากนั้นมาต่อกันที่ห้องโดยสารซึ่งยังมีภาพรวมใกล้เคียงกับ Civic รุ่นแสตนดาร์ดเครื่องเบนซิน แต่จะแตกต่างกันตรงที่แผงหน้าปัดซึ่งเพิ่มหน้าจอบอกสถานะการทำงานของระบบไฮบริด พร้อมระบบ Eco Assist เพื่อช่วยให้ขับขี่ได้ประหยัดมากขึ้น และ Econ โหมด ปุ่มสีเขียวทางฝั่งขวาที่ช่วยลดการใช้พลังงานสิ้นเปลือง พร้อมฟังชั่น Eco Coaching กับ Eco Score ที่จะแสดงผลจากพฤติกรรมการขับขี่ โดยจะมีการให้คะแนนสะสมสไตล์เดียวกับ Jazz Hybrid เป็นลูกเล่นหลังการขับขี่ในแต่ละครั้ง ส่วนฟังชั่นอำนวยความสะดวกต่างๆนั้นยังคงมีให้เกือบครบ ไม่ว่าจะเป็นพวงมาลัยแบบ Multifunction พร้อมระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control ที่ฝั่งชวาและสวิทซ์ควบคุมหน้าจอ i-MID ที่ฝั่งซ้าย รวมถึงฟังชั่น Bluetooth ,ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมระบบ Smart Key และระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ ซึ่งเสียอย่างเดียวที่แยกปรับอุณหภูมิซ้าย/ขวาไม่ได้ รวมถึงเบาะหนังนุ่มๆที่ขาดระบบปรับไฟฟ้าไปสำหรับที่นั่งฝั่งคนขับ ซึ่งควรมีสำหรับรถราคาเกิน 1 ล้าน และปิดท้ายด้วยระบบนำทางพร้อมเครื่องเล่น DVD ที่มีเฉพาะในรุ่น Navi คันนี้ กับค่าตัวที่อัพขึ้นมาอีก 5 หมื่นบาท จากรุ่น Hybrid แสตนดาร์ด
ซึ่งนอกจากดีไซน์ที่ดูทันสมัยกับบรรยากาศอบอุ่นนั่งสบายสไตล์หรูด้วยเบาะหนังสีเบจ แอร์เย็นๆ เครื่องเสียงเพาะๆ แล้วภายในห้องโดยสารของ Civic Hybrid ใหม่ ยังคงเอกลักษณ์และออฟชั่นเกือบทั้งหมดแบบเดียวกับ FB รุ่นท็อปแล้ว Civic Hybrid ยังมีสิ่งที่แตกต่างจากรุ่นเบนซินอยู่อีกอย่าง นั่นคือเบาะหลังนุ่มๆที่ไม่สามารถพับได้เหมือนรุ่นแสตนดาร์ด เนื่องจากด้านหลังเบาะจะใช้เป็นที่เก็บแบตเตอรี่นั่นเอง
Engine&Performance
ขุมพลังใต้กระโปรงซึ่งถือว่าเป็นหัวใจดวงใหม่ ที่ถูกจับมาแทนที่เครื่องเบนซิน 1.8 และ 2.0 ลิตร ในรุ่น FB นั้น Honda เลือกเอาเครื่องยนต์ขนาด 1,497 ซี.ซี. ลิตร SOHC i-VTEC บล็อกเดียวกับ CR-Z แต่มีการลดกำลังอัดลงเล็กน้อย ทำให้มีกำลังสูงสุด 91 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุดอีก 132 นิวตันเมตร ที่ 2,800 รอบ พร้อมกำลังเสริมจากมอเตอร์ไฟฟ้า IMA ที่มีม้าให้ใช้เพิ่มอีก 23 ตัว ตั้งแต่ในรอบต่ำ 1,546 - 3,000 รอบ/นาที ซึ่งทำให้ Civic Hybrid ใหม่ มีพละกำลังแบบเบ็ดเสร็จจากทั้ง 2 ต้นกำลังที่ 110 แรงม้า พร้อมแรงบิดจากมอเตอร์ไฟฟ้าที่พอช่วยสร้างแรงดึงได้อีกนิดตั้งแต่ออกตัวที่ 500 - 1,546 รอบ ที่ระดับ 106 นิวตันเมตร
ซึ่งนอกจากสเป็คที่พอใช้งานปกติได้สบายๆแล้ว Civic Hybrid โมเดลล่าสุดคันนี้ ยังทำการเปลี่ยนแบตเตอรี่ชุดใหม่จากเดิมแบบ Ni-Mh มาเป็นแบบ Li-ion ที่ทั้งบางและเบากว่าแถมยังสามารถเก็บประจุไฟฟ้าได้มากขึ้นอีกด้วย ซึ่ง Honda เองมั่นใจในประสิทธิภาพของแบตฯลูกนี้มากและกล้ารับประกันในส่วนของแบตเตอรี่นานถึง 10 ปี พร้อมการันตีทั้งไฮบริดระบบอีก 5 ปี เลยทีเดียว เรียกว่าใครที่เคยกังวลเรื่องแบตฯจะเสียและต้องเปลี่ยนในราคาสูงนั้นหายห่วงไปได้เลย ดีไม่ดีรถอาจจะไปก่อนด้วยซ้ำถ้าไม่ดูแลรักษา
ส่วนระบบส่งกำลังนั้นเปลี่ยนมาใช้แบบ CVT แทนเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีดเดิมในรุ่น FB เพื่อให้เหมาะกับการขับขี่เชิงประหยัดและยังได้ความนุ่มนวลมาเป็นของแถม ซึ่งจากที่ได้ขับทดสอบนั้น รอบเครื่องยนต์จะค่อนข้างตำ่ เช่นที่ ความเร็ว 100 กม./ชม. รอบเครื่องจะอยู่แค่ 1,750 รอบ/นาที และขยับขึ้นมาเป็น 2,200 รอบ ที่พิกัด 120 กม./ชม. เท่านั้น ซึ่งต่ำกว่าทั้งตัว 1.8 และ 2.0 ลิตร
ส่วนขั้นตอนการทำงานของระบบไฮบริดใน Civic Hybrid ใหม่นั้นถือว่าไม่แตกต่างจากรถไฮบริดทั่วๆไปทั้งในและนอกค่าย คือมอเตอร์ไฟฟ้าจะช่วยเสริมแรงตั้งแต่ออกตัว และจะปรับสู่โหมด EV ที่ใช้ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวในการขับเคลื่อนเมื่อขับขี่ที่รอบต่ำคงที่ ความเร็วสูงถึง 70 กม./ชม. ได้ ขึ้นอยู่กับปริมาณประจุไฟฟ้าที่เหลืออยู่ในแบตเตอรี่ไฮบริด ส่วนตอนเร่งแซงทั้ง 2 ต้นกำลังก็จะผสานกำลังกันอย่างเต็มที่ และเมื่อชลอตัวหรือเบรกก็จะเป็นการชาร์จไฟกลับเข้าไปเก็บยังแบตเตอรี่ จนถึงเมื่อจอดสนิทก็จะมีระบบ Auto Stop มาคอยดับเครื่องยนต์เพื่อประหยัดพลังงานเป็นสเต็ปสุดท้าย
ซึ่งผลที่ได้จากการทดสอบนั้นก็เป็นไปตามคาด คือให้การตอบสนองได้ไม่เร้าใจเหมือนกับตอนขับเครื่องเบนซิน ทั้ง 2 รุ่น ถึงแม้ว่าจะเป็นเครื่องบล็อกเดียวกับ CR-Z สปอร์ตไฮบริดตัวแรงประจำค่ายก็ตาม แต่ด้วยน้ำหนักตัวที่มากกว่า บวกกับเกียร์ CVT ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อการขับขี่ที่นุ่มและตอบสนองเรื่องความประหยัดเป็นหลัก จึงทำให้ขับมันได้ไม่เร้าใจเหมือนเกียร์แบบเดิมที่มีช่วงดึงให้รู้สึกตื่นเต้นกว่า แต่ผลที่ได้กลับมาคือตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยที่ดีขึ้นกว่าเดิมอยู่พอสมควร ด้วยตัวเลข 16.35 กม./ลิตร ซึ่งมากกว่า รุ่น 1.8 ลิตร ที่เคยทำไว้ 14.45 กม./ลิตร โดยจะโดดเด่นกว่าชัดเจนช่วงขับใช้งานในเมืองที่ประหยัดกว่าเกือบๆ 3 กม./ลิตร เลยทีเดียว
ส่วนในด้านของอัตราเร่งนั้น Civic Hybrid ใหม่ ถือว่าทำได้สมฐานะ และทำตัวเลขได้ดีไม่เท่าตัวเบนซินก็ตาม เพราะด้วยเครื่องที่เล็กกว่า แรงม้าก็น้อยกว่า แถมน้ำหนักยังมากกว่าอีก แต่มันก็สามารถทำตัวเลขออกมาได้ดีที่สุดในพิกัด 0 - 100 กม./ชม. ด้วยเวลา 16.2 วินาที พร้อมตัวเลข Top Speed ที่เค้นสุดๆจนไปจบที่เกือบๆ 185 กม./ชม. เพียงพอสำหรับการขับขี่ใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างสบาย
Handling&Ride&Brake
ส่วนฟิลลิ่งในการขับ Civic Hybrid ใหม่ นั้นออกแนวเฟิร์มและสปอร์ตมากกว่านุ่มนวลสไตล์รถบ้าน ด้วยพวงมาลัยไฟฟ้า EPS ที่ไม่เบาเกินไปที่ความเร็วต่ำและมั่นใจได้ที่ความเร็วสูงด้วยน้ำหนักที่พอเหมาะ พร้อมการควบคุมที่แม่นยำสั่งได้ผ่านพวงมาลัยสปอร์ตวงเล็กๆที่จับกระชับมือ และให้ความรู้สึกที่ใกล้เคียงกับตอนขับ Civic รุ่นมาตรฐาน
พร้อมช่วงล่างด้านหน้าแบบแม็คเฟอร์สันสตรัท และด้านหลังมัลติลิค์พร้อมเหล็กกันโคลง ซึ่งมีการปรับเซ็ตค่าของสปริงใหม่เพื่อให้เหมาะกับเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร รวมถึงน้ำหนักถ่วงของแบตเตอรี่ที่ด้านท้าย ที่ให้ความรู้สึกที่นุ่มนวลกว่ารุ่นแสตนดาร์ดเล็กน้อย จากล้อและยางที่ลดขนาดลง แต่ยังคงภาพรวมที่สะท้อนความสปอร์ตด้วยอาการยุบตัวค่อนข้างน้อยจนรู้สึกได้ถึงการรีบราวน์ที่มีมากกว่ารถ Compact Sedan ทั่วๆไป ซึ่งไม่ว่าทางตรงหรือทางโค้งที่มีอาการท้ายกระดิกเล็กน้อยตอนขับที่ด้วยความเร็วประมาณ 110 กม./ชม. แต่โดยรวมแล้ว Civic Hybrid ยังให้ความรู้สึกที่มั่นคงปลอดภัยไปพร้อมกับความนุ่มนวลที่ยังคงไว้เพื่อความสะดวกสบายสำหรับทุกการเดินทาง
รวมถึงระบบระบบเบรกที่เปลี่ยนด้านหลังมาเป็นดรัมเบรกส่วนด้านหน้ายังคงเป็นดิสก์เบรกเหมือนเดิม ซึ่งต้องออกแรงเหยียบมากขึ้นกับการหยุดรถในความเร็วที่เท่ากัน และปิดท้ายด้วยระบบความปลอดภัยนั้น Honda เค้าจัดมาให้ครบเซ็ทใกล้เคียงกับ รุ่น 2.0 ตัวท็อป ตั้งแต่ระบบป้องกันล้อล็อก ABS ,ระบบกระจายแรงเบรก EBD รวมถึงถุงลมนิรภัยที่มีให้ถึง 4 จุด ทั้งคู่หน้าแบบ Dual SRS และ i-Side Airbag ที่ด้านข้าง พร้อมด้วยระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว VSA ซึ่งถือเป็นอุปกรณ์สำคัญที่ควรมีในรถระดับนี้
Tester Verdict
สรุปแล้ว Civic Hybrid ใหม่ อาจไม่ใช่รถแรงที่ขับสนุกถูกใจขาซิ่งเหมือนกับ Civic เครื่องเบนซินก็ตาม แต่มันคือ Civic อีกรุ่นหนึ่งที่ดูดีและสวยงาม ที่สุดอีกคันหนึ่งจากดีไซน์ใหม่ที่เพิ่มเติมเข้าไปจนลงตัว บวกกับแฮนลิ่งที่ไม่ทิ้งอารมณ์สปอร์ตอันเป็นเอกลักษณ์ของ Civic แล้ว ที่สำคัญคือตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองที่ดีกว่าและช่วยให้ประหยัดได้อีกนิด กับปริมาณไอเสียที่ปล่อยออกมาในระดับต่ำมาตราฐาน Euro นั้น คือคำตอบสุดท้ายที่ถูกใจสไตล์คนรักษ์โลกแบบเต็มๆเลยทีเดียว
Specification : Honda Civic Hybrid 2013
รายละเอียดการผลิต
รุ่นปี: 2013
ประเทศผู้ผลิต: Thailand
ผู้จำหน่ายในประเทศไทย: บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด
ประเภทรถยนต์: Hybrid
ราคา (ล้านบาท) 1.095
Dimension: (มม.)
Length: 4,525
Width: 1,753
Height: 1,429
Wheelbase: 2,670
Front/Rear track: 1,500/1,532
Weight 1,296
Engine
แบบ เบนซิน 4 สูบ SOHC i-VTEC + มอเตอร์ไฟฟ้า IMA
ปริมาตรกระบอกสูบ (ซีซี) 1,497
ความกว้างกระบอกสูบxช่วงชัก(มม.) 73.0 x 89.4
อัตราส่วนกำลังอัด 10.8 :1
กำลังสูงสุด(hp.@rpm.) 91@5,500
แรงบิดสูงสุด(Nm.@rpm.) 132@2,800
เชื้อเพลิง เบนซิน E10 Ron
ความจุถังน้ำมัน(ลิตร) 50
Electric Motor
กำลังสูงสุด(hp.@rpm.) 17.2@1,545-3,000
แรงบิดสูงสุด(Nm.@rpm.) 106 @ 500 -1,546
ลิ้นปีกผีเสื่อแบบ อิเล็กทรอนิกส์ (Drive by Wire)
Drivertain
ระบบขับเคลื่อน 2 ล้อหน้า
เกียร์อัตโนมัติ CVT
Gear Ratio
FWD 2.526 - 0.421
R 4.510 - 1.875
Final Gear 4.994
Steering แร็คแอนด์พิเนียนพร้อมพาวเวอร์ผ่อนแรงแบบไฟฟ้า (EPS)
วงเลี้ยวแคบสุด (ม.) 5.42
Suspension
หน้า อิสระแม็กเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง
หลัง อิสระมัลติลิงค์ พร้อมเหล็กกันโคลง
Break
หน้า ดิสก์เบรกแบบมีช่องระบายความร้อน
หลัง ดรัมเบรก
ล้ออัลลอย ขนาด 15x6J นิ้ว
ยาง ยาง 195/65R15
Safety ABS, EBD , VSA , HSA , Dual SRS Airbag
Test Result : Honda Honda Civic Hybrid
รอบเครื่องยนต์ที่ความเร็วต่างๆที่เกียร์ CVT
km./h rpm.
80 1,450
100 1,750
120 2,200
140
Acceleration (km./h) sec.
0-100 16.2
Top Speed(km./h.) 185
Consumption (km./l.)
City 15.1
HWY 17.6
AVR. 16.35
ขอบคุณ
บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด
เอื้อเฟื้อรถทดสอบ
เรื่อง : อาณัติ สุทธิบุตร
LINE
ความคิดเห็น