รีวิว 2013 Chevrolet Sonic 1.6 E85 โฉม Hatchback เครื่องแรงขึ้นนิดนึง 0-100 กม./ชม.ในระดับรถ 1.5 แต่ช่วงล่างยังหนึบแน่น ขับสนุกเช่นเดิม

Chevrolet Sonic  ได้ถูกเปิดตัวสู่สายตาชาวไทย  ครั้งแรกเมื่อกลางปี 2012   และผ่านไปประมาณ 1 ปีเท่านั้น  ก็ได้มีการปรับโฉมกันแล้ว     เมื่อช่วงกลางปี 2013 ทีผ่านมา Chevrolet ได้เปิดตัวรถยนต์ B-Segment ของค่าย กับ Chevrolet Sonic 1.6  E85 ซึ่งถือเป็นการปรับโฉมแบบ Minor Changed ซึ่งมีจุดเปลี่ยนหลักคือ ใช้เครื่องยนต์ Ecotec 1.6 ลิตร  รองรับน้ำมัน E85  นอกจากนั้น  โฉมภายนอกที่แตกต่าง เห็นจะมีเพียง กระจกมองข้างที่มาพร้อมไฟเลี้ยวในตัว   และได้เพิ่มสีตัวถังอีก 2 สี คือ สีส้ม  Orange Rock กับ ขาว White Metallic   สำหรับภายใน  จะมีลูกเล่นเพิ่มขึ้น คือ ระบบ infotainment  (Chevrolet MyLink)  ที่รองรับการเชื่อมต่ำกับสมาร์ทโฟน  ผ่านหน้าจอทัชสกรีน 7″ โดยมีลูกเล่นหลากหลายไม่ว่าจะ การฟังวิทยุออนไลน์ กว่า 70,000 สถานีทั่วโลก ผ่าน App TuneIn และ Stitcher, การดูภาพและภาพยนต์, รับสายโทรศัพท์ผ่านระบบ Bluetooth, และยังล้ำขั้นด้วยการสั่งงาน Siri ด้วยเสียง หรือที่เรียก Siri Eyes Free  นั่นทำให้เพื่อนผมที่ออก Chevrolet Sonic 1.4 ที่พึ่งออกมาได้ ประมาณ 1 ปี  ถึงกับบ่นอุบ กันเลยทีเดียว

ขอขอบ Chevrolet Sales ประเทศไทย  สำหรับรถทดสอบ Chevrolet Sonic 1.6 LTZ  โฉม Hatchback  คันสีน้ำเงิน  Ocean Blue คันนี้ที่ให้เราได้ยืมมาทดสอบสมรรถะกัน  ในราคา 7.09 แสนบาท

ในด้านของรูปลักษณ์ภายนอกนั้น ตามที่ได้กล่าวไป ว่า เหมือนเดิมทุกประการ แตกต่างกันเพียงแค่   ไฟเลี้ยวที่กระจกมองข้าง LED   และสีตัวถังที่เพิ่มมาอีก 2 สี  นอกจากนั้น ก็ยังคงเหมือนรุ่น 1.4 แทบทุกประการ     ดังนั้น จึงขอข้ามมาที่ห้องโดยสารภายในเลย

ภายในห้องโดยสาร    ของคันที่เรานำมาทดสอบสีน้ำเงิน คันนี้ ภายในสีทูโทน ไทเทเนียม-ดำ    และจุดเด่นที่สำคัญคือ ระบบเครื่องเสียงใหม่ ที่มากับหน้าจอ MyLink  7”  ซึ่งจะไม่มีเครื่องเล่น CD และ MP3 ให้อีกต่อไป  แต่จะให้ระบบเชื่อมต่อ Bluetooth กับสมาร์ทโฟน  ซึ่ง Chevrolet ได้เคลมว่า เป็นเจ้าแรกใน B-Segment บ้านเรา

โดยหน้าจอนี้มีโหมด อยู่ 5 ฟังก์ชั่น

1. Audio   เอาไว้ฟังเพลง ได้จากคลื่นวิทยุ  USB, AUX  รวมถึงการเชื่อมต่อจากโทรศัพท์
2. Pictures & Movies  ดูรูปและหนัง จากสมาร์ทโฟน และ USB  ซึ่งต้องจอดนิ่งเท่านั้น
3. Telephone  ใช้สั่งโทรศัพท์ผ่านหน้าจอ ได้
4. Smartphone Link   อันนี้ มี App ติดตั้งมาให้เพียง 2 App คือ TuneIn Internet Radio และ Stitcher   Smart Radio  ที่เหลือก็คงต้องไปดาวน์โหลดกันเอาเอง
5. Setting   เอาไว้ตั้งค่าต่างๆ

ซึ่งว่ากันตามจริง  สำหรับผมเองนั้นคงไม่ค่อยได้ใช้ จึงไม่ค่อยสนใจกับระบบเชื่อมต่อ เหล่านี้นัก เพราะถึงอย่างไร ขณะคุณขับรถ ก็ไม่สามารถดูภาพยนตร์ ได้อยู่ดี    แต่สิ่งที่น่าสนใจ คือ Siri  สั่งงานด้วยเสียง ของระบบ ios  มากกว่า   และนั่นทำให้มีปุ่ม โทรออก สั่งงานด้วยเสียงเพิ่มเข้ามาที่พวงมาลัยด้านขวา   นอกจากนั้นภายในก็ต้องเรียกได้ว่า เหมือนเดิมแทบจะทั้งสิ้น

มาพูดถึงหัวใจสำคัญของรถคันนี้กับเครื่องยนต์บล๊อกใหม่ ECOTEC DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมระบบแปรผัน Double CVC,  ตัวควบคุมความร้อนแบบวัดความดันในท่อไอดี MAP (Manifold Absolute Pressure),  ท่อร่วมไอเสียแบบขึ้นรูปลึก พร้อมตัวกรองไอเสียติดตั้งในตัว    ซึ่งได้มีการปรับจูนให้รองรับน้ำมัน E85  สร้างกำลังม้าสุทธิ 115 แรงม้า @6000rpm และแรงบิด 155 Nm @4000rpm ซึ่งแน่นอนว่าการที่รองรับน้ำมัน E85 ก็จะมีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของระบบท่อน้ำมัน หรือปั๊มติ๊ก ต่างๆ เพื่อให้ทนการกัดกร่อน ซึ่งทนได้ถึง E100 ด้วยซ้ำไป

ด้านสมรรถนะการขับขี่ ทันทีที่ได้ขับครั้งแรก  ทำไมมันช่างรู้สึกคล้ายคลึงกับ รุ่น 1.4 เลย คือ คันเร่งแข็ง และออกตัวค่อนข้างอืดเลย  แต่เมื่อกระแทกคันเร่งหนักๆ แทบมิด  ดูกำลังเครื่องยนต์จะมีมาให้ใช้มากกว่า ตัว 1.4   ความเร็วรอบยังกวาดขึ้นแบบเรื่อยๆ  ไม่จัดจ้านอย่างที่คิด   ในช่วง 2 เกียร์แรก  แต่เกียร์ 3 ขึ้นไป จะเริ่มไต่ขึ้นช้า   และช้ามาก ในเกียร์ 4-5  ซึ่งเรียกว่า ความเร็วช่วงกลาง  ไหลไปถึงปลายนี่  เอื่อยเลยก็ว่าได้  กว่าความเร็วจะทะลุ 140 กม./ชม. เล่นเอาเหนื่อยพอตัว

ลองวัดตัวเลขจาก OBD Bluetooth  ได้ดังนี้ 0-100 กม./ชม. ใน 12.46 วินาที   ¼ ไมล์ ในเวลา 18.91 วินาที  ที่ความเร็ว 121 กม./ชม.    และ Top Speed  ที่เราทำได้อยู่ที่ 177 กม./ชม.  ถ้าถนนที่เราได้ทดสอบ เรียบนิ่งกว่านี้  และมีระยะยาวกว่านี้  น่าจะทำความเร็วได้ 180 กม./ชม.+

สำหรับตัวเลขอัตราสิ้นเปลือง เนื่องจากคันนี้เป็น E85 เติมมาให้จากทาง Chevrolet  ตัวเลขนั้นจึงได้ค่าเฉลี่ยออกมา ไม่สวยหรูนัก   การขับขี่ในตัวเมืองที่รถติดหนัก เลขออกมาอยู่ที่ ประมาณ 6-7 กม./ลิตร  และวิ่งออกชานเมืองได้ราว 9 กม./ลิตร +-

ระบบเกียร์อัตโนมัติ  6 Speed ก็ได้มีการปรับปรุงใหม่เป็น generation 2 ซึ่งเปลี่ยนแปลงทั้งในรายละเอียดด้าน Software และ Hardware ซึ่งดูแล้ว น่าจะช่วยไปในทางที่ดีขึ้น แต่   ในความเป็นจริง!  น่าผิดหวังเช่นเดิม  การตอบสนองของเกียร์ ยังดูไม่ฉลาดเช่นเดิม  คือ Kick Down ไปแล้ว กว่าเกียร์ Torque Converter  จะตัดลดเกียร์ลงมาดีเลย์ไป ราว 1 วินาที  ซึ่งเป็นเช่นกัน เมื่อเราใช้ปุ่ม + - ในโหมด M ด้วยปุ่มบนหัวเกียร์

ลองลากรอบในโหมด M  จนรอบกวาดไปชน Redline เกียร์ไม่ตัดขึ้นให้  ล๊อกรอบตื้ออยู่เช่นนั้น   ป้องกันลากรอบเครื่องสูงเกินไป   ต้องกดปุ่ม + ก่อนเข้ารอบ 6000rpm  แต่ถ้าความเร็วรอบไม่ถึง 2000rpm  กดปุ่ม + เกียร์จะไม่ยอมขึ้นให้ซะงั้น    รวมถึงการใช้ E-Brake ก็เป็นอีกปัญหาน่ารำคาญใจ  เนื่องจากเกียร์ที่ตอบสนองช้า  ทำให้ เวลากะจังหวะทำ E-Brake นั้น พลาด  คือ กดลงทีละ เกียร์ ตอบสนองช้าเกินไปไม่ทันใจ   พอกดลงไป 2 ครั้ง กลายเป็น  ลดจากเกียร์  4->2  เลยในทีเดียว ทำให้  E-Brake ดึงหนักเกินไป   สูญเสียจังหวะในการเข้าโค้ง ไปอีก

สำหรับระบบเบรก, ระบบบังคับเลี้ยว, ระบบกันสะเทือน เหมือนเดิมทุกประการ  เพียงแต่ช่วงล่างด้านหน้ามีการปรับในส่วนของสตรัทบาร์ เพื่อให้รองรับน้ำหนักเครื่องยนต์ที่เพิ่มขึ้นเท่านั้น

มันจึงทำให้ ฟีลลิ่งในการขับขี่ ด้านการควบคุมรถโดยรวมยังคง The Best in Class เช่นเดิม  โดยเฉพาะช่วงล่างสุดแน่นหนึบ  ไม่มีอาการโคลงให้เห็น ที่ความเร็วสูง และการเข้าโค้งหนักๆ   อ่านรีวิวในส่วน ระบบเบรก, ระบบบังคับเลี้ยว, ระบบกันสะเทือน อีกครั้งคลิ๊ก

สรุป Chevrolet Sonic 1.6 ลิตร E85 ใหม่นี้  มีเครื่องยนต์ใหม่ ที่แรงขึ้นนิดหน่อย  แต่เกียร์เดิมที่ไม่ชาญฉลาดทำให้สมรรถนะโดยรวมออกมาไม่ดีเท่าที่ควร    ซึ่งน่าจะเป็นเหตุผลทำให้บั่นทอนสมรรถนะของเครื่องยนต์บล๊อกนี้ลงไปมาก  ถ้าหากได้เกียร์ธรรมดามาจับคู่  หรือเกียร์ Torque Converter ลูกใหม่หมดจด ที่ดูชาญฉลาดกว่านี้ น่าจะส่งผลให้การส่งถ่ายกำลังทำได้ดีขึ้น ขับมันขึ้นกว่านี้อีก      ในด้านอัตราสิ้นเปลืองดูๆ  ถ้าเทียบด้วยน้ำมันชนิดเดียวกัน โดยส่วนตัวคาดว่าไม่น่าจะประหยัดขึ้นจากรุ่น 1.4 สักเท่าใด  เพียงแค่บล๊อกนี้ปรับจูนให้รองรับ E85 ที่มีราคาถูกกว่าน้ำมันชนิดอื่น  ทำให้คุณเติมน้ำมันต่อถังใช้ค่าใช้จ่ายลดลง

นอกจากนั้นระบบการควบคุมรถต่างๆ  ยังยอดเยี่ยมกระเทียมเจียวเช่นเดิม

จุดที่โดดเด่นน่าจะเป็นระบบ infotainment MyLink เสียมากกว่า  แต่ถ้าเป็นผู้ที่ไม่ค่อยชอบเทคโนโลยี หรือระบบเชื่อมต่อที่ทำให้วุ่นวาย ก็คงอาจจะไม่เห็นความสำคัญของมันสักเท่าไรนัก  อย่างเช่นผมเองเป็นต้น

ถ้าเป็นคนชอบรถช่วงล่างไว้ใจได้ และมีความปลอดภัยที่ดี  โดยไม่เน้นพละกำลังเครื่องมากนัก  พร้อมเติม E85 และมีลูกเล่นด้าน Gadget ภายใน   Sonic 1.6 ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดี  ในราคาที่ไม่แพงจนเกินไป

ชมภาพเพิ่มเติมคลิ๊ก http://photos.autospinn.com/2013-Chevrolet-Sonic-1600-E85-TestDrive/

ภณ เพียรทนงกิจ Test Driver

สนใจ Chevrolet Sonic มือ 2 ต้องที่ http://www.thaicar.com/car?keyword=sonic